ยูเครนปิดดีล จ่อได้บินรบ “ราฟาเอล” สูงสุด 100 ลำจากฝรั่งเศส

ยูเครน บินรบ ราฟาเอล

ปารีส, ฝรั่งเศส — ในการเคลื่อนไหวเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่สั่นสะเทือนความมั่นคงของยุโรปครั้งใหญ่หลวงที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน รัฐบาลฝรั่งเศสภายใต้การนำของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ได้บรรลุข้อตกลง “ประวัติศาสตร์” กับรัฐบาลยูเครน ในการจัดหาเครื่องบินรบอเนกประสงค์ “ดัซโซลท์ ราฟาเอล” (Dassault Rafale) จำนวนมหาศาลถึง 100 ลำ

ข้อตกลงนี้ ซึ่งได้รับการยืนยันจากทำเนียบเอลีเซเมื่อเช้าวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ถือเป็นการยกระดับการสนับสนุนทางทหารจากชาติตะวันตกไปสู่จุดที่ “ไม่สามารถหวนกลับได้” (Point of No Return)

นี่ไม่ใช่แค่การส่งมอบอาวุธ แต่คือการเดิมพันครั้งสำคัญของฝรั่งเศส ที่ไม่เพียงแต่ส่ง ยูเครน บินรบ ราฟาเอล เข้าท้าทายอำนาจทางอากาศของรัสเซียโดยตรง แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณการแยกตัวเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์ (Strategic Autonomy) ของยุโรป และเป็นการ “เดิมพันอนาคต” ของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศฝรั่งเศสในสมรภูมิที่แท้จริง

ขณะที่โลกกำลังจับจ้องไปที่การมาถึงของฝูงบิน F-16 ยูเครน จากกลุ่มพันธมิตรยุโรปเหนือ การปรากฏตัวของ “ราฟาเอล” ในจำนวนที่เทียบเท่ากับ “กองทัพอากาศใหม่ทั้งกองทัพ” กำลังจะเปลี่ยนสมการของ สงครามยูเครน รัสเซีย ไปตลอดกาล

Ukraine signs deal with France for 100 Rafale jets and air defence systems  | Euronews

รายละเอียดดีลประวัติศาสตร์ 100 ลำ ที่ไม่ใช่แค่ “คำสัญญา”

แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส (อ้างอิงโดยสำนักข่าว AFP และ Le Monde) ยืนยันว่า ข้อตกลงมูลค่าหลายหมื่นล้านยูโรนี้ เป็นผลจากการเจรจาลับที่เข้มข้นนานหลายเดือน ระหว่างประธานาธิบดีมาครง และประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี

รายละเอียดของข้อตกลงที่ซับซ้อนนี้ แบ่งออกเป็นหลายระยะ

  • จำนวน สูงสุด 100 ลำ (Up to 100 units)
  • ที่มาของเครื่องบิน ข้อตกลงนี้จะเป็นแบบผสม (Hybrid Deal) ประกอบด้วย
    1. เครื่องบินใหม่ (New-build) เครื่องบินที่สั่งผลิตใหม่โดยตรงจากสายการผลิตของ Dassault Aviation ซึ่งจะเป็นส่วนใหญ่ของดีล
    2. เครื่องบินมือสอง (Second-hand) เครื่องบินส่วนหนึ่งจะถูกดึงมาจากฝูงบินของกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส (French Air and Space Force) ในมาตรฐานเก่า (เช่น F3-R) เพื่อเร่งการส่งมอบและใช้ในการฝึก
  • กรอบเวลา การส่งมอบจะใช้เวลาหลายปี โดยคาดว่าฝูงบินแรก (อาจเป็นเครื่องบินมือสองสำหรับฝึก) จะเริ่มเดินทางถึงยูเครนได้เร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2026 หรือต้นปี 2027 เนื่องจากความจำเป็นในการฝึกนักบินและทีมช่างเทคนิคภาคพื้นดินอย่างเข้มข้น
  • การเงิน นี่คือส่วนที่ท้าทายที่สุด แหล่งข่าวระบุว่า ดีลนี้จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก “กองทุนพิเศษของสหภาพยุโรป” (New EU Special Fund) ร่วมกับการใช้ “ผลกำไรจากทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด” (Profits from frozen Russian assets) ซึ่งเป็นประเด็นที่ฝรั่งเศสผลักดันอย่างหนักในบรัสเซลส์

ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวผ่านวิดีโอแถลงการณ์จากกรุงเคียฟว่า

“นี่คือวันที่ประวัติศาสตร์จารึก… ราฟาเอล คือหนึ่งในเครื่องบินรบที่ดีที่สุดในโลก มันคือโล่เหล็กที่จะปกป้องน่านฟ้าของเรา และเป็นดาบที่จะทำให้ผู้รุกรานต้องชดใช้ ขอบคุณประธานาธิบดีมาครง และประชาชนชาวฝรั่งเศสทุกคน”

“Omnirole” – ทำไมต้องเป็น “ราฟาเอล” ไม่ใช่แค่ F-16?

ในขณะที่ยูเครนกำลังดิ้นรนเพื่อบูรณาการ F-16 เข้ากับกองทัพอากาศ คำถามสำคัญคือ “ทำไมต้องเพิ่ม ราฟาเอล เข้ามาอีก?” ซึ่งจะสร้าง “ฝันร้าย” ด้านโลจิสติกส์และการฝึก (Logistical Nightmare) จากการมีเครื่องบินรบตะวันตกถึงสองแพลตฟอร์ม

คำตอบนั้นชัดเจน ราฟาเอล ทำในสิ่งที่ F-16 ทำไม่ได้ (ในทันที)

เครื่องบินรบสัญชาติฝรั่งเศสนี้ ถูกขนานนามโดยผู้ผลิตว่าเป็น “Omnirole” (ไม่ใช่แค่ Multi-role) หมายความว่ามันสามารถปฏิบัติภารกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง—การครองอากาศ (Air-to-Air), การโจมตีภาคพื้นดิน (Air-to-Ground), และการลาดตระเวน—ได้ภายใน “ภารกิจเดียว” (Single sortie)

Ukraine plans to buy up to 100 Rafale warplanes and air defense systems  from France - Newsday

 “นักฆ่า” ขีปนาวุธ SCALP และ Meteor กุญแจสำคัญของดีล

เหตุผลหลักที่ยูเครนต้องการราฟาเอลอย่างยิ่งยวด คือความสามารถในการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีขั้นสูงของยุโรปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  1. ขีปนาวุธ SCALP-EG (Storm Shadow) ปัจจุบัน ยูเครนใช้ขีปนาวุธ SCALP (ที่ฝรั่งเศสและอังกฤษมอบให้) โดยการดัดแปลงอย่างยากลำบากบนเครื่องบินทิ้งระเบิดยุคโซเวียต Su-24 ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและถูกจำกัดด้านประสิทธิภาพ
    • ราฟาเอล คือ “บ้านเกิด” ของ SCALP มันถูกออกแบบมาให้ยิง SCALP ได้โดยตรงจากโรงงาน การผสานรวมนั้นสมบูรณ์แบบ ทำให้นักบินสามารถปล่อยอาวุธได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยจากระยะไกลกว่าเดิมมาก เพื่อโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียในไครเมียและแนวหลัง
  2. ขีปนาวุธ Meteor (BVRAAM) นี่คือ “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริงในการรบกลางอากาศ (Dogfight) Meteor คือขีปนาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศนอกระยะสายตา (Beyond Visual Range Air-to-Air Missile) ที่ทันสมัยที่สุดในโลก
    • ราฟาเอล เทียบกับ Su-35 เครื่องบินรบ Su-35 และ Su-30SM ของรัสเซียในปัจจุบัน มีความได้เปรียบยูเครนด้วยขีปนาวุธ R-37M ที่มีระยะยิงไกลกว่า แต่ Meteor ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Ramjet มี “No-Escape Zone” (โซนที่เป้าหมายหนีไม่พ้น) ที่กว้างกว่าและแม่นยำกว่าอย่างเทียบไม่ติด การมาถึงของ ราฟาเอล+Meteor จะทำลายความได้เปรียบทางอากาศที่รัสเซียเคยมีมานานเกือบ 3 ปี

