ฮีโร่หรืออาชญากร? เกาหลีใต้ยืนยัน “อาสาสมัครเกาหลีใต้เสียชีวิตในยูเครน” เปิดปมลึกสงครามตัวแทนบนแผ่นดินยุโรป

อาสาสมัครเกาหลีใต้เสียชีวิตในยูเครน

[โซล/เคียฟ] – ท่ามกลางฤดูหนาวที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในแนวรบด้านตะวันออกของยูเครน ข่าวร้ายได้เดินทางข้ามทวีปมาถึงกรุงโซล เมื่อกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ (MOFA) ออกแถลงการณ์ยอมรับอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า พลเมืองชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ซึ่งลักลอบเดินทางเข้าไปร่วมรบในฐานะ “กองกำลังอาสาสมัครนานาชาติ” ได้เสียชีวิตลงแล้วจากการปะทะ การสูญเสียครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัว แต่กำลังจุดชนวนถกเถียงครั้งใหญ่ในสังคมเกาหลีใต้ ถึงจุดยืนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของรัฐบาล ท่ามกลางสงครามที่ดูเหมือนไกลตัวแต่กลับใกล้ตัวกว่าที่คิด

Ukraine: Russian Assault Kills Fleeing Civilians | Human Rights Watch

การยืนยันที่เจ็บปวดและสถานะทางกฎหมายที่คลุมเครือ

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวโดยขอสงวนนามระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำยูเครนได้รับแจ้งข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน เกี่ยวกับการเสียชีวิตของชายชาวเกาหลีใต้ (ไม่เปิดเผยชื่อเพื่อความเป็นส่วนตัว) โดยระบุเพียงว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้าสู่ยูเครนโดยฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทาง (Travel Ban Level 4) ของรัฐบาล

“เรากำลังเร่งประสานงานเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมาตุภูมิ แต่กระบวนการเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุยังมีการสู้รบอย่างหนักหน่วง” เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กล่าว

ความตายของเขาได้เปิดแผลสดในประเด็นทางกฎหมายของเกาหลีใต้ ภายใต้ “พระราชบัญญัติหนังสือเดินทาง” (Passport Act) การเดินทางเข้าสู่ยูเครนโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านวอน (ประมาณ 2.6 แสนบาท) ผู้ที่รอดชีวิตกลับมามักต้องเผชิญกับการสอบสวนและการดำเนินคดี ทว่าสำหรับผู้ที่กลับมาในสภาพไร้ลมหายใจ สถานะของพวกเขาคืออะไร? อาชญากรผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือวีรบุรุษผู้เสียสละเพื่อประชาธิปไตย? คำถามนี้กำลังแบ่งแยกความคิดเห็นของชาวเน็ตเกาหลีใต้อย่างรุนแรง

สงครามตัวแทน เมื่อ “เกาหลีเหนือ” คือตัวแปรสำคัญ

สิ่งที่ทำให้ข่าว อาสาสมัครเกาหลีใต้เสียชีวิตในยูเครน ครั้งนี้ มีน้ำหนักทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าครั้งก่อนๆ คือบริบทของเวลา (Timing)

รายงานข่าวกรองจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกในช่วงเดือนที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือแม้กระทั่งบุคลากรทางทหารจากเปียงยาง อาจกำลังมีบทบาทสนับสนุนรัสเซียในแนวหน้า

นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์จากสถาบัน Sejong Institute ในกรุงโซล ให้ทัศนะว่า “นี่คือภาพสะท้อนของสงครามเกาหลีขนาดย่อมบนแผ่นดินยุโรป ในขณะที่พลเมืองเกาหลีใต้บางส่วนเลือกที่จะไปถือปืนฝั่งยูเครนด้วยอุดมการณ์เสรีนิยม อีกฝั่งหนึ่งคือพันธมิตรทางทหารของเกาหลีเหนือที่กำลังจับมือกับรัสเซีย การเสียชีวิตครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของความขัดแย้งระดับโลกที่ขยายวงกว้าง”

1 South Korean volunteer soldier in Ukraine confirmed dead

แรงกดดันต่อประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล

รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล กำลังเผชิญแรงกดดันมหาศาล ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ยึดถือนโยบายไม่ส่งมอบ “อาวุธร้ายแรง” (Lethal Aid) ให้กับยูเครนโดยตรง โดยเน้นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและอุปกรณ์เก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่การเสียชีวิตของพลเมืองตนเองอาจเป็นจุดเปลี่ยน

