ณ ริมฝั่งแม่น้ำเมย ชายแดนไทย-พม่า ภาพของคลื่นมนุษย์กว่า 1,200 คน ที่สิ้นหวังและอิดโรย กำลังหนีตายข้ามพรมแดนมายังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ล่าสุดของวิกฤตอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค พวกเขาคือผู้รอดชีวิตจาก “เคเคพาร์ก” (KK Park) หนึ่งใน “เมืองอาชญากรรม” ที่ฉาวโฉ่ที่สุดในรัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า การอพยพครั้งใหญ่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นผลพวงโดยตรงจาก “ปฏิบัติการกวาดล้าง” ที่นำโดยกองทัพเมียนมาร์และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งเกิดขึ้นหลังแรงกดดันอย่างหนักจากประชาคมโลก โดยเฉพาะจีน บทความเชิงลึกนี้จะเจาะลึกถึงเบื้องหลังปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยข้อกังขา ภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน และวิกฤตมนุษยธรรมที่กำลังก่อตัว ซึ่งอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของจุดจบ หรือแค่การย้ายฐานของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์พม่าที่หยั่งรากลึก

เปิดฉากปฏิบัติการทลาย “เคเคพาร์ก” วินาทีที่คลื่นมนุษย์ทะลักสู่แม่สอด
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์บริเวณชายแดนเมียวดี-แม่สอด ได้ทวีความตึงเครียดถึงขีดสุด รายงานจากแหล่งข่าวสากลหลายสำนักยืนยันตรงกันว่า ปฏิบัติการทางทหารได้เริ่มต้นขึ้นในพื้นที่ เคเคพาร์ก ตั้งแต่วันที่ 20-21 ตุลาคม 2025 โดยมีทั้งการจู่โจมภาคพื้นดิน และการใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีอาคารหลายแห่งภายในศูนย์อาชญากรรมดังกล่าว (ตามรายงานจาก TNN และ Thairath News ที่อ้างอิงสถานการณ์ในพื้นที่)
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความโกลาหล พนักงานซึ่งเป็นชาวต่างชาติจำนวนมหาศาลจากหลายสิบประเทศ ทั้งที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ และผู้ที่สมัครใจเข้ามาทำงานในวงจรอาชญากรรมไซเบอร์ ต่างพากันหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด
ข้อมูลล่าสุดจากทางการไทย (ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2025) ยืนยันตัวเลขผู้หลบหนีเข้าเมืองที่ควบคุมตัวได้แล้วอย่างน้อย 1,233 คน โดยทั้งหมดถูกนำไปรวมไว้ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในอำเภอแม่สอด เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดแยกที่ซับซ้อนที่สุดครั้งหนึ่ง
- สัญชาติที่หลากหลาย รายงานจาก Khaosod English ระบุว่า กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือชาวอินเดีย (399 คน) ตามมาด้วยชาวจีน (147 คน) และมีชาวไทย 31 คน นอกจากนี้ยังมีชาวเวียดนาม, ฟิลิปปินส์, เอธิโอเปีย, ปากีสถาน, อินโดนีเซีย และเนปาล
- ความท้าทายด้านมนุษยธรรม พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า กระบวนการคัดแยกใช้เวลานานนับ 10 วัน เพื่อแยกว่าใครคือ “เหยื่อ” ที่ถูกบังคับ และใครคือ “ผู้กระทำผิด” ที่จะถูกดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและอาจมีส่วนร่วมกับองค์กรอาชญากรรม
นายสวานิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ยืนยันกับ AFP ว่า “เราให้ความช่วยเหลือภายใต้หลักมนุษยธรรม” แต่ในขณะเดียวกันก็ต้อง “คัดกรองอย่างเข้มงวด” ซึ่งสะท้อนถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ประเทศไทยกำลังเผชิญในฐานะรัฐด่านหน้า
เจาะลึก “เคเคพาร์ก” และ “ชเวโก๊กโก่” นครรัฐบาปที่โลกไม่ต้องการ
เพื่อที่จะเข้าใจความรุนแรงของวิกฤตครั้งนี้ เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า “เคเคพาร์ก คืออะไร?”
