ในปฏิบัติการทางการทูตเชิงรุกที่หาชมได้ยาก กองทัพบกไทยได้เปิดพื้นที่ปฏิบัติการจริงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต้อนรับคณะผู้แทนระดับสูง ซึ่งประกอบด้วยคณะทูตานุทูตและผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศทั่วโลก เพื่อเข้ารับฟังการบรรยายสรุปและสังเกตการณ์ภารกิจของกองกำลังบูรพาอย่างใกล้ชิด นี่ไม่ใช่เพียงการเยี่ยมชมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตร แต่คือ “ปฏิบัติการสร้างความโปร่งใส” ครั้งสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้ประชาคมโลกได้เห็นถึงศักยภาพของกองทัพไทยที่เปลี่ยนไป และสร้างความเชื่อมั่นในการรับมือกับภัยคุกคามยุคใหม่ที่ซับซ้อนกว่าการรบตามแบบในอดีต บทความนี้จะเจาะลึกถึงนัยสำคัญที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการทูตในเครื่องแบบครั้งนี้ และสำรวจภารกิจที่แท้จริงของทหารไทยในวันที่ “สนามรบ” ชายแดนตะวันออก ไม่ได้มีแค่การป้องกันอธิปไตย แต่คือการต่อสู้กับสงครามเศรษฐกิจและมรดกเลือดจากอดีต
ปฏิบัติการ “เปิดบ้านชายแดน” เบื้องหลังและนัยสำคัญ
เมื่อวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 1 และ กองกำลังบูรพา ได้จัดกิจกรรม “การเยี่ยมชมและสังเกตการณ์การปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน” ให้กับ คณะทูตานุทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร ที่ประจำการในประเทศไทย โดยมีผู้แทนจาก 23 ประเทศเข้าร่วม อาทิ สหรัฐอเมริกา, จีน, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน
การจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “การทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy)” ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือ
- สร้างความโปร่งใส (Transparency) เปิดเผยการปฏิบัติภารกิจตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อลดความหวาดระแวงและป้องกันการเกิดข้อมูลบิดเบือน
- สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building) แสดงให้มิตรประเทศเห็นถึงความเป็นมืออาชีพของกองทัพไทยในการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนที่เคยมีความขัดแย้งในอดีต
- แสวงหาความร่วมมือ (Seeking Cooperation) เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และแสวงหาแนวทาง ความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการต่อสู้กับปัญหาข้ามชาติที่ทุกประเทศเผชิญร่วมกัน
ไม่ใช่แค่การรบ 4 ภารกิจหลักที่กองกำลังบูรพานำเสนอ
ไฮไลท์ของการเยี่ยมชมครั้งนี้ คือการที่กองกำลังบูรพาได้นำเสนอภารกิจ 4 ด้าน ที่สะท้อนถึงบทบาทของทหารในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างชัดเจน
1. สงครามเศรษฐกิจ การสกัดกั้นขบวนการลักลอบ
คณะทูตได้เยี่ยมชมจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และรับฟังการบรรยายสรุปถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างรุนแรง กองกำลังบูรพาได้แสดงถึงการทำงานร่วมกับกรมศุลกากรและตำรวจในการสกัดกั้นขบวนการเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ
2. ความมั่นคงมนุษย์ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นานาชาติให้ความสนใจคือปัญหา อาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ายาเสพติด, การค้ามนุษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้พื้นที่ชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการ กองทัพบกได้นำเสนอมาตรการเฝ้าระวังและสกัดกั้นการเดินทางเข้า-ออกที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทลายเครือข่ายเหล่านี้
3. มรดกเลือด ภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ยังไม่สิ้นสุด
หนึ่งในภารกิจที่สร้างความประทับใจให้กับคณะทูตมากที่สุด คือการเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิดอมภัณฑ์ (ทกท.กอร.สทพ.ศทส.) และหน่วยสุนัขทหาร ในการเก็บกู้ ทุ่นระเบิด ที่ยังคงหลงเหลือจากสมัยสงครามกลางเมืองกัมพูชา ภารกิจที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการคืนพื้นที่ทำกินที่ปลอดภัยให้กับประชาชน แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
4. เทคโนโลยีนำการทหาร โดรนและระบบเฝ้าตรวจอัจฉริยะ
กองกำลังบูรพาได้สาธิตการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการปฏิบัติภารกิจ เช่น การใช้โดรนบินลาดตระเวนระยะไกล, การติดตั้งกล้องตรวจการณ์ความร้อน และระบบเซ็นเซอร์ตามแนวชายแดน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและลดการเผชิญหน้าโดยไม่จำเป็น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ กองทัพบก ในการปรับตัวสู่การเป็นกองทัพที่ทันสมัย
เสียงสะท้อนจากนานาชาติ ความเข้าใจและความร่วมมือในอนาคต
เอกอัครราชทูต [ชื่อประเทศสมมติ] คณบดีคณะทูตานุทูต ได้กล่าวในนามผู้แทนว่า “การมาเยือนครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจถึงความท้าทายที่ซับซ้อนที่ประเทศไทยต้องเผชิญตามแนวชายแดนได้ดียิ่งขึ้น เราประทับใจในความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นของกองทัพบกไทยในการแก้ไขปัญหาที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการทหาร แต่ยังครอบคลุมถึงมิติด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรมด้วย กิจกรรมเช่นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและปูทางไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอนาคต”
ขณะที่ผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศมหาอำนาจรายหนึ่งให้ความเห็นว่า “การที่ไทยให้ความสำคัญกับ ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และการปฏิบัติภารกิจตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่น่ายกย่องและสอดคล้องกับแนวโน้มด้านความมั่นคงของโลก”
บทวิเคราะห์ การทูตเชิงป้องกันในวันที่โลกไม่สงบ
การจัดกิจกรรมของกองทัพบกในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในภูมิทัศน์ความมั่นคงของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่ง “อำนาจกำลังรบ” (Hard Power) เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องอาศัย “อำนาจละมุน” (Soft Power) และความสามารถในการสร้างเครือข่ายพันธมิตร
การเปิดพื้นที่ชายแดนให้ คณะทูตานุทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร ได้เห็นการทำงานจริง คือการลงทุนที่คุ้มค่าในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี, ลดความขัดแย้งที่อาจเกิดจากความเข้าใจผิด และแสดงบทบาทของประเทศไทยในฐานะ “รัฐที่มีความรับผิดชอบ” (Responsible State) บนเวทีโลก
ในยุคที่เต็มไปด้วยข่าวปลอมและความไม่ไว้วางใจ การสร้างความโปร่งใสผ่านการทูตเชิงป้องกันเช่นนี้ คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติในระยะยาว
แหล่งที่มาจาก : am2con