ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงโซลและกรุงพนมเปญกำลังดำดิ่งสู่จุดเยือกแข็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากโศกนาฏกรรมการเสียชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ที่ถูกล่อลวงและทรมานจนเสียชีวิตโดยแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชา เหตุการณ์ นักศึกษาเกาหลีใต้ถูกฆ่า ที่โหดเหี้ยมนี้ได้จุดชนวนความโกรธแค้นในสังคมเกาหลีใต้ และบีบให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการทางการทูตขั้นสูงสุด ด้วยการที่นาย โจ ฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกาหลีใต้เรียกทูตกัมพูชา เข้าพบเพื่อประท้วงอย่างรุนแรง พร้อมยกระดับ เตือนเดินทางกัมพูชา สู่ระดับพิเศษ บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา ที่กำลังกัดกินความมั่นคงในภูมิภาค และกำลังกลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร
จากความหวังสู่นรกบนดิน เกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษาเกาหลีใต้ในกัมพูชา?
เรื่องราวที่น่าสลดใจนี้เริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคม เมื่อนักศึกษาหนุ่มจากจังหวัดคยองซังเหนือ ซึ่งระบุตัวตนเพียงนามสกุลว่า “พัค” ได้เดินทางไปยังกัมพูชาโดยบอกกับครอบครัวว่าจะไปร่วมงานแสดงสินค้า แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้ายกว่านั้นมาก เขาถูกล่อลวงด้วยข้อเสนองานที่มีรายได้สูง ซึ่งเป็นกลอุบายของเครือข่าย อาชญากรรมข้ามชาติ
- การลักพาตัวและเรียกค่าไถ่ หนึ่งสัปดาห์หลังจากการเดินทาง ครอบครัวของเขาได้รับโทรศัพท์ขู่กรรโชก เรียกเงินค่าไถ่จำนวน 50 ล้านวอน (ประมาณ 35,200 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยอ้างว่านายพัคได้สร้างปัญหาและต้องชดใช้ แต่การสื่อสารก็ขาดหายไปในเวลาต่อมา
- การค้นพบร่าง ร่างของเขาถูกพบในวันที่ 8 สิงหาคม ภายในรถยนต์คันหนึ่งในจังหวัดกัมปอต สภาพศพมีร่องรอยการถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
- สาเหตุการเสียชีวิต ใบมรณบัตรที่ออกโดยตำรวจกัมพูชาระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า “ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากการถูกทรมานและความเจ็บปวดอย่างรุนแรง” ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความโหดเหี้ยมของกลุ่มผู้ก่อเหตุ
- ผู้ต้องสงสัย ทางการกัมพูชาได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวจีน 3 รายในข้อหาฆาตกรรม และกำลังติดตามผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนีอีก 2 ราย
ร่างของนายพัคยังคงไม่ถูกส่งกลับมาตุภูมิเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวที่บรรยายสถานการณ์นี้ว่า “เหมือนกับการฆ่าเขาซ้ำสอง” ขณะที่ทางการเกาหลีใต้กำลังพยายามประสานงานเพื่อทำการชันสูตรศพร่วมกัน
“ความกังวลอย่างยิ่งยวด” ท่าทีแข็งกร้าวจากกรุงโซล
ความล่าช้าในการคลี่คลายคดีและจำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเหยื่อซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ได้ผลักดันให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องยกระดับการตอบสนองทางการทูต เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ โจ ฮยอน ได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ณ กรุงโซล นาย ควน พน รัตนาก เข้าพบ ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักและบ่งบอกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
“ผมได้เชิญทูตรัตนากมาในวันนี้เพื่อแสดงความกังวลอย่างยิ่งยวดต่อกรณีการฉ้อโกงตำแหน่งงานและการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับพลเมืองเกาหลีในกัมพูชา” นายโจกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลพนมเปญ “ใช้มาตรการที่รวดเร็วและเป็นรูปธรรมเพื่อกำจัดเครือข่ายการฉ้อโกงออนไลน์”
นอกจากการประท้วงทางการทูตแล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้ยังได้ดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อปกป้องพลเมืองของตน
- ยกระดับเตือนภัยการเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศได้ยกระดับคำเตือนการเดินทางสำหรับกรุง พนมเปญ และพื้นที่เสี่ยงสูงอื่น ๆ เช่น สีหนุวิลล์ และภูเขาโบกอร์ เป็น “คำแนะนำพิเศษ” ซึ่งเป็นการเตือนให้พลเมืองยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
