มุมไบ, อินเดีย ปฏิบัติการกู้ภัยตัวประกันที่รวดเร็วและเด็ดขาดของตำรวจนครมุมไบได้ยุติสถานการณ์ตึงเครียดที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในย่าน Powai เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค. 2568) โดยเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเด็ก 17 คนสำเร็จได้อย่างปลอดภัย หลังถูกชายคนหนึ่งจับเป็นตัวประกันนานเกือบสามชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้เปิดแผลลึกในสังคมอินเดีย เมื่อแรงจูงใจเบื้องหลังของคนร้ายถูกเปิดเผยว่าไม่ใช่การก่อการร้ายหรือเงินค่าไถ่ แต่เป็นความคับแค้นจากปัญหา ‘หนี้สินคงค้าง’ มูลค่ามหาศาลที่ถูกกล่าวหาว่าหน่วยงานรัฐบาลมหาราษฏระค้างจ่าย
ปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะของหน่วยงานความมั่นคงในการปกป้องพลเรือนเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนที่ดังไปทั่วโลกถึงผลกระทบทางสังคมที่ร้ายแรง เมื่อการทำงานที่ล่าช้าและขาดประสิทธิภาพของระบบราชการ กลายเป็นชนวนเหตุที่ผลักดันพลเมืองธรรมดาให้กระทำการรุนแรงเกินกว่าเหตุ

1. ฉากหน้า ปฏิบัติการกู้ภัยที่ตึงเครียด ณ สตูดิโอ Powai
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ RA Studio ภายในอาคาร Mahavir Classic ย่าน Powai ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจัดออดิชั่นสำหรับเด็กและเยาวชนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง โดยมีเด็กอายุระหว่าง 10-15 ปี เดินทางมาจากหลายพื้นที่ของรัฐมหาราษฏระเพื่อเข้าร่วมการคัดตัว
- ผู้ก่อเหตุ นาย โรหิต อารยา (Rohit Arya) วัย 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางสังคมและอดีตผู้ให้คำปรึกษาโครงการของรัฐบาล
- ชนวนเหตุ นายอารยาได้ล่อลวงเด็ก ๆ เข้ามาในสตูดิโอภายใต้ข้ออ้างของการออดิชั่นเว็บซีรีส์ ก่อนจะล็อกประตูและประกาศว่าได้จับพวกเขาไว้เป็นตัวประกันพร้อมขู่ว่าจะจุดไฟเผาอาคารหากข้อเรียกร้องไม่เป็นผล
- การตอบสนองของตำรวจ ตำรวจนครมุมไบได้รับแจ้งเหตุในเวลาประมาณ 1345 น. และเข้าปิดล้อมพื้นที่อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยทีมตอบโต้ฉุกเฉิน (Quick Response Team – QRT) และหน่วยดับเพลิง การเจรจาดำเนินไปอย่างตึงเครียดกว่าสองชั่วโมง โดยนายอารยาได้เผยแพร่วิดีโอที่ระบุว่าตนไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายและไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการคำตอบและ ‘การสนทนา’ จากเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
- จุดจบของวิกฤต เมื่อการเจรจาล้มเหลวและคนร้ายมีท่าทีจะทำร้ายเด็กถูกจับเป็นตัวประกัน หน่วยคอมมานโดตัดสินใจบุกเข้าทางห้องน้ำด้านหลังสตูดิโอ โดยใช้บันไดของหน่วยดับเพลิงเป็นทางเข้า เจ้าหน้าที่ต้องยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว หลังจากที่นายอารยาใช้ปืนลมยิงเข้าใส่ จนทำให้นายอารยาเสียชีวิตในเวลาต่อมา และตำรวจอินเดียช่วยเด็ก 17 คนสำเร็จได้อย่างปลอดภัย
2. แรงจูงใจที่ซ่อนเร้น ความสิ้นหวังจาก ‘หนี้รัฐ ₹2 Crore’
สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้โดดเด่นในเวทีสากลคือการเปิดเผยเบื้องหลังของนายโรหิต อารยา ซึ่งสื่อท้องถิ่นและเพื่อนร่วมงานต่างยืนยันว่าเขาไม่ใช่อาชญากรอาชีพ แต่เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับโครงการสังคม

ข้อกล่าวหาหนี้สินและการเรียกร้องความเป็นธรรม
แรงจูงใจหลักที่นายอารยาเปิดเผยผ่านวิดีโอคือความคับแค้นที่เขาอ้างว่าไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากโครงการ ‘Swachhata Monitor’ ภายใต้แคมเปญ ‘My School, Beautiful School’ ของกรมสามัญศึกษา รัฐบาลมหาราษฏระ โดยเขาระบุว่าหนี้รัฐที่ค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยมีมูลค่าสูงถึงเกือบ ₹2 Crore (ประมาณ 8.6 ล้านบาท)
“ผมทำแผนการนี้แทนการฆ่าตัวตาย และจับเด็ก ๆ เป็นตัวประกัน… ผมมีความต้องการที่เรียบง่าย เป็นเรื่องของศีลธรรมและจริยธรรม ผมแค่อยากถามคำถามกับคนบางคนและต้องการคำตอบ” — ข้อความจากวิดีโอสุดท้ายของ โรหิต อารยา
นี่คือการใช้ ‘อาชญากรรม’ เป็นเครื่องมือสุดท้ายในการดึงความสนใจจากระบบที่ไม่แยแส (Systemic Apathy) การกระทำของนายอารยาไม่ต่างจากการประท้วงที่ผิดศีลธรรมและอันตรายที่สุด ซึ่งตอกย้ำถึงปัญหาเรื้อรังของการทุจริตและการจ่ายเงินล่าช้าในสัญญาภาครัฐของอินเดีย
ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นซ้ำ
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในอินเดีย ย้อนไปเมื่อปี 2563 นายสุภาศ บาธัม (Subhash Batham) อดีตผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม ก็ได้จับเด็กเป็นตัวประกันถึง 23 คนในรัฐอุตตรประเทศ เพื่อแลกกับการถอนข้อหาและเรียกร้องเงินค่าไถ่ แม้แรงจูงใจจะต่างกัน แต่การใช้ ‘เด็ก’ เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับอำนาจรัฐ หรืออำนาจอื่น ๆ สะท้อนถึงการขาดความเชื่อมั่นในกลไกทางกฎหมายปกติในการแก้ไขปัญหา
3. การจัดการวิกฤต บทเรียนของตำรวจมุมไบ
ตำรวจนครมุมไบได้รับคำชมเชยจากมุขมนตรี Devendra Fadnavis ที่สามารถจัดการวิกฤตนี้ได้อย่าง ‘หมดจด’ โดยมีจุดเน้นที่การประกันความปลอดภัยของตัวประกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการจัดการวิกฤตตัวประกันในอินเดีย
- การตอบสนองที่รวดเร็ว ทีมกู้ภัยถึงที่เกิดเหตุภายในไม่กี่นาทีหลังรับแจ้ง ทำให้สามารถจำกัดขอบเขตของสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การประเมินภัยคุกคาม เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่าอาวุธที่คนร้ายใช้เป็นเพียงปืนลม (Air Gun) และสารเคมีไวไฟ ซึ่งช่วยในการวางแผนจู่โจมได้อย่างแม่นยำ
- การจู่โจมอย่างเป็นระบบ การใช้จุดบอด (ห้องน้ำ) เป็นทางเข้าในการบุกโจมตี แสดงให้เห็นถึงการประสานงานที่ดีระหว่างตำรวจและหน่วยดับเพลิง เป็นการปฏิบัติการที่ใช้ความรุนแรงในระดับที่จำเป็นที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเด็กถูกจับเป็นตัวประกัน

4. ผลกระทบเชิงลึก การตั้งคำถามต่อธรรมาภิบาลในอินเดีย
เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นประเด็นระดับชาติที่กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความรับผิดชอบของรัฐบาล
- การขาดความโปร่งใสทางการเงิน หากนายอารยาพูดความจริงเกี่ยวกับการค้างจ่ายหนี้ แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ในการบริหารจัดการงบประมาณและสัญญาจ้างของรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย
- ความจำเป็นในการปฏิรูปการร้องทุกข์ การที่ประชาชนรู้สึกว่าต้องใช้วิธีสุดโต่งเพื่อเรียกร้องความสนใจจากรัฐ ชี้ให้เห็นว่าช่องทางปกติในการร้องเรียนหรือการฟ้องร้องทางกฎหมายนั้นไม่มีประสิทธิภาพหรือช้าเกินไป
- การป้องกันอาชญากรรมจากความสิ้นหวัง นานาชาติกำลังมองว่า ปัญหาธรรมาภิบาล (Governance) อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางสังคมไม่แพ้ปัญหาอาชญากรรมแบบเดิม เพราะมันสร้าง ‘อาชญากรโดยบังเอิญ’ ที่เกิดจากความสิ้นหวังในระบบ
การที่ตำรวจอินเดียช่วยเด็ก 17 คนสำเร็จ เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้เป็นเครื่องย้ำเตือนว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการบริหารจัดการและหนี้สินคงค้าง เพื่อไม่ให้ความสิ้นหวังของประชาชนคนหนึ่งกลายเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสังคมโดยรวมอีกครั้ง
แหล่งที่มาจาก : am2con