เคเคพาร์ก และเมืองแฝดอย่าง “ชเวโก๊กโก่” (Shwe Kokko) ไม่ใช่เมืองปกติ แต่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่กลายสภาพเป็น “นครรัฐนอกกฎหมาย” (Lawless Enclaves) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเมย ในพื้นที่ควบคุมของรัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามอำเภอแม่สอดของไทย
รายงานเชิงสืบสวนสอบสวนจาก The Guardian และ AP ในช่วงปีที่ผ่านมา เผยให้เห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว
- ป้อมปราการอาชญากรรม พื้นที่เหล่านี้ถูกล้อมรอบด้วยรั้วลวดหนาม มีหอสังเกตการณ์ และกองกำลังติดอาวุธคุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในประกอบด้วยอาคารสูงระฟ้า คาสิโน และ “สำนักงาน” ที่แท้จริงคือศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงต้มตุ๋น
- ศูนย์กลางการค้ามนุษย์ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) และกลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง ประเมินว่ามีคนหลายหมื่นคน (บางรายงานสูงถึง 100,000 คนทั่วพม่า) ถูกล่อลวงและบังคับให้ทำงานในศูนย์เหล่านี้
- ธุรกิจหลอกลวงข้ามชาติ “พนักงาน” ถูกบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นคนทั่วโลกผ่านสารพัดรูปแบบ ทั้ง Romance Scams (หลอกรัก), Pig Butchering (หลอกลงทุนคริปโต) สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
- ความโหดร้ายทารุณ เหยื่อที่ขัดขืนหรือไม่ทำยอด จะถูกทารุณกรรม, กักขัง, ช็อตไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งถูกขายต่อไปยังศูนย์อื่น ดังที่เหยื่อผู้รอดชีวิตชาวอินโดนีเซียเคยให้สัมภาษณ์กับ AP ว่า “ฉันร้องไห้… ฉันบอกเพื่อนว่า ‘เราถูกขายแล้ว และมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้กลับบ้าน'”

ภูมิรัฐศาสตร์แห่งการกวาดล้าง เมื่อ “จีน” หมดความอดทน และ “BGF” ต้องเลือกข้าง
คำถามสำคัญคือ ทำไมจู่ๆ “ปฏิบัติการกวาดล้าง” ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ จึงเกิดขึ้นได้? คำตอบไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลทหารในเนปิดอว์ แต่อยู่ที่แรงกดดันมหาศาลจากปักกิ่ง
รายงานจากสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (USIP) เมื่อเดือนเมษายน 2024 (และข้อมูลต่อเนื่อง) ชี้ให้เห็นถึง “ภูมิรัฐศาสตร์แห่งอาชญากรรม” ที่ซับซ้อน
- แรงกดดันจากจีน รัฐบาลจีน ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายใหญ่ที่สุดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ได้สูญเสียความอดทน ปฏิบัติการ “1027” ทางตอนเหนือของรัฐฉานเมื่อปลายปี 2023 ที่จีนสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรภราดรภาพ (Brotherhood Alliance) โจมตีกองทัพพม่าและทลายฐานที่มั่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเล่าก์ก่าย (Laukkai) ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจน
- การย้ายฐานลงใต้ เมื่อฐานที่มั่นทางตอนเหนือ (ติดชายแดนจีน) ถูกทลาย เครือข่ายอาชญากรรมจีนเหล่านี้จึงย้ายฐานปฏิบัติการลงมายังพื้นที่ชายแดนไทย โดยเฉพาะใน เมียวดี ซึ่งอยู่นอกเขตอิทธิพลโดยตรงของจีน