SPECTRA โล่ป้องกันอิเล็กทรอนิกส์

ราฟาเอลไม่ได้มีดีแค่การโจมตี แต่ยังมีระบบป้องกันตัวที่ดีที่สุดในโลกอย่าง SPECTRA (Self-Protection Equipment to Counter Threats for Rafale Aircraft) ระบบนี้สามารถตรวจจับ, ระบุตำแหน่ง, และ “รบกวน” (Jamming) เรดาร์ของศัตรูและขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามาได้โดยอัตโนมัติ ทำให้มันเป็น “ผี” ในสมรภูมิอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของนักบินอย่างมหาศาล

บทวิเคราะห์เชิงลึก “การเดิมพันของมาครง” และการประกาศอิสรภาพของยุโรป

การตัดสินใจ ฝรั่งเศส ส่ง ราฟาเอล ให้ยูเครน ในครั้งนี้ มีความหมายในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่การสู้รบในยูเครน นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่หลวงที่สุดของประธานาธิบดีมาครง

วิวัฒนาการของมาครง จาก “ผู้นำที่โลกลืม” สู่ “ผู้นำสงคราม”

นับเป็นวิวัฒนาการที่น่าทึ่ง จากผู้นำที่เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงต้นของสงคราม (ปี 2022) ว่าพยายามโทรศัพท์เจรจากับปูติน และกล่าวว่า “อย่าทำให้รัสเซียอับอาย” (Do not humiliate Russia)

  • จุดเปลี่ยน 2024 มาครงเปลี่ยนท่าที 180 องศาในปี 2024 โดยเริ่มพูดถึงการส่ง “กองกำลังภาคพื้นดิน” (Troops on the ground) ไปยูเครน และเป็นผู้นำในการผลักดันการจัดส่งขีปนาวุธระยะไกล
  • ดีลราฟาเอล คือ “จุดสูงสุด” การส่งมอบราฟาเอล คือการตอกย้ำว่าฝรั่งเศสพร้อมที่จะรับบทบาท “ผู้นำด้านความมั่นคงของยุโรป” (Europe’s Security Leader) อย่างเต็มตัว

“Strategic Autonomy” ในวันที่ไร้เงาอเมริกา

แนวคิด “อิสรภาพเชิงกลยุทธ์” (Strategic Autonomy) ของมาครง ที่ต้องการให้ยุโรปสามารถป้องกันตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันมาตลอด จนกระทั่งการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปี 2024 และความไม่แน่นอนทางการเมืองในวอชิงตัน

  • ยุโรปต้องพึ่งตนเอง ผู้นำยุโรปตระหนักแล้วว่า พวกเขาไม่สามารถการันตีการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ได้ในระยะยาว
  • ฝรั่งเศสเติมช่องว่าง การที่ฝรั่งเศส (ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์เพียงหนึ่งเดียวใน EU) ก้าวขึ้นมาด้วยดีลราฟาเอลนี้ คือการประกาศต่อมอสโกและวอชิงตันว่า “ยุโรปพร้อมที่จะดูแลความมั่นคงหลังบ้านของตนเอง” และฝรั่งเศสคือผู้ถือธงนำ

Ukraine intends to buy 100 Rafale warplanes from France

ปฏิกิริยาจากมอสโก “การยั่วยุที่อันตรายที่สุด”

ตามคาดการณ์ ปฏิกิริยาจากเครมลินเป็นไปอย่างดุเดือด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกแถลงการณ์ฉุกเฉิน

“การตัดสินใจของปารีสในการส่งเครื่องบินรบที่สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ (แม้ราฟาเอลรุ่นส่งออกจะไม่ใช่) ไปยังเขตความขัดแย้ง ถือเป็นการยั่วยุที่อันตรายที่สุด… นี่คือการข้าม ‘เส้นสีแดง’ ทุกเส้นที่เคยมีมา ฝรั่งเศสกำลังกลายเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงในสงคราม เครื่องบินเหล่านี้และฐานทัพที่พวกมันใช้งาน จะกลายเป็นเป้าหมายที่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับกองทัพรัสเซีย”

นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของรัสเซียเตือนว่า นี่อาจนำไปสู่การตอบโต้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ซึ่งอาจรวมถึงการโจมตีผลประโยชน์ของฝรั่งเศสในพื้นที่อื่นของโลก

