ในปฏิบัติการทางการทูตเชิงรุกครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบทศวรรษ รัฐบาลไทยได้เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้แทนระดับเอกอัครราชทูตและผู้แทนการค้าจาก 23 ประเทศมหาอำนาจและกลุ่มทุนสำคัญของโลก เพื่อนำชมศักยภาพของเมกะโปรเจกต์ที่จะเป็นเดิมพันอนาคตของประเทศ นั่นคือ “โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน” หรือ แลนด์บริดจ์ (Land Bridge) การเดินทางของ “คณะทูต 23 ประเทศ” ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการเยี่ยมชมตามธรรมเนียม แต่คือการส่งสารที่ชัดเจนและทรงพลังจากรัฐบาลไทยไปยังประชาคมโลกว่า “เราพร้อมแล้ว” นี่คือบทวิเคราะห์เชิงลึกถึงนัยทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการ “ทัวร์แลนด์บริดจ์” และการประเมินอย่างรอบด้านว่าความฝันมูลค่าล้านล้านบาทนี้ จะสามารถกลายเป็นความจริงและนำพาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งใหม่ของโลกได้หรือไม่
ปฏิบัติการ “ทัวร์แลนด์บริดจ์” เมื่อการทูตนำการลงทุน
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำคณะทูตานุทูตและผู้แทนการค้าจาก 23 ประเทศ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนองและชุมพร เพื่อรับฟังข้อมูลและสำรวจพื้นที่จริงของโครงการแลนด์บริดจ์ ภาพของคณะทูตจากสหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรป, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยืนอยู่ ณ จุดที่จะกลายเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งอนาคต ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่รัฐบาลต้องการสื่อไปทั่วโลกว่า โครงการนี้ไม่ใช่แค่แผนบนกระดาษ แต่กำลังจะกลายเป็นความจริง
เป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้ชัดเจน คือ
- สร้างความเชื่อมั่น (Build Confidence) ให้ประเทศมหาอำนาจเห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลและความพร้อมของประเทศไทย
- ให้ข้อมูลเชิงลึก (Provide Insight) นำเสนอข้อมูลศักยภาพ, ผลตอบแทนการลงทุน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างละเอียด
- กระตุ้นการตัดสินใจ (Stimulate Decision) เป็นการยิงสัญญาณให้รัฐบาลและภาคเอกชนของแต่ละประเทศ เริ่มต้นประเมินและตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนอย่างจริงจัง
เจาะเมกะโปรเจกต์ล้านล้าน แลนด์บริดจ์คืออะไรและสำคัญอย่างไร?
โครงการแลนด์บริดจ์ คือหัวใจของยุทธศาสตร์การพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) มีองค์ประกอบหลักคือ
- ท่าเรือน้ำลึกฝั่งระนอง ประตูสู่มหาสมุทรอินเดีย เชื่อมต่อไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC, ตะวันออกกลาง และยุโรป
- ท่าเรือน้ำลึกฝั่งชุมพร ประตูสู่อ่าวไทยและมหาสมุทรแปซิฟิก เชื่อมต่อไปยังจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา
- ระบบเชื่อมโยง (Land Bridge) มอเตอร์เวย์และรถไฟทางคู่ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร เชื่อมต่อสองท่าเรือเข้าด้วยกัน
จากอันดามันสู่อ่าวไทย ทางลัดใหม่ของโลก
แนวคิดหลักคือการสร้าง “ทางลัด” สำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก เพื่อลดระยะเวลาและต้นทุนโดยไม่ต้องอ้อมไปผ่าน “ช่องแคบมะละกา” ซึ่งปัจจุบันมีความแออัดอย่างหนักและมีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หากโครงการนี้สำเร็จ จะสามารถลดระยะเวลาการขนส่งลงได้เฉลี่ย 4-5 วัน และลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้อย่างมหาศาล ซึ่งจะพลิกโฉมหน้าการค้าโลกได้อย่างสิ้นเชิง
เบื้องหลังการเยือน เปิดรายชื่อ 23 ประเทศและนัยที่ซ่อนอยู่
การปรากฏตัวของทูตจาก 23 ประเทศพร้อมกันมีความหมายมากกว่าแค่ตัวเลข แต่สะท้อนถึงการแข่งขันและสมดุลอำนาจของโลก
- สหรัฐอเมริกาและจีน สองมหาอำนาจคู่แข่งที่ต่างก็ต้องการขยายอิทธิพลในภูมิภาค การเข้าร่วมของทั้งสองฝ่ายแสดงให้เห็นว่าแลนด์บริดจ์เป็นโครงการที่อยู่ในสายตาของทั้งคู่ และไทยกำลังวางตัวเป็นกลางเพื่อดึงดูดการลงทุนจากทุกฝ่าย
