มาดริด, สเปน — ปฏิบัติการปิดล้อมฟ้าสางที่สั่นสะเทือนสองทวีปได้ปิดฉากลงแล้ว เมื่อ อาดอลโฟ มาซิอัส (Adolfo Macías) หรือที่รู้จักกันในนาม “ฟิโต” (Fito) หัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดในเอกวาดอร์ และผู้ก่อตั้งองค์กรอาชญากรรม “ลอส โชเนโรส” (Los Choneros) ได้ถูกจับกุมแล้วในวันนี้ (18 พฤศจิกายน 2025) ณ ที่พักหรูหราแห่งหนึ่งในเมืองมาร์เบยา (Marbella) ประเทศสเปน
การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญที่สุดของรัฐบาลเอกวาดอร์ภายใต้การนำของประธานาธิบดี ดาเนียล โนโบอา ผู้ซึ่งประกาศ “สงครามภายใน” กับแก๊งค้ายาเสพติด หลังจากการหลบหนีออกจากเรือนจำความมั่นคงสูงสุดของ “ฟิโต” เมื่อเดือนมกราคม 2024 ได้จุดชนวนวิกฤตความมั่นคงระดับชาติที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม การที่ หัวหน้าแก๊งเอกวาดอร์ ถูกจับกุมที่สเปน ไม่ใช่แค่การสิ้นสุดการหลบหนี 11 เดือนของอาชญากรคนสำคัญ แต่นี่คือหลักฐานชิ้นใหญ่ที่ยืนยันในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงยุโรปหวาดกลัวมาตลอด: วิกฤตความมั่นคงของเอกวาดอร์ได้ “ส่งออก” ตัวเองมาถึงชายฝั่งยุโรปแล้วอย่างสมบูรณ์ สเปนไม่ได้เป็นเพียง “ตลาด” ปลายทางของโคเคนอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น “ศูนย์บัญชาการ” และ “แหล่งกบดาน” ของผู้นำองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ปฏิบัติการ “มาร์เบยา ดอว์น” ปิดฉากการไล่ล่า 11 เดือน
การจับกุม “ฟิโต” วัย 46 ปี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเปรียบว่ามีอิทธิพลในเรือนจำเอกวาดอร์เทียบเท่ากับ “พาโบล เอสโกบาร์” เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ในย่านที่พักอาศัยสุดหรูของเมืองมาร์เบยา แหล่งตากอากาศชายฝั่งคอสตาเดลโซล (Costa del Sol) ของสเปน
ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจแห่งชาติสเปน (Guardia Civil), สำนักงานตำรวจเอกวาดอร์, ยูโรโพล (Europol) และสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ (DEA) ซึ่งติดตามแกะรอยเครือข่ายการเงินและการสื่อสารของ “ฟิโต” มานานหลายเดือน
- การแกะรอย แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยสเปน (อ้างอิงโดยสำนักข่าว AP) ระบุว่า จุดแตกหักมาจากการติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลใกล้ชิดและสมาชิกครอบครัวของ “ฟิโต” ที่เดินทางเข้าออกสเปนบ่อยครั้งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัยในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูงในมาร์เบยา
- การจู่โจม หน่วยรบพิเศษได้บุกเข้าควบคุมตัว “ฟิโต” ภายในวิลล่าหรู โดยไม่มีการยิงต่อสู้เกิดขึ้น เขาถูกพบพร้อมกับเงินสดจำนวนมาก, โทรศัพท์เข้ารหัสหลายเครื่อง และเอกสารที่บ่งชี้ถึงการวางแผนเส้นทางการขนส่งยาเสพติดใหม่เข้าสู่ยุโรป
