เวียดนามน้ำท่วม ภาพของเมืองมรดกโลกอย่าง ฮอยอัน ที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือถนนในเมืองเศรษฐกิจอย่าง ดานัง ที่กลายสภาพเป็นคลอง ไม่ใช่แค่ภาพสะท้อนโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมอีกต่อไป แต่คือสัญญาณอันตรายที่ส่งตรงถึงห้องประชุมของบรรษัทข้ามชาติทั่วโลก เมื่อ สถานการณ์น้ำท่วมเวียดนาม ที่เลวร้ายลงจากอิทธิพลของ พายุแมตโม กำลังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ต่อห่วงโซ่อุปทานโลก บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกว่าเหตุการณ์ เวียดนามน้ำท่วม ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นผลพวงจาก ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่รุนแรงขึ้นทุกปี กำลังกลายเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ไม่อาจมองข้าม และเหตุใดเวียดนามที่เคยเป็นดาวรุ่งด้านการผลิตแห่งเอเชีย กำลังเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญที่สุด
เวียดนามน้ำท่วม พายุแมตโม ฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐที่เปียกโชก
ในช่วงเวลาที่ ภาคกลางเวียดนาม กำลังเผชิญกับฤดูมรสุมที่หนักหน่วงและระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักหลายสายสูงเกินระดับวิกฤตอยู่แล้ว การเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งของพายุโซนร้อนแมตโมได้กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจาก ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ของเวียดนามระบุว่า พายุลูกนี้นำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนสะสมที่สูงเป็นประวัติการณ์ในบางพื้นที่
- ปริมาณน้ำฝน บางจังหวัดในภาคกลางมีปริมาณฝนตกหนักวัดได้มากกว่า 900 มิลลิเมตรภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำฝนเกือบทั้งปีในบางประเทศ
- ผู้ได้รับผลกระทบ รัฐบาลเวียดนาม รายงานว่ามีประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย และอีกกว่า 1.5 ล้านคนได้รับผลกระทบโดยตรง
- ความเสียหายเบื้องต้น บ้านเรือนหลายหมื่นหลังคาเรือนจมน้ำหรือได้รับความเสียหาย ถนนและสะพานหลายสายถูกตัดขาด สร้างความเสียหายทางโครงสร้างพื้นฐานคิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ
พายุแมตโมล่าสุดถึงไหนแล้ว? แม้พายุจะอ่อนกำลังลงและสลายตัวไปแล้ว แต่ “แผลเป็น” ที่ทิ้งไว้คือมวลน้ำมหาศาลที่ยังคงท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทั้งชุมชนและเขตอุตสาหกรรมสำคัญ นี่คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์ที่ลึกซึ้งกว่าที่เห็น
มากกว่าภัยพิบัติ เมื่อ “โรงงานโลก” แห่งใหม่จมน้ำ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญที่สุดของโลก โดยเฉพาะหลังสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่ แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดนี้กลับตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่เปราะบางอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
หัวใจของห่วงโซ่อุปทานที่กำลังหยุดเต้น
เขตอุตสาหกรรมไฮเทคในดานังและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, เซมิคอนดักเตอร์, และสิ่งทอให้กับแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Samsung, Intel, Nike, และ Adidas ต้องเผชิญกับการหยุดชะงักอย่างรุนแรง
- การหยุดผลิต โรงงานหลายแห่งต้องประกาศหยุดการผลิตชั่วคราวเนื่องจากปัญหาน้ำท่วมทั้งในตัวโรงงานและเส้นทางคมนาคม ทำให้ไม่สามารถขนส่งวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปได้
- ผลกระทบแบบโดมิโน การขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามเริ่มส่งผลกระทบต่อสายการผลิตในประเทศอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนเหล่านี้ นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Economics เตือนว่า “การหยุดชะงักเพียงหนึ่งสัปดาห์ในเวียดนาม สามารถสร้างความล่าช้าให้กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีได้นานนับเดือน”
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุน เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับความยั่งยืนของการลงทุนในเวียดนาม ผลกระทบน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจเวียดนาม ในระยะยาวอาจไม่ใช่แค่ตัวเลขความเสียหาย แต่คือการสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองหาฐานการผลิตที่มั่นคงและปลอดภัย
เกษตรกรรมและผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารโลก
เวียดนามไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม แต่ยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะข้าวและกาแฟ พื้นที่เพาะปลูกสำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งภาคกลางและ สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
- นาข้าว พื้นที่ปลูกข้าวหลายแสนไร่จมอยู่ใต้น้ำ สร้างความเสียหายต่อผลผลิตที่กำลังจะเก็บเกี่ยว และอาจส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดโลก
- ไร่กาแฟ แม้จะได้รับผลกระทบไม่รุนแรงเท่านาข้าว แต่ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องก็สร้างความเสียหายต่อต้นกาแฟและคุณภาพของเมล็ดพันธุ์
“แผลเป็นจากสภาพภูมิอากาศ” วิกฤตซ้ำซากที่เวียดนามไม่อาจหลีกเลี่ยง
สาเหตุน้ำท่วมเวียดนามล่าสุดคืออะไร? คำตอบนั้นซับซ้อนกว่าแค่พายุหนึ่งลูก รายงานจากธนาคารโลก (World Bank) และดัชนี ND-GAIN Index ของมหาวิทยาลัยนอเทรอดาม จัดให้เวียดนามเป็นหนึ่งในสิบประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุดในโลก ปัจจัยหลายอย่างประกอบกันทำให้เวียดนามเปราะบางเป็นพิเศษ
- ภูมิประเทศ แนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,200 กิโลเมตร และพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์แต่เป็นที่ลุ่มต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อน้ำท่วมและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
- การพัฒนาเมืองที่รวดเร็ว การขยายตัวของเมืองอย่างขาดการวางแผนทำให้พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติลดลง และระบบระบายน้ำที่มีอยู่ไม่สามารถรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักผิดปกติได้
- การเปลี่ยนแปลงของลมมรสุม รูปแบบของฝนที่รุนแรงขึ้นและคาดเดายากขึ้นเป็นผลโดยตรงจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
เสียงสะท้อนจากพื้นที่และแนวทางการช่วยเหลือ
ขณะที่โลกกำลังจับตาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ผู้คนในพื้นที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด “เราสูญเสียทุกอย่าง บ้านของเรา ทุ่งนาของเรา ตอนนี้เราเหลือแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่” เหงียน วัน บินห์ เกษตรกรในจังหวัดกว๋างนามกล่าวกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่น
แนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเวียดนาม กำลังดำเนินไปอย่างเร่งด่วน ทั้งจากภาครัฐและองค์กรระหว่างประเทศ
- รัฐบาลเวียดนาม ได้ระดมกำลังทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหมื่นนายเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวและแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์
- องค์กรระหว่างประเทศ สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) และหน่วยงานของสหประชาชาติ ได้เริ่มให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินและเรียกร้องเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูในระยะยาว
บทสรุป สัญญาณเตือนถึงโลกที่เชื่อมต่อกัน
สถานการณ์ เวียดนามน้ำท่วม ครั้งนี้เป็นมากกว่าข่าวภัยพิบัติในต่างประเทศ มันคือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ไม่มีภัยพิบัติใดที่เป็นเรื่องเฉพาะของท้องถิ่นอีกต่อไป การหยุดชะงักของโรงงานแห่งหนึ่งในดานัง สามารถส่งผลให้ราคาสมาร์ทโฟนในยุโรปสูงขึ้นได้ และความเสียหายของนาข้าวในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ก็อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของประชากรในอีกซีกโลกหนึ่ง
สำหรับเวียดนาม นี่คือการบ้านครั้งใหญ่ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับโลก นี่คือสัญญาณเตือนว่า ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศคือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่แท้จริง และการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานโลกนั้นมีความจำเป็นเร่งด่วนกว่าที่เคยเป็นมา
แหล่งที่มาจาก : am2con