ศาลอาญารับฟ้อง “ณฐพร” กับลูก คดีสมคบกันฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น 1.1 หมื่นล้าน เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รอลุ้นผลประกัน
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณฐพร โตประยูร อายุ 72 ปี นายรัฐสิทธิ์ โตประยูร บุตรชาย อายุ 50 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน
โจทก์ยื่นฟ้องว่า สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เป็นสหกรณ์ที่เป็นสถาบันการเงินและสวัสดิการชุมชน ส่งเสริมให้สมาชิกช่วยตัวเองเพื่อดำเนินธุรกิจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก จัดหาทุนและบริการสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพและการดำรงชีพ โดยการบริหารและดำเนินการของ
ศาลรับฟ้อง ณฐพร-ลูกชาย คดีสมคบฟอกเงินสหกรณ์
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร จำเลยจำนวน 5 สำนวนของศาลอาญานี้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการสหกรณ์ฯ
ระหว่างเดือน ม.ค. 2551 ถึง ธ.ค. 2555 นายศุภชัยกับพวกอีกหลายคนซึ่งดำรงตำแหน่งในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ร่วมกันกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระโดยหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ มีลักษณะแบ่งหน้าที่การทำโดยทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยร่วมกันจัดทำสัญญากู้ยืมเงินระหว่างสหกรณ์กับสมาชิกสมทบหรือผู้กู้ จำนวน 28 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 11,858,440,000 บาท โดยไม่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจริงและร่วมทำบันทึกรายการทางการเงินอันเป็นเท็จโดยไม่มีการรับชำระหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยจากลูกหนี้ที่กู้ยืมเงิน สัญญากู้ยืมเงินเท็จดังกล่าวเพื่อปกปิดการทุจริต และมีการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อตกแต่งบัญชีของสหกรณ์ฯ ให้มีผลประกอบการกิจการที่มีผลกำไรสุทธิปรากฏในงบการเงินและงบดุลของสหกรณ์ฯ
ทั้งที่ความจริงแล้วผลประกอบการของสหกรณ์ฯ ขาดทุนมาตลอด ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงไม่สามารถประกอบกิจการได้และไม่สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนได้ การขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัดนั้นก็ไม่สามารถทำได้ การกระทำของนายศุภชัยกับพวกเป็นการกระทำไปโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย มีสมาชิกได้รับความเสียหายจำนวน 2,254 ราย โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้ยื่นฟ้องนายศุภชัยกับพวกเป็นคดีหมายเลขดำ อ.3339/2559 ต่อศาลนี้แล้ว
ระหว่างวันที่ 15 มิ.ย. 2553 ถึงวันที่ 17 ก.ย. 2553 ต่อเนื่องกัน นายศุภชัยกับพวกซึ่งยังไม่ได้นำตัวมาฟ้องได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนอันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เมื่อนายศุภชัยได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารพาณิชย์เพื่อนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนออกจากสหกรณ์ฯ เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นบัญชีของผู้มีชื่ออันเป็นการสมคบกันฟอกเงิน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น เพื่อปกปิดหรือเพื่ออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิ์ใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
ต่อมาคณะพนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ ปปง. มีความเห็นว่าพฤติการณ์ของนายศุภชัยกับพวก เป็นการกระทำความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ก่อนมีคำสั่งให้อายัดที่ดินจำนวน 36 แปลงที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานในการดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้เสียหาย และมีมติให้นำที่ดินดังกล่าวออกขายเพื่อนำเงินคืนสหกรณ์ฯ และเยียวยาความเสียหายแก่สหกรณ์ฯ โดยด่วน
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานหรือหน่วยงานของรัฐและนายศุภชัยและนายโชคอนันต์ ช้อยสุชาติ จำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำ ฟ.10/2562 ของศาลนี้ซึ่งศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษแล้วได้ร่วมกันสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน โดยจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันวางแผนสมคบกัน โดยนายศุภชัยและนายโชคอนันต์ โอนเงินจำนวน 249,784,489 บาท ที่ได้รับแคชเชียร์เช็คมาจากผู้ซื้อที่ดินโดยโอนเงินผ่านระบบธนาคารโอนเข้าบัญชีนายศุภชัย ก่อนโอนเงินผ่านระบบธนาคารเพื่อนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยทั้งสองกับพวกหรือให้จำเลยทั้งสองกับพวกรับเงินสดหรือรับโอนเงินไปอันเป็นการสมคบการฟอกเงิน ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะโอนเงินให้แก่พวกของจำเลยทั้งสองซึ่งยังหลบหนีไม่ได้นำตัวมาฟ้องจึงเป็นการร่วมกันโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือจะทำการด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิ์ใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานนั้นอันเป็นความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน
เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ตำบลลาดบัวขาว และตำบลใดไม่ปรากฏชัด อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และตำบล อำเภอ จังหวัดใดไม่ปรากฏชัดของประเทศไทยเกี่ยวพันกัน ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
การกระทำของจำเลยตามข้อความที่กล่าวมาในคำฟ้องเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 9, 10, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 สองเท่าตามกฎหมายด้วย am2con
…