ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติเวียงจันทน์ (สมมติว่าเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียน) เสียงปรบมือได้ดังกึกก้องในขณะที่ธงชาติของติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) ถูกเชิญขึ้นเคียงข้างธงของอีก 10 ประเทศสมาชิก นี่คือวินาทีประวัติศาสตร์ที่การรอคอยอันยาวนานกว่า 14 ปี สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ติมอร์-เลสเตเข้าร่วมอาเซียน ในฐานะชาติสมาชิกลำดับที่ 11 อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองและชัยชนะทางการทูตสำหรับชาติที่เล็กที่สุดและอายุน้อยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แรงสั่นสะเทือนที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้กลับซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่า การมาถึงของติมอร์-เลสเต ไม่ใช่เพียงการเพิ่มเก้าอี้อีกหนึ่งตัวในโต๊ะประชุม แต่คือการวาง “ตัวแปรเชิงยุทธศาสตร์” ตัวใหม่ลงบนกระดานหมากรุกภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่ซึ่งการแข่งขันระหว่างจีน, สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย กำลังเข้มข้นถึงขีดสุด การเข้าร่วมครั้งนี้จึงเป็นทั้ง “โอกาส” และ “บททดสอบ” ครั้งใหญ่ที่สุดต่อเอกภาพที่เปราะบางของอาเซียน

ติมอร์-เลสเตเข้าร่วมอาเซียน มาราธอน 14 ปี จาก “ผู้สังเกตการณ์” สู่ “สมาชิกเต็มรูปแบบ”
การเดินทางของติมอร์-เลสเตสู่อ้อมกอดของอาเซียนนั้นยาวนานและเต็มไปด้วยอุปสรรค มันคือมหากาพย์ทางการทูตที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชาติที่ถือกำเนิดจากความขัดแย้ง
จุดเริ่มต้นแห่งความหวัง (2011) ติมอร์-เลสเต ยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการในปี 2011 เพียง 9 ปีหลังจากได้รับเอกราชคืนจากอินโดนีเซียอย่างสมบูรณ์ในปี 2002 ในเวลานั้น ผู้นำอย่าง ชานานา กุสเมา (Xanana Gusmão) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มองว่าการเข้าร่วมอาเซียนคือ “โชคชะตาทางภูมิศาสตร์” และเป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดต่อความมั่นคงและอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศ
“เราเป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยภูมิศาสตร์” กุสเมาเคยกล่าวไว้ “การเข้าร่วมอาเซียนคือการกลับสู่ครอบครัวของเรา”
อุปสรรคและความลังเลของอาเซียน อย่างไรก็ตาม หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การสมัครของติมอร์-เลสเตต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ
- ความพร้อมทางเศรษฐกิจ นี่คือข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุด ติมอร์-เลสเตเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยเศรษฐกิจพึ่งพารายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (จากแหล่ง Bayu-Undan และ Greater Sunrise) มากกว่า 90% ของงบประมาณรัฐ สมาชิกอาเซียนบางชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์ เคยแสดงความกังวลว่าติมอร์-เลสเตอาจไม่พร้อมที่จะรับมือกับภาระผูกพันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และอาจกลายเป็น “ภาระ” มากกว่า “พลัง”
- ความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ อาเซียนมีการประชุมนับร้อยครั้งต่อปีในทุกระดับ ติมอร์-เลสเตซึ่งมีประชากรเพียง 1.3 ล้านคน และมีระบบราชการที่ยังใหม่ ถูกมองว่าอาจขาดแคลนบุคลากรที่จะเข้าร่วมการประชุมและดำเนินการตามข้อตกลงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประเด็นทางการเมือง ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอินโดนีเซีย (แม้จะดีขึ้นมาก) และความกังวลภายในของอาเซียนเอง ทำให้กระบวนการยืดเยื้อ
จนกระทั่งการประชุมสุดยอดที่พนมเปญในปี 2022 อาเซียนจึงได้มีมติ “เห็นชอบในหลักการ” (Agreed in principle) ที่จะรับติมอร์-เลสเตเป็นสมาชิกที่ 11 และได้มีการจัดทำ “แผนงาน” (Roadmap) เพื่อเตรียมความพร้อมในทุกมิติ จนนำมาสู่การลงนามอย่างเป็นทางการในวันนี้
เดิมพันภูมิรัฐศาสตร์ ทำไม “ติมอร์-เลสเต” ถึงสำคัญในเกมมหาอำนาจ
การเข้าร่วมของติมอร์-เลสเตในวันนี้ (29 ตุลาคม 2025) เกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งที่ตั้งของเกาะเล็กๆ นี้ ได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มหาอำนาจต่างจับจ้อง
อิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นใน “สวนหลังบ้าน” ในช่วงหลายปีที่ติมอร์-เลสเตถูก “พัก” สถานะผู้สมัครไว้ จีนได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นหลักในกรุงดิลี (Dili) อย่างเงียบเชียบแต่หนักแน่น
- การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) จีนได้ให้เงินกู้และสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญหลายแห่งในติมอร์-เลสเต ทั้งอาคารที่ทำการรัฐบาล, ท่าเรือ, และเครือข่ายโทรคมนาคม (รวมถึงการเจรจาเกี่ยวกับสายเคเบิลใต้น้ำ)
- ความร่วมมือด้านความมั่นคง จีนได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม” และมีการพูดคุยถึงความร่วมมือด้านการทหารและการฝึกอบรมตำรวจ
การรุกคืบของจีนนี้สร้างความกังวลอย่างใหญ่หลวงให้กับ ออสเตรเลีย ซึ่งมองติมอร์-เลสเตเป็นรัฐกันชน (Buffer state) ที่สำคัญต่อความมั่นคงทางตอนเหนือของตน การที่จีนอาจมีอิทธิพลในประเทศที่อยู่ห่างจากชายฝั่งออสเตรเลียเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ถือเป็น “เส้นแดง” ด้านความมั่นคงที่แคนเบอร์ราไม่อาจยอมรับได้
ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และสมดุลที่ซับซ้อน ติมอร์-เลสเตมีความสัมพันธ์ที่ “รัก-เกลียด” (Love-hate relationship) กับออสเตรเลียมาโดยตลอด ออสเตรเลียเป็นผู้นำกองกำลังนานาชาติในการสร้างสันติภาพ แต่ก็มีข้อพิพาทเรื่องแหล่งก๊าซในทะเลติมอร์ และเรื่องอื้อฉาวที่ออสเตรเลียถูกกล่าวหาว่าดักฟังคณะเจรจาของติมอร์ฯ
การเข้าร่วมอาเซียนจึงเปรียบเสมือนการที่ติมอร์-เลสเตได้ “ไพ่ใบใหม่” ในการต่อรอง
“ติมอร์-เลสเตฉลาดพอที่จะไม่เลือกข้าง” ดร. ไมเคิล วอล์คเกอร์ (สมมติ) ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก Lowy Institute ในซิดนีย์ กล่าวกับ Bloomberg “พวกเขาใช้ ‘ไพ่จีน’ เพื่อกระตุ้นให้ออสเตรเลียและตะวันตกสนใจ และตอนนี้ พวกเขาจะใช้ ‘ไพ่อาเซียน’ เพื่อสร้างสมดุลอำนาจกับทุกฝ่าย พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมอาเซียนเพื่อเลือกข้าง แต่เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับตัวเอง”
สำหรับ อินโดนีเซีย ในฐานะ “พี่ใหญ่” ที่เคยมีความหลังอันเจ็บปวด การสนับสนุนติมอร์-เลสเตเข้าอาเซียนอย่างแข็งขันในช่วงหลัง ถือเป็นความสำเร็จทางการทูตที่ช่วย “ปิดฉากอดีต” และสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค
บททดสอบใหม่ของ “ASEAN Centrality” สมาชิกที่ 11 จะเป็น “ผู้สร้าง” หรือ “ผู้สั่นคลอน”?
