ปรินซ์ กรุ๊ป ซุกเงิน 9 หมื่นล้านวอน กรุงโซล/พนมเปญ (22 ตุลาคม 2025) – วงการการเงินระหว่างประเทศกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลังสื่อสืบสวนสอบสวนชั้นนำของเกาหลีใต้เปิดโปงรายงานที่น่าตื่นตระหนก “แฉกลุ่มธุรกิจ ปรินซ์ กรุ๊ป” (Prince Group) เครือข่ายธุรกิจขนาดมหึมาในกัมพูชา ว่ามีการ ซุกเงินกว่า 9 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 65-70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไว้ในบัญชีของ ธนาคารเกาหลีใต้สาขากัมพูชา แห่งหนึ่ง การค้นพบ “ขุมทรัพย์” ที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นเงินจาก การฟอกเงิน ครั้งมโหฬารนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความอับอายและจุดชนวนการสอบสวนฉุกเฉินโดยหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินในกรุงโซล แต่ยังเป็นการตอกย้ำข้อกล่าวหาที่มีมาอย่างยาวนานว่า “ปรินซ์ กรุ๊ป” อาจเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” สำคัญของเครือข่าย อาชญากรรมไซเบอร์ และ “เมืองสแกม” ที่กำลังกัดกินเสถียรภาพและความมั่นคงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปรินซ์ กรุ๊ป ซุกเงิน 9 หมื่นล้านวอน ในพนมเปญ การเปิดโปงที่สั่นคลอนกรุงโซล
การเปิดโปงครั้งนี้เริ่มต้นจากรายงานของสำนักข่าวสืบสวนสอบสวนในเกาหลีใต้ ที่ทำงานร่วมกับแหล่งข่าวภายในภาคธนาคาร ได้ติดตามเส้นทางการเงินที่น่าสงสัยซึ่งเชื่อมโยงกับบุคคลและบริษัทในเครือ ปรินซ์ กรุ๊ป
รายงานระบุว่า บัญชีหลายบัญชีที่เปิดในนามบริษัทบังหน้า (Shell Companies) ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้บริหารระดับสูงของ ปรินซ์ กรุ๊ป ถูกพบนิ่งอยู่ใน ธนาคารเกาหลีใต้สาขากัมพูชา (ซึ่งรายงานยังไม่เปิดเผยชื่อธนาคาร แต่เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ที่ไปเปิดสาขาในพนมเปญ) ยอดเงินรวมที่ถูกพักไว้มีมูลค่าสูงถึง 9 หมื่นล้านวอน
“นี่คือความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของระบบ” แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองทางการเงินของเกาหลี (KoFIU) กล่าวกับสื่อ “การที่เงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้จากองค์กรที่มีความเสี่ยงสูงอย่างปรินซ์ กรุ๊ป สามารถเล็ดลอดผ่านระบบการตรวจสอบของธนาคารชั้นนำของเราได้ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้”
สิ่งที่น่าตกใจคือ เงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายอย่างซับซ้อน แต่เป็นการฝากและพักไว้ในบัญชี ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ฝากอาจมองว่าธนาคารเกาหลีใต้เป็น “ที่หลบภัย” (Safe Haven) ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อ “ฟอก” เงินให้ดูสะอาด ก่อนที่จะโอนย้ายไปยังที่อื่นต่อไป
“ปรินซ์ กรุ๊ป” คือใคร? มหาอำนาจสองหน้าแห่งกัมพูชา
เพื่อที่จะเข้าใจความรุนแรงของข่าว ปรินซ์ กรุ๊ป ซุกเงิน 9 หมื่นล้านวอน เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า “ปรินซ์ กรุ๊ป” คือใคร
ปรินซ์ กรุ๊ป (Prince Holding Group) คือหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในกัมพูชา ก่อตั้งโดย นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) นักธุรกิจชาวจีนที่โอนสัญชาติเป็นกัมพูชา ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชั้นนำในพนมเปญ
โฉมหน้า “นักพัฒนา” ผู้ใจบุญ
ในหน้าฉาก ปรินซ์ กรุ๊ป คือ “นักพัฒนา” ชั้นนำของประเทศ
- ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย เครือข่ายธุรกิจของพวกเขากว้างขวางมาก ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ (อาคาร Prince Plaza), ธนาคาร (Prince Bank), สายการบิน (Prince International Airlines) ไปจนถึงธุรกิจบันเทิงและรีสอร์ต
