[กัวลาลัมเปอร์/โกตาบารู] – เสียงไซเรนเตือนภัยล่วงหน้าเริ่มดังขึ้นอีกครั้งในคาบสมุทรมลายู เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยามาเลเซีย (MetMalaysia) ออกประกาศฉบับเร่งด่วน เตือนภัยระดับสีเหลือง (Waspada) ถึงระดับสีส้ม (Buruk) เกี่ยวกับสภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมชายฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะในรัฐกลันตันและตรังกานู ซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการรับมือกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือประจำปี การประกาศครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพยากรณ์อากาศประจำวัน แต่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์และนักมนุษยธรรมทั่วโลกกำลังจับตามองด้วยความกังวล นั่นคือ “ฤดูกาลแห่งความเสียหาย” ที่อาจซ้ำเติมเศรษฐกิจภูมิภาค

สัญญาณอันตรายจาก MetMalaysia เมื่อธรรมชาติไม่ประนีประนอม
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ธันวาคม 2025 กรมอุตุฯ มาเลเซียเตือนฝนตกหนัก โดยระบุว่าอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องใน รัฐกลันตัน (Kelantan) และ รัฐตรังกานู (Terengganu) ไปจนถึงช่วงสุดสัปดาห์นี้
แถลงการณ์จาก MetMalaysia ระบุชัดเจนว่า “ปริมาณน้ำฝนสะสมอาจสูงเกิน 100 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมงในบางพื้นที่ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ” คำเตือนนี้ส่งผลให้ศูนย์ควบคุมและบัญชาการภัยพิบัติแห่งชาติ (NADMA) ต้องยกระดับการเตรียมพร้อมสู่ขั้นสูงสุดทันที โดยมีการสั่งการให้เตรียมศูนย์อพยพชั่วคราว (PPS) กว่า 500 แห่งในสองรัฐดังกล่าว เพื่อรองรับความเป็นไปได้ในการเคลื่อนย้ายประชาชนนับหมื่นคน
ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจ ผลกระทบต่อ “ทองคำสีเขียว” และตลาดยางพารา
สิ่งที่ทำให้การแจ้งเตือนภัยครั้งนี้น่าสนใจในระดับสากล ไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณน้ำฝน แต่คือ “พื้นที่” ที่ได้รับผลกระทบ รัฐกลันตันและตรังกานู รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงในรัฐปะหัง ถือเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก
- วิกฤตน้ำมันปาล์ม (Palm Oil Crisis) มาเลเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอินโดนีเซีย ภาวะฝนตกหนักและน้ำท่วมขังเป็นอุปสรรคสำคัญในการเก็บเกี่ยวผลปาล์มสด (Fresh Fruit Bunches) การขนส่งที่หยุดชะงักจากถนนที่ถูกตัดขาดอาจทำให้ผลผลิตเน่าเสียก่อนถึงโรงงานสกัด
- นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Commodities คาดการณ์ว่า “หากฝนตกหนักยืดเยื้อเกิน 3 วัน อาจส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียในเดือนธันวาคมลดลง 10-15% ซึ่งจะดันราคาตลาดโลกให้พุ่งสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนอาหารและพลังงานชีวภาพทั่วโลก”
- ตลาดยางพาราชะงักงัน พื้นที่ภาคตะวันออกของมาเลเซียยังเป็นแหล่งปลูกยางพาราที่สำคัญ ฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ ส่งผลให้อุปทานยางธรรมชาติในตลาดโลกตึงตัว ซึ่งอาจส่งผลดีต่อราคายางในระยะสั้น แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังต้องการวัตถุดิบ

