ราคาทองฮ่องกง ภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนถนนสายการเงินที่เคยพลุกพล่านของฮ่องกง เมื่อประชาชนหลายพันคนยืนต่อคิวยาวเหยียดหลายร้อยเมตร ไม่ใช่เพื่อซื้อสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด แต่เพื่อขายเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำและมรดกตกทอดในรูปแบบของทองคำ หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งทะยานผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิด ปรากฏการณ์ แห่ขายทอง ครั้งใหญ่นี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของโอกาสในการทำกำไร แต่กำลังเผยให้เห็นรอยร้าวที่ซ่อนลึกอยู่ภายใต้พื้นผิวของ เศรษฐกิจฮ่องกง บทความนี้จะวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนภัยของวิกฤตค่าครองชีพที่กำลังจะมาถึง หรือเป็นเพียงการตอบสนองอย่างสมเหตุสมผลต่อภาวะตลาดโลกที่ผันผวน
ราคาทองฮ่องกง ทองทะลุ 4,000 ดอลลาร์ อะไรคือเชื้อไฟที่ผลักดันราคาสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่?
การพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งของราคาทองคำจนทะลุ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ เป็นผลมาจาก “พายุที่สมบูรณ์แบบ” (Perfect Storm) ของปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคหลายประการที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก ทำไมราคาทองคำถึงพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์? นักวิเคราะห์จากสภาทองคำโลก (World Gold Council) และวาณิชธนกิจชั้นนำชี้ไปที่ปัจจัยหลักดังนี้
- ความอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ การตัดสินใจของ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์จึงมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น ทำให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
- ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อทั่วโลก แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ปัญหา เงินเฟ้อ ที่เกิดจากต้นทุนพลังงานและปัญหาห่วงโซ่อุปทานยังคงฝังรากลึก นักลงทุนจึงหันมาถือครองทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เพื่อป้องกันความมั่งคั่งของตนไม่ให้ถูกกัดกร่อน
- ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในหลายภูมิภาคของโลก และความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในประเทศมหาอำนาจ ทำให้นักลงทุนสถาบันและธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แห่เข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศในปริมาณมหาศาล
- อุปสงค์จากตลาดเกิดใหม่ ความต้องการทองคำจากผู้บริโภคในจีนและอินเดียยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้กับราคาในระยะยาว
ภาพจริงจากฮ่องกง จากถนนนาธานถึงเยาวมาไต๋
ปรากฏการณ์ ราคาทองฮ่องกง ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ได้ปลดปล่อยอุปทานทองคำที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในตู้เซฟและกล่องกำมะหยี่ตามบ้านเรือนออกมาสู่ตลาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ร้านทองชื่อดังหลายแห่งบน ถนนนาธาน (Nathan Road) ในย่านจิมซาจุ่ย ไปจนถึงร้านรับซื้อของเก่าในย่านเยาวมาไต๋ ต่างเต็มไปด้วยผู้คนที่นำสมบัติตั้งแต่สร้อยคอแต่งงานของอาม่า, กำไลข้อมือทองคำของลูก, ไปจนถึงทองคำแท่งขนาดเล็กที่เก็บสะสมไว้ มาเข้าคิวรอประเมินราคา
“ฉันเก็บสร้อยเส้นนี้มา 30 ปี มันเป็นของขวัญแต่งงานจากแม่สามี” นางหว่อง หญิงวัย 65 ปี กล่าวขณะยืนรอคิวหน้าร้านทองแห่งหนึ่ง “แต่ตอนนี้ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ลูกชายก็เพิ่งตกงาน ถ้าขายตอนนี้ก็ได้เงินก้อนใหญ่มาช่วยพยุงครอบครัวไปได้อีกหลายเดือน”
คำพูดของนางหว่องสะท้อนความรู้สึกของคนจำนวนมาก สถานการณ์นี้ไม่ใช่การเก็งกำไร แต่เป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดเพื่อเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องให้เป็นเงินสดเพื่อการอยู่รอด
- คิวยาวจนต้องปิดรับ ร้านทองยักษ์ใหญ่อย่าง Chow Tai Fook และ Lukfook Jewellery ต้องประกาศปิดรับคิวรับซื้อทองคำก่อนเวลาทำการปกติเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน เนื่องจากมีลูกค้ามากเกินกว่าจะรับไหว
- ขายทุกอย่างที่เป็นทอง ไม่ใช่แค่ จิวเวลรี่เก่า แต่ยังรวมถึงกรอบแว่นทอง, ฟันปลอมทอง, และเหรียญที่ระลึกต่างๆ ก็ถูกนำออกมาขายด้วย
- เจ้าของร้านทองชี้ “นี่เป็นการเทขายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี” นายลี เจ้าของร้านทองรุ่นที่สามในย่านเซิงหว่านกล่าว “คนไม่ได้ขายเพราะโลภ แต่ขายเพราะจำเป็น”
ส่องเศรษฐกิจฮ่องกง เหตุใดประชาชนจึงต้องการเงินสด?