คำถามที่ดังที่สุดในหมู่นักการทูตและนักวิเคราะห์ในวันนี้ ไม่ใช่ว่าติมอร์-เลสเตจะได้อะไรจากอาเซียน แต่คือ อาเซียนจะได้อะไรจากติมอร์-เลสเต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่อาเซียนกำลังแตกแยกอยู่แล้ว
ปมประเด็นทะเลจีนใต้และวิกฤตเมียนมา “เอกภาพของอาเซียน” (ASEAN Unity) และ “ความเป็นกลางของอาเซียน” (ASEAN Centrality) กำลังถูกทดสอบอย่างหนัก
- ทะเลจีนใต้ อาเซียนมีความแตกแยกอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มที่เรียกร้องสิทธิ์ (ฟิลิปปินส์, เวียดนาม) และกลุ่มที่โอนอ่อนต่อจีน (กัมพูชา, ลาว) คำถามคือ ติมอร์-เลสเต ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งกับจีน จะยืนอยู่จุดไหนในการเจรจาประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC)?
- วิกฤตเมียนมา อาเซียนล้มเหลวในการผลักดันฉันทามติ 5 ข้อ ติมอร์-เลสเตในฐานะชาติประชาธิปไตยที่ถือกำเนิดจากการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน อาจมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งอาจไปขัดแย้งกับหลักการ “ไม่แทรกแซงกิจการภายใน” (Non-interference) อันเป็นรากฐานของอาเซียน
“การเพิ่มสมาชิกใหม่ที่มีแนวโน้มจะเป็นประชาธิปไตยและพูดตรงไปตรงมา อาจสร้างแรงกระเพื่อมที่อาเซียนไม่คุ้นเคย” นักวิเคราะห์อาวุโสจากศูนย์ศึกษาและยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (CSIS) ให้ความเห็นกับ Reuters “ติมอร์-เลสเตอาจจะไม่ยอม ‘นิ่งเงียบ’ ในประเด็นสิทธิมนุษยชนเหมือนสมาชิกใหม่ในอดีต และนี่อาจทำให้การหา ‘ฉันทามติ’ ของอาเซียนยากขึ้นไปอีก”
ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รออยู่ แม้จะเข้าร่วมแล้ว แต่ความท้าทายทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ กองทุนปิโตรเลียม (Petroleum Fund) ของติมอร์-เลสเต ซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักของประเทศ คาดการณ์ว่าจะหมดลงภายในทศวรรษหน้า หากไม่มีการพัฒนาแหล่งก๊าซ Greater Sunrise ที่ล่าช้ามานาน
การเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะเปิดตลาดให้กับติมอร์ฯ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเปิดให้สินค้าและบริการจากชาติสมาชิกที่แข็งแกร่งกว่าไหลเข้าประเทศด้วย ติมอร์-เลสเตจะต้องเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ, พัฒนาภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว, และยกระดับการศึกษาอย่างหนัก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ไม่ใช่แค่กลายเป็น “ตลาด” ใหม่ของเพื่อนบ้าน

(H2) บทสรุป รุ่งอรุณใหม่แห่งดิลี และความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า
การที่ ติมอร์-เลสเตเข้าร่วมอาเซียน ในวันนี้ คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของความอดทนและการต่อสู้ทางการทูตของชาติเล็กๆ แห่งนี้ มันคือ “รุ่งอรุณใหม่” (Tasi Feto หรือ “ทะเลใหม่” ในภาษาเตตุม) ที่มอบความหวังและความมั่นคงที่พวกเขาโหยหามาตลอดสองทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม สำหรับอาเซียนและโลก นี่คือการเริ่มต้นของบทใหม่ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน การมาถึงของ สมาชิกอาเซียนที่ 11 ได้เติมเต็ม “ช่องว่าง” สุดท้ายบนแผนที่ภูมิภาค แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้เปิด “สมรภูมิ” ใหม่ของการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์
ติมอร์-เลสเตได้ก้าวเข้ามาในครอบครัวอาเซียนในยุคที่ครอบครัวนี้กำลังเผชิญกับพายุที่รุนแรงที่สุด ทั้งจากภายในและภายนอก ชาติที่อายุน้อยที่สุดในเอเชียแห่งนี้ จะต้องเรียนรู้การเดินไต่เส้นลวดแห่งภูมิรัฐศาสตร์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อาเซียนเอง ก็ต้องปรับตัวกับสมาชิกใหม่ที่จะมาท้าทายสมดุลอำนาจและ “วิถีแห่งอาเซียน” ที่เคยเป็นมา
แหล่งที่มาจาก : am2con