- ญี่ปุ่น นักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของไทย การมาเยือนครั้งนี้คือการส่งสัญญาณว่าญี่ปุ่นพร้อมที่จะพิจารณาโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่นอกพื้นที่ EEC
- กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) กลุ่มทุนใหม่ที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก และเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ แลนด์บริดจ์คือคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับยุทธศาสตร์ของพวกเขา
- สหภาพยุโรป แสดงให้เห็นถึงความสนใจในเส้นทางการค้าใหม่ที่จะเชื่อมยุโรปเข้ากับเอเชียได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
“การที่คณะทูต 23 ประเทศตอบรับคำเชิญของเรา ถือเป็นความสำเร็จทางการทูตที่ยิ่งใหญ่ มันแสดงให้โลกเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและโครงการแลนด์บริดจ์คืออนาคตที่ทุกประเทศอยากจะมีส่วนร่วม” – คำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (สมมติ)
เสียงสะท้อนนานาชาติ ความหวัง ความกังวล และการตัดสินใจ
จากการให้สัมภาษณ์หลังการเยี่ยมชม ทูตานุทูตส่วนใหญ่แสดงความประทับใจในวิสัยทัศน์และศักยภาพของโครงการ แต่ก็ยังคงมีท่าที “รอดู” อย่างระมัดระวัง ประเด็นหลักที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ คือ
- ความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล นักลงทุนต้องการความมั่นใจว่าโครงการจะดำเนินต่อไปแม้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
- ความคุ้มค่าทางการเงิน รูปแบบการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP) จะต้องมีความชัดเจนและให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด
- ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม การจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในพื้นที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ความท้าทายที่รออยู่ เสียงคัดค้านและคำถามด้านสิ่งแวดล้อม
แม้โครงการแลนด์บริดจ์จะเต็มไปด้วยความหวัง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญเช่นกัน
- เสียงคัดค้านจากภาคประชาสังคม กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) และชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลอย่างหนักถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลที่สมบูรณ์ทั้งสองฝั่ง และผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนประมงพื้นบ้าน
- ความคุ้มค่าในการลงทุน นักวิชาการบางส่วนตั้งคำถามถึงมูลค่าการลงทุนที่สูงถึงหลักล้านล้านบาท ว่าจะมีความคุ้มค่าจริงหรือไม่เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และมีความเสี่ยงที่โครงการจะไม่สามารถแข่งขันกับช่องแคบมะละกาได้จริง
ประเด็นเหล่านี้คือการบ้านข้อใหญ่ที่รัฐบาลต้องตอบสังคมให้ได้อย่างโปร่งใสและชัดเจน เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น
บทสรุป เดิมพันครั้งใหญ่ของประเทศไทย
การเดินทางมาเยือนของ คณะทูต 23 ประเทศ เปรียบเสมือนการลั่นระฆังยกแรกของ “เกมชิงการลงทุน” ในโครงการแลนด์บริดจ์ มันคือความสำเร็จในการสร้างการรับรู้และจุดประกายความสนใจในระดับโลก แต่หนทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย
ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินลงทุนจากต่างชาติเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการรักษาสิ่งแวดล้อม, การบริหารจัดการโครงการอย่างโปร่งใสไร้ทุจริต และการสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากประชาชนเจ้าของพื้นที่ หากทำได้สำเร็จ แลนด์บริดจ์จะไม่ใช่แค่ท่าเรือและถนน แต่จะเป็น “สะพาน” ที่เชื่อมประเทศไทยไปสู่อนาคตแห่งความมั่งคั่งและยั่งยืนอย่างแท้จริง
แหล่งที่มาจาก : am2con