ภาพการต่อคิวขายทองครั้งนี้เป็นอาการที่สะท้อนโรคที่กำลังกัดกิน เศรษฐกิจฮ่องกง อยู่เบื้องลึก แม้ตัวเลข GDP จะเริ่มฟื้นตัว แต่สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว พวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน
- ค่าครองชีพสูงติดอันดับโลก ฮ่องกงยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพและราคาอสังหาริมทรัพย์แพงที่สุดในโลก ภาระหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
- อัตราว่างงานในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แม้อัตราว่างงานโดยรวมจะต่ำ แต่ตัวเลขในกลุ่มผู้จบการศึกษาใหม่ยังคงน่าเป็นห่วง ทำให้คนรุ่นลูกไม่สามารถช่วยเหลือพ่อแม่ได้เต็มที่
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เปราะบาง สถานการณ์เศรษฐกิจฮ่องกงล่าสุด ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก ทั้งความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยวและการค้าของฮ่องกง
การที่ ทองทะลุ 4000 ดอลลาร์ จึงเปรียบเสมือน “ทางออกฉุกเฉิน” ที่เปิดขึ้นมาในจังหวะที่เหมาะสมสำหรับหลายครอบครัวที่กำลังดิ้นรน
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต ทองคำจะไปต่อหรือพอแค่นี้?
ขายทองตอนนี้ดีไหม? สำหรับชาวฮ่องกงจำนวนมาก คำตอบคือ “ใช่” อย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับนักลงทุนทั่วโลก คำถามคือ แนวโน้มราคาทองคำในอนาคตจะเป็นอย่างไร? นักวิเคราะห์มีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่าราคาทองคำอาจเผชิญกับการปรับฐานในระยะสั้นหลังจากการพุ่งขึ้นที่ร้อนแรงเกินไป ขณะที่อีกฝ่ายเชื่อว่าตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานอย่างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ, ภาวะเงินเฟ้อ, และความต้องการจากธนาคารกลางยังคงอยู่ ราคาทองคำก็ยังมีโอกาสไปต่อได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนที่สุดจากเหตุการณ์ในฮ่องกงคือ ทองคำได้พิสูจน์บทบาทของมันในฐานะ “สินทรัพย์แห่งทางเลือกสุดท้าย” (Asset of Last Resort) อีกครั้ง มันไม่ใช่แค่โลหะสีเหลืองที่แวววาว แต่เป็นหลักประกันความอยู่รอดในยามที่ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่สั่นคลอน และเป็นบทบันทึกทางสังคมที่บอกเล่าเรื่องราวความหวัง ความกลัว และการดิ้นรนของผู้คนในยุคแห่งความผันผวนนี้ได้อย่างทรงพลังที่สุด
แหล่งที่มาจาก : am2con