- ผลักดันการจัดตั้ง “Korean Desk” เกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาร่วมมืออย่างแข็งขันในการจัดตั้ง “โต๊ะเกาหลี” (Korean Desk) ซึ่งจะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้เข้าไปประจำการและทำงานร่วมกับตำรวจกัมพูชาได้โดยตรง เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการช่วยเหลือเหยื่อ
- คำสั่งจากประธานาธิบดี ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ใช้ความพยายามทางการทูตอย่างเต็มที่” เพื่อปกป้องความปลอดภัยของพลเมืองในกัมพูชา และเร่งนำพาเหยื่อที่ยังถูกกักขังกลับประเทศโดยเร็ว
ยอดภูเขาน้ำแข็ง วิกฤตการค้ามนุษย์ที่ระบาดในกัมพูชา
เหตุการณ์ นักศึกษาเกาหลีใต้ถูกฆ่า เป็นเพียงหนึ่งในโศกนาฏกรรมจำนวนมากที่เกิดขึ้นจากเครือข่ายอาชญากรรมที่เฟื่องฟูในกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านบางแห่ง ซึ่งใช้การหลอกลวงเสนองานที่มีรายได้สูงเป็นเหยื่อล่อคนหนุ่มสาวจากทั่วเอเชีย
- สถิติที่น่าตกใจ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่า จำนวนพลเมืองที่ถูกลักพาตัวในกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากปีละ 10-20 คดี พุ่งสูงเป็น 220 คดีในปี 2022-2023 และมีรายงานมากถึง 330 คดีนับจนถึงเดือนสิงหาคมปีนี้เพียงปีเดียว ล่าสุดมีการเปิดเผยว่ายังมีชาวเกาหลีใต้อีกกว่า 80 คนที่เชื่อว่าเป็นเหยื่อและยังคงสูญหายในกัมพูชา
- รูปแบบอาชญากรรม เมื่อเหยื่อเดินทางมาถึง จะถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ กักขัง และบังคับให้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเหยื่อรายอื่น ๆ ต่อไป ผู้ที่ไม่ยอมทำตามจะถูกทุบตีอย่างทารุณด้วยท่อเหล็กหรือช็อตด้วยไฟฟ้า
- รายงานจากองค์กรสิทธิมนุษยชน Amnesty International ระบุว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนในศูนย์กลางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกัมพูชากำลังเกิดขึ้น “ในระดับมหาศาล” และมีสถานที่ที่ใช้ก่อเหตุลักษณะนี้อย่างน้อย 53 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ ค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน การทรมาน และการทำให้เป็นทาส
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์และอนาคตที่น่ากังวล
ความสัมพันธ์เกาหลีใต้-กัมพูชาล่าสุด กำลังอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด การเรียกทูตเข้าพบเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าความอดทนของเกาหลีใต้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
- ผลกระทบด้านการท่องเที่ยว นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์ของกัมพูชาและอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ความท้าทายในการประสานงาน แม้ทูตกัมพูชาจะรับปากว่าจะนำข้อกังวลของเกาหลีใต้ไปรายงานต่อรัฐบาลของตน แต่ความคืบหน้าในการให้ความร่วมมือทางการสืบสวนยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งรัฐบาลและประชาชนชาวเกาหลีใต้
- มุมมองเสริมต่อภูมิภาค วิกฤตการณ์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกัมพูชา แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นความท้าทายร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เช่น เกาหลีใต้ จีน และแม้แต่ไทย ที่ต้องเผชิญกับปัญหาในลักษณะเดียวกัน
บทสรุป เมื่อความปลอดภัยของพลเมืองคือความมั่นคงของชาติ
โศกนาฏกรรมของนักศึกษาพัคได้เปลี่ยนจากคดีอาชญากรรมธรรมดาให้กลายเป็นประเด็นร้อนทางการทูตที่สั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ มันได้เปิดโปงความจริงอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับเครือข่ายอาชญากรรมที่หยั่งรากลึก และบีบให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
การตอบสนองของรัฐบาลกัมพูชาต่อแรงกดดันจากเกาหลีใต้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะเป็นตัวชี้วัดอนาคตความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติ และที่สำคัญกว่านั้นคือ จะเป็นบทพิสูจน์ว่ารัฐบาลพนมเปญมีความจริงใจในการกวาดล้างสวรรค์ของอาชญากรที่เฟื่องฟูอยู่บนแผ่นดินของตน และคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อผู้บริสุทธิ์อย่างนายพัคและครอบครัวได้หรือไม่
แหล่งที่มาจาก : am2con