- ภาพลักษณ์ “CSR” ปรินซ์ กรุ๊ป ทุ่มเงินมหาศาลในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) การบริจาคเพื่อการกุศล การสร้างโรงเรียน และการสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาในช่วงวิกฤตโควิด-19
- ผู้พลิกโฉมสีหนุวิลล์ พวกเขาคือผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เปลี่ยนเมืองตากอากาศ สีหนุวิลล์ (Sihanoukville) ให้กลายเป็น “มาเก๊าแห่งใหม่” ที่เต็มไปด้วยกาสิโนและตึกสูงระฟ้า
โฉมหน้า “เจ้าพ่อ” และข้อกล่าวหา “เมืองสแกม”
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังภาพลักษณ์ที่สวยหรูนี้ ปรินซ์ กรุ๊ป และ นายเฉิน จื้อ ถูกสื่อต่างประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชน (เช่น Al Jazeera, Reuters และ UN) ตั้งข้อสงสัยอย่างหนักถึงความเชื่อมโยงกับโลกอาชญากรรม
- ศูนย์กลาง “Scamdemic” รายงานหลายชิ้นชี้เป้าว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษและอาคารขนาดใหญ่หลายแห่งในสีหนุวิลล์ที่ “ปรินซ์ กรุ๊ป” เป็นเจ้าของหรือบริหารงาน (เช่น “ไชน่าทาวน์” ในสีหนุวิลล์) ได้กลายเป็น “ฐานที่มั่น” หรือ “เมืองสแกม” (Scam Cities)
- แหล่งค้ามนุษย์ อาคารเหล่านี้คือสถานที่กักขังเหยื่อ การค้ามนุษย์ จากทั่วเอเชีย (รวมถึงคนไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย และแม้แต่ เหยื่อชาวเกาหลีใต้) ที่ถูกบังคับให้ทำงานใน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัมพูชา และปฏิบัติการ อาชญากรรมไซเบอร์ เช่น “การเชือดหมู” (Pig Butchering)
- การฟอกเงิน กาสิโนและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือถูกตั้งข้อสงสัยมานานว่า เป็นช่องทางหลักในการ การฟอกเงิน กัมพูชา สำหรับกลุ่มอาชญากรจีนและขบวนการข้ามชาติ
ดังนั้น การค้นพบเงิน 9 หมื่นล้านวอน ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเลี่ยงภาษี แต่ถูกตั้งข้อสงสัยอย่างหนักว่า อาจเป็น “เงินสกปรก” ที่มาจากผลกำไรมหาศาลของขบวนการค้ามนุษย์และหลอกลวงออนไลน์เหล่านี้
วิกฤตศรัทธา เมื่อธนาคารเกาหลีใต้กลายเป็น “เครื่องซักฟอก”
ข่าวนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วกรุงโซล โดยเฉพาะในหมู่หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินอย่าง Financial Services Commission (FSC เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการ การปราบปรามการฟอกเงิน (AML)
การล่มสลายของระบบ AML/KYC ในต่างแดน
ธนาคารเกาหลีใต้ ซึ่งปกติมีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance) กลับมาตกม้าตายในสาขาต่างประเทศได้อย่างไร?
- กัมพูชา เขตอำนาจศาลความเสี่ยงสูง (High-Risk Jurisdiction) กัมพูชาถูกจัดอยู่ใน “บัญชีสีเทา” (Grey List) ของ FATF (Financial Action Task Force) ซึ่งเป็นหน่วยงานสากลด้านการฟอกเงินมานานหลายปี (แม้จะเพิ่งถูกถอดออก) หมายความว่า สถาบันการเงินที่ไปเปิดสาขาที่นั่น “ต้อง” ใช้มาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดสูงสุด
- ความล้มเหลวของ KYC (Know Your Customer) การที่ธนาคารอนุญาตให้บริษัทบังหน้าของบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง (Politically Exposed Persons – PEPs หรือบุคคลที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรม) อย่าง “ปรินซ์ กรุ๊ป” เปิดบัญชีและฝากเงินมหาศาลได้ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างร้ายแรงของกระบวนการ KYC ในสาขาท้องถิ่น
- การกำกับดูแลที่หละหลวม เป็นไปได้ว่า ธนาคารสาขากัมพูชาอาจดำเนินการโดย “ผ่อนปรน” กฎเกณฑ์เพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ (อย่างปรินซ์ กรุ๊ป) โดยที่สำนักงานใหญ่ในกรุงโซลไม่ได้รับทราบ หรือระบบการรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (Suspicious Transaction Report – STR) ทำงานผิดพลาด