บทเรียนจากอดีตและการบริหารจัดการของรัฐบาล “อันวาร์ อิบราฮิม”
การรับมือกับ กรมอุตุฯ มาเลเซียเตือนฝนตกหนัก ในครั้งนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญทางการเมืองของ นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม
ย้อนกลับไปในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2021 และต้นปี 2024 มาเลเซียเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความล่าช้าในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและความสับสนในการประสานงานระหว่างหน่วยงานกลางและท้องถิ่น ครั้งนี้ รัฐบาลกลางพยายามแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive Approach)
- เทคโนโลยีเข้าช่วย NADMA ได้นำระบบ AI มาใช้ในการประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยและส่ง SMS แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เฉพาะเจาะจง (Location-based alerts)
- การกระจายอำนาจ มีการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ระดับเขต (District Officers) สามารถสั่งอพยพและเบิกจ่ายงบฉุกเฉินได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากปุตราจายา เพื่อลดขั้นตอนราชการ (Red Tape) ที่เคยเป็นอุปสรรคในอดีต
ดร. อาหมัด ฟารุก ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการภัยพิบัติจากมหาวิทยาลัยมลายา ให้ทัศนะว่า “รัฐบาลรู้ดีว่าน้ำท่วมไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติ แต่เป็นภัยทางการเมือง หากจัดการล้มเหลว คะแนนนิยมในรัฐฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นฐานเสียงของฝ่ายค้าน (Perikatan Nasional) จะยิ่งสั่นคลอน ดังนั้นเราจึงเห็นการระดมทรัพยากรลงไปอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มมีคำเตือน”
มิติความเชื่อมโยงกับประเทศไทย เพื่อนบ้านร่วมชะตากรรม
สถานการณ์ในมาเลเซียมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาส แม่น้ำโก-ลก ซึ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดนธรรมชาติ มักจะเอ่อล้นเข้าท่วมทั้งสองฝั่งประเทศเมื่อมีฝนตกหนักในรัฐกลันตัน
ผลกระทบข้ามพรมแดน (Transboundary Impact)
- การค้าชายแดน ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก และรันเตาปันจัง อาจต้องปิดทำการชั่วคราวหากระดับน้ำสูงขึ้น กระทบต่อมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ
- การท่องเที่ยว ช่วงเดือนธันวาคมเป็นฤดูท่องเที่ยว (High Season) ของนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ข้ามมายังหาดใหญ่และสงขลา คำเตือนฝนตกหนักอาจทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นของไทย

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความปกติใหม่ที่ไม่ปกติ
รายงานจากคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และศูนย์ภูมิอากาศอาเซียน (ASMC) ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับ “Super Monsoon” หรือมรสุมที่มีความรุนแรงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
อุณหภูมิน้ำทะเลในทะเลจีนใต้ที่สูงขึ้น เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่เติมพลังงานให้กับพายุฝน ทำให้ กรมอุตุฯ มาเลเซียเตือนฝนตกหนัก กลายเป็นหัวข้อข่าวที่ถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น โครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม เช่น ท่อระบายน้ำและเขื่อนกั้นตลิ่ง อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
บทสรุป การเตรียมพร้อมคือทางรอดเดียว
ในขณะที่เมฆฝนดำทะมึนปกคลุมท้องฟ้าเหนือรัฐกลันตันและตรังกานู สายตาของคนทั้งโลกต่างจับจ้องไปที่มาเลเซีย ไม่ใช่เพียงเพื่อดูระดับน้ำ แต่เพื่อดูว่าประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนจะรับมือกับความท้าทายจากธรรมชาติได้อย่างไร
การประกาศเตือนภัยของ MetMalaysia ในวันนี้ เป็นมากกว่าการพยากรณ์อากาศ แต่มันคือสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจ เกษตรกรรม และประชาชน ต้องปรับตัวให้อยู่รอดในโลกที่สภาพอากาศแปรปรวนอย่างสุดขั้ว การลงทุนในระบบเตือนภัยล่วงหน้า โครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น (Resilient Infrastructure) และความร่วมมือระหว่างประเทศ จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดที่จำเป็นที่สุดในศตวรรษที่ 21
แหล่งที่มาจาก : am2con