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมและกลุ่มผู้สนับสนุนยูเครนในเกาหลีใต้เริ่มตั้งคำถามว่า รัฐบาลทำเพียงพอแล้วหรือไม่ในการปกป้องพลเมือง หรืออย่างน้อยที่สุด คือการสนับสนุนยูเครนให้สามารถจบสงครามได้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้มีคนหนุ่มสาวต้องไปตายเพิ่ม ในขณะที่ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลควรเข้มงวดมาตรการห้ามเดินทางให้มากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกาหลีใต้ถูกลากเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย

เส้นทางอันโดดเดี่ยวของ “กองกำลังนานาชาติ”

แม้จะไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด แต่คาดการณ์ว่ายังมีชาวเกาหลีใต้จำนวนหนึ่งปฏิบัติการอยู่ใน “กองกำลังนานาชาติ” (International Legion) ในยูเครน แรงจูงใจของพวกเขามีหลากหลาย ตั้งแต่อุดมการณ์ทางการเมือง ความต้องการปกป้องผู้บริสุทธิ์ ไปจนถึงความต้องการแสวงหาประสบการณ์ทางทหารแบบที่การเกณฑ์ทหารในประเทศให้ไม่ได้

อดีตหน่วยรบพิเศษของเกาหลีใต้รายหนึ่งที่เคยเดินทางไปยูเครนและกลับมาถูกดำเนินคดี เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “โลกอาจมองว่าเราเป็นทหารรับจ้าง หรือพวกบ้าสงคราม แต่ในสนามรบ เราคือพี่น้องที่สู้เพื่อไม่ให้ความชั่วร้ายชนะ กฎหมายห้ามเราได้แค่ร่างกาย แต่ห้ามจิตวิญญาณไม่ได้”

อย่างไรก็ตาม ความจริงในสนามรบนั้นโหดร้าย การขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลบ้านเกิดทำให้พวกเขาไร้หลักประกัน ไม่มีประกันชีวิต ไม่มีสถานทูตคอยช่วยเหลือเมื่อบาดเจ็บ และเมื่อเสียชีวิต การนำร่างกลับบ้านก็กลายเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้สำหรับครอบครัวธรรมดา

Russian forces escalate attacks on Ukraine's civilian areas - WHYY

บทบาทของรัสเซียและการทูตที่ตึงเครียด

ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโซล ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์นี้ แต่ที่ผ่านมารัสเซียมีจุดยืนชัดเจนว่า นักรบต่างชาติที่เข้าร่วมกับยูเครนถือเป็น “ทหารรับจ้าง” ซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาเจนีวา และอาจถูกดำเนินคดีหรือตกเป็นเป้าหมายการสังหารได้ทันที

ความสัมพันธ์ระหว่างโซลและมอสโกอยู่ในจุดที่เปราะบางที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น การเสียชีวิตของพลเมืองเกาหลีใต้จากการโจมตีของรัสเซีย (แม้จะเป็นในพื้นที่สงคราม) อาจนำไปสู่การประท้วงทางการทูต และอาจเป็นข้ออ้างให้เกาหลีใต้ขยับขยายความร่วมมือทางทหารกับกลุ่ม NATO และสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัสเซียพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด

อนาคตที่ยังมองไม่เห็นทางออก

กรณี อาสาสมัครเกาหลีใต้เสียชีวิตในยูเครน รายล่าสุดนี้ จะไม่ใช่รายสุดท้าย ตราบใดที่สงครามยังดำเนินต่อไปและภาพความโหดร้ายยังถูกถ่ายทอดผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ก็ยากที่จะห้ามปรามผู้คนที่มีอุดมการณ์ไม่ให้เดินทางไปแสวงหาความยุติธรรมด้วยปลายกระบอกปืน

รัฐบาลเกาหลีใต้จำเป็นต้องทบทวนมาตรการรับมือ ทั้งในแง่ของการป้องปราม การบังคับใช้กฎหมาย และการเยียวยาทางมนุษยธรรม การปล่อยให้สถานะของพวกเขาเป็นเพียง “อาชญากรที่ตายไปแล้ว” อาจดูใจร้ายเกินไปสำหรับความรู้สึกของสาธารณชน แต่การยกย่องพวกเขาก็เสี่ยงต่อการชักนำให้คนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่สนามรบ

ในท้ายที่สุด โศกนาฏกรรมนี้ย้ำเตือนเราว่า ในยุคโลกาภิวัตน์ สงครามที่เกิดขึ้นอีกซีกโลกหนึ่ง สามารถส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงหน้าประตูบ้านเราได้เสมอ และราคาที่ต้องจ่ายสำหรับคำว่า “เสรีภาพ” นั้น มักจะสูงเกินกว่าที่เราประเมินไว้

 

แหล่งที่มาจาก : am2con