- บทบาทของ BGF พื้นที่เมียวดี รวมถึง เคเคพาร์ก และ ชเวโก๊กโก่ อยู่ภายใต้การควบคุมของ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) รัฐกะเหรี่ยง (ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง – KNA) ที่นำโดย พ.อ.หม่อง ชิต ตู กองกำลังนี้เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารพม่า และเป็นผู้ให้ความคุ้มครองและรับผลประโยชน์มหาศาลจากการลงทุนของกลุ่มทุนจีนสีเทาในพื้นที่เหล่านี้ (ตามรายงานของ Justice For Myanmar)
ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการ “แสดง” ที่จำเป็นของทั้งรัฐบาลทหารพม่าและ BGF เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันที่หนักหน่วงจากจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญที่สุด
“นี่คือการแสดงละครกวาดล้างสแกมเมอร์” บทวิเคราะห์จากสำนักข่าวชายขอบ (Transborder News) ระบุว่า ปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) เพื่อลดแรงเสียดทานระหว่างประเทศ และแสดงให้จีนเห็นว่า “กำลังดำเนินการ”
“การแสดง” ที่สร้างวิกฤตจริง ประเทศไทยในฐานะผู้รับมือด่านหน้า
ไม่ว่าปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้จะเป็น “ของจริง” หรือ “ละครฉากใหญ่” ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ “ของจริง” และประเทศไทยคือผู้ที่ต้องรับมือกับวิกฤตมนุษยธรรมนี้โดยตรง
ความท้าทายที่ทางการไทยกำลังเผชิญมีหลายมิติ
- การคัดแยกที่แทบเป็นไปไม่ได้ การแยก “เหยื่อ” ออกจาก “อาชญากร” ในกลุ่มคน 1,200 คนที่พูดคนละภาษาและไม่มีเอกสารติดตัว เป็นงานที่มหาศาล เหยื่อหลายคนอาจถูกบังคับให้โกหกเพื่อเอาตัวรอด ในขณะที่อาชญากรตัวเล็กๆ อาจแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเหยื่อ
- ปัญหาด้านกฎหมายและการส่งกลับ เหยื่อ การค้ามนุษย์ จะต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ผู้ที่ “สมัครใจ” มาทำงาน แม้จะในธุรกิจผิดกฎหมาย ก็จะถูกดำเนินคดีฐานหลบหนีเข้าเมือง การประสานงานกับสถานทูตกว่า 10 ประเทศเพื่อส่งคนกลับจึงเป็นฝันร้ายด้านโลจิสติกส์
- ความมั่นคงชายแดน การทะลักเข้ามาของคนจำนวนมากในเวลาอันสั้น สร้างความกังวลอย่างยิ่งต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นพื้นที่เปราะบางอยู่แล้ว

บทสรุป จุดจบของ “เคเคพาร์ก” หรือแค่การเริ่มต้นของการย้ายฐานครั้งใหม่?
การล่มสลายของ เคเคพาร์ก ในเมียวดี ถือเป็นชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ครั้งสำคัญในการต่อสู้กับอาณาจักรอาชญากรรมไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้แต่ป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดก็สามารถพังทลายได้เมื่อถูกแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มากพอ โดยเฉพาะจากมหาอำนาจอย่างจีน
อย่างไรก็ตาม นี่อาจไม่ใช่จุดจบของสงครามนี้ ตราบใดที่ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและสภาวะไร้ขื่อแปยังคงดำรงอยู่ในพื้นที่ชายแดนของพม่า เครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งมีความสามารถในการปรับตัวสูง ก็อาจเพียงแค่ย้ายฐานปฏิบัติการไปยังพื้นที่อื่นที่ปลอดภัยกว่า ทั้งในพม่า ลาว หรือกัมพูชา
วิกฤตผู้ลี้ภัย 1,200 คนที่หน้าด่านแม่สอดในวันนี้ คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของต้นทุนมนุษย์ (Human Cost) ที่เกิดจากอุตสาหกรรมต้มตุ๋นระดับโลก และเป็นเครื่องเตือนใจว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยปฏิบัติการทางทหาร อาจสร้างวิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหม่ที่รุนแรงไม่แพ้กัน
แหล่งที่มาจาก : am2con