ปฏิกิริยาจากกรุงโซล “สอบสวนเต็มรูปแบบ”
โฆษกของ FSC เกาหลีใต้ ได้ออกแถลงการณ์ฉุกเฉินในเช้าวันนี้
“เราได้รับทราบรายงานที่น่ากังวลอย่างยิ่งนี้แล้ว และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนและครอบคลุมไปยัง ธนาคารเกาหลีใต้สาขากัมพูชา ทุกแห่งที่เกี่ยวข้องทันที… เราจะไม่ประนีประนอมต่อความล้มเหลวใดๆ ในการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน และจะใช้มาตรการลงโทษขั้นสูงสุดหากพบการกระทำผิด”
วิกฤตครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของธนาคารที่เกี่ยวข้อง แต่ยังบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของภาคการเงินเกาหลีใต้ทั้งหมดในเวทีโลก
ภูมิรัฐศาสตร์ของการฟอกเงิน มากกว่าแค่เรื่องอื้อฉาวในธนาคาร
การเปิดโปงครั้งนี้เกิดขึ้นใน “จังหวะเวลา” ที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค
“ฟางเส้นสุดท้าย” สู่การคว่ำบาตร
ข่าวนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่า “เกาหลีใต้พิจารณาคว่ำบาตรทางการเงิน สู้เครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชา”
การที่ ปรินซ์ กรุ๊ป ซุกเงิน 9 หมื่นล้านวอน ในระบบธนาคารของเกาหลีใต้เอง ถือเป็น “หลักฐานคาหนังคาเขา” (Smoking Gun) ที่รัฐบาลโซลต้องการ มันพิสูจน์ว่า
- เครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชามีอยู่จริง และร่ำรวยมหาศาล
- เครือข่ายเหล่านี้ กำลังใช้สถาบันการเงินของเกาหลีใต้เป็นเครื่องมือ
- การที่ เหยื่อชาวเกาหลีใต้ ถูกหลอกลวงและค้ามนุษย์ในกัมพูชา และเงินเหล่านั้นอาจจะถูก “ฟอก” ผ่านธนาคารเกาหลีใต้เอง เป็นเรื่องที่รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่อาจยอมรับได้
“นี่คือการประกาศสงครามทางการเงิน” นักวิเคราะห์จากสถาบันเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ (INSS) ในกรุงโซล กล่าว “รัฐบาลยุน ซ็อก-ยอล ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบกำหนดเป้าหมาย (Targeted Sanctions) ต่อ ปรินซ์ กรุ๊ป และผู้ที่เกี่ยวข้องทันที”
แรงกดดันต่อนายกฯ ฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลชุดใหม่ของกัมพูชา ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ซึ่งกำลังพยายามอย่างหนักที่จะ “รีแบรนด์” ประเทศและกวาดล้างภาพลักษณ์ “เมืองสแกม” ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล การที่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างเกาหลีใต้ (ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในกัมพูชา) กำลังถูกลากเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวนี้ ทำให้รัฐบาลพนมเปญต้องเลือกระหว่างการ “ปกป้อง” กลุ่มทุนใหญ่อย่างปรินซ์ กรุ๊ป หรือ “ตัดนิ้ว” เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
บทสรุป (Conclusion)
ปรินซ์ กรุ๊ป ซุกเงิน 9 หมื่นล้านวอน การเปิดโปง “ขุมทรัพย์ 9 หมื่นล้านวอน” ของ ปรินซ์ กรุ๊ป ใน ธนาคารเกาหลีใต้สาขากัมพูชา เป็นมากกว่าข่าวการทุจริตทางการเงิน นี่คือจุดตัดที่สมบูรณ์แบบของอาชญากรรมข้ามชาติ, การฟอกเงิน ระดับโลก, วิกฤตด้านมนุษยธรรมจาก การค้ามนุษย์ และความล้มเหลวในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
ในขณะที่กรุงโซลกำลังเริ่มการ “ชำระล้าง” ภายในองค์กรของตนเอง และเตรียม “อาวุธ” ทางการเงินเพื่อคว่ำบาตรเครือข่ายเหล่านี้ คำถามใหญ่ที่ยังคงอยู่คือ เงิน 9 หมื่นล้านวอนนี้ เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของอาณาจักรอาชญากรรมไซเบอร์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงาของตึกระฟ้าในกัมพูชาหรือไม่ (ความยาวบทความ ประมาณ 2,350 คำ)
แหล่งที่มาจาก : am2con