ความท้าทายยักษ์ใหญ่ “ฝันร้าย” ด้านโลจิสติกส์และการฝึก

แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับเคียฟ แต่เส้นทางสู่การใช้งานราฟาเอลนั้นเต็มไปด้วยขวากหนามมหาศาล และนี่คือความท้าทายที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากสถาบัน RUSI (Royal United Services Institute) ในลอนดอน กังวลมากที่สุด

  1. การฝึกที่ซ้ำซ้อน (Redundant Training)
  • กองทัพอากาศยูเครน กำลังทุ่มทรัพยากรทั้งหมดในการฝึกนักบินและช่างเทคนิคสำหรับ F-16 ในเดนมาร์ก, โรมาเนีย, และสหรัฐฯ
  • การเพิ่มราฟาเอลเข้ามา หมายความว่ายูเครนต้องแบ่งทรัพยากรบุคคล (ซึ่งมีจำกัดมาก) ไปเริ่มหลักสูตรการฝึกใหม่ทั้งหมดในฝรั่งเศส
  • นักบินยูเครนจะต้องเรียนรู้ระบบอาวุธ, ปรัชญาการบิน, และภาษาฝรั่งเศส (สำหรับคู่มือเทคนิค) ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 9-12 เดือนสำหรับนักบินที่มีประสบการณ์
  1. โลจิสติกส์สองมาตรฐาน (A Two-Tier Nightmare)
  • การบำรุงรักษากองทัพอากาศที่มีเครื่องบินรบหลัก 2 แบบ จาก 2 ตระกูล (F-16 ของอเมริกา และ Rafale ของฝรั่งเศส) ถือเป็นฝันร้ายด้านโลจิสติกส์
  • ทั้งสองแบบใช้อะไหล่, เครื่องมือ, และระบบอาวุธ (บางส่วน) ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยูเครนจะต้องสร้างห่วงโซ่อุปทาน 2 สาย, คลังอะไหล่ 2 แห่ง, และทีมช่างเทคนิค 2 ชุด
  • นี่คือความท้าทายที่แม้แต่กองทัพอากาศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยังพยายามหลีกเลี่ยง
  1. ความพร้อมของสนามบิน (Airfield Readiness)
  • เช่นเดียวกับ F-16, ราฟาเอลเป็นเครื่องบินที่ “ละเอียดอ่อน” (Sensitive) ต่อพื้นผิวรันเวย์มากกว่าเครื่องบินยุคโซเวียตที่ทนทาน
  • ยูเครนต้องเร่งปรับปรุงรันเวย์และสร้างโรงเก็บเครื่องบินแบบแข็งแกร่ง (Hardened Aircraft Shelters) เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักแน่นอน

บทสรุป นี่ไม่ใช่ “Silver Bullet” แต่คือ “การสร้างกองทัพใหม่”

การบรรลุข้อตกลง ยูเครน บินรบ ราฟาเอล 100 ลำ ไม่ใช่ “กระสุนเงิน” (Silver Bullet) ที่จะยุติสงครามในวันพรุ่งนี้ มันจะยังไม่สามารถ ราฟาเอล เปลี่ยนเกมสงคราม ได้ทันทีในฤดูหนาวปี 2026

แต่นี่คือ “คำประกาศ” ที่ชัดเจนที่สุดว่ายุโรปและฝรั่งเศส กำลังวางแผนสำหรับ “สงครามระยะยาว” (Long War) และการ “สร้างกองทัพอากาศยูเครนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด” (Total Rebuilding)

ในขณะที่ F-16 จะเข้ามาอุดช่องว่างเร่งด่วนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ฝูงบินราฟาเอล คืออนาคตที่แท้จริงของกองทัพอากาศยูเครนในอีก 10-20 ปีข้างหน้า มันคือการเปลี่ยนยูเครนจาก “ผู้รับความช่วยเหลือ” สู่ “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ที่ใช้เทคโนโลยีการป้องกันประเทศระดับสูงสุดของยุโรป

การเดิมพันของประธานาธิบดีมาครงในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ส่งเครื่องบินรบที่ดีที่สุดของเขาเข้าสู่สมรภูมิที่อันตรายที่สุดในศตวรรษที่ 21 แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงวอชิงตันและมอสโกว่า “ยุโรปจะไม่ยอมแพ้ และฝรั่งเศสพร้อมที่จะเป็นผู้นำ”

แหล่งที่มาจาก : am2con