- ผู้ต้องหาที่อันตรายที่สุด “ฟิโต” ถูกควบคุมตัวในฐานะ “ผู้ต้องหาที่มีความเสี่ยงสูง” และถูกส่งตัวไปยังกรุงมาดริดทันที เพื่อรอการพิจารณาคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน
“ฟิโต” คือใคร? อาชญากรผู้จุดชนวน “สงครามภายใน” ของเอกวาดอร์
การจับกุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เมื่อย้อนกลับไปดูผลกระทบที่ชายคนนี้สร้างขึ้น “ฟิโต” ไม่ใช่แค่หัวหน้าแก๊งค้ายาธรรมดา เขาคือสัญลักษณ์ของความล้มเหลวของรัฐ และเป็นศูนย์กลางของ แก๊งค้ายาเอกวาดอร์ ที่ทรงอิทธิพลที่สุด
“ลอส โชเนโรส” (Los Choneros) ก่อตั้งขึ้นในทศวรรษ 1990 ในฐานะแก๊งค้ายาเสพติดขนาดเล็ก แต่ภายใต้การนำของ “ฟิโต” (หลังจากผู้นำคนก่อนถูกสังหาร) แก๊งนี้ได้ขยายอิทธิพลจนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
- การดำเนินงาน พวกเขาควบคุมเส้นทางการขนส่งโคเคนหลักจากโคลอมเบียและเปรู ออกสู่ท่าเรือสำคัญของเอกวาดอร์ โดยเฉพาะท่าเรือกัวยากิล (Guayaquil)
- พันธมิตร ลอส โชเนโรส มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ “ซินาโลอา คาร์เทล” (Sinaloa Cartel) ของเม็กซิโก และเครือข่ายอาชญากรรมในคาบสมุทรบอลข่าน (Albanian Mafia) ซึ่งเป็นผู้รับช่วงต่อโคเคนในยุโรป
การหลบหนีที่สั่นสะเทือนประเทศ (มกราคม 2024) จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในวันที่ 7 มกราคม 2024 เมื่อ “ฟิโต” หายตัวไปจากเรือนจำ La Regional ในกัวยากิล อย่างไร้ร่องรอย—เพียงหนึ่งวันก่อนที่เขาจะถูกย้ายไปยังเรือนจำความมั่นคงสูงสุด
- วิกฤตการณ์แห่งชาติ การหลบหนีครั้งนี้จุดชนวนความรุนแรงทั่วประเทศ ทั้งการจลาจลในเรือนจำหลายแห่ง, การลักพาตัวเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์, และเหตุการณ์ช็อกโลกที่กลุ่มมือปืนบุกยึดสถานีโทรทัศน์ TC Televisión ขณะออกอากาศสด
- การประกาศสงคราม สองวันต่อมา (9 มกราคม 2024) ประธานาธิบดี ดาเนียล โนโบอา ได้ประกาศ “ภาวะความขัดแย้งทางอาวุธภายใน” (Internal Armed Conflict) อย่างเป็นทางการ โดยระบุชื่อแก๊งอาชญากรรม 22 กลุ่ม (รวมถึง ลอส โชเนโรส) ว่าเป็น “องค์กรก่อการร้าย” และอนุญาตให้กองทัพเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ “ฟิโต” ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร เฟอร์นันโด บิยาบิเซนซิโอ (Fernando Villavicencio) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เผยให้เห็นว่าอิทธิพลของแก๊งค้ายาได้แทรกซึมไปถึงระดับการเมืองสูงสุดของประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงลึก ทำไมสเปนจึงกลายเป็น “เอกวาดอร์ 2.0”?
การที่ ฟิโต ถูกจับที่ไหน คำตอบคือ “สเปน” ไม่ใช่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างโคลอมเบียหรือเปรู นี่คือประเด็นที่น่าวิเคราะห์ที่สุด และเป็นแกนหลักของมุมมองข่าวในระดับสากล มันยืนยันว่า เอกวาดอร์ส่งออกอาชญากรรมไปยุโรป แล้วอย่างเป็นทางการ
การเปลี่ยนผ่านของเอกวาดอร์ จาก “เกาะสันติภาพ” สู่ “รัฐค้ายา”
เอกวาดอร์เคยถูกมองว่าเป็น “เกาะแห่งสันติภาพ” ที่ตั้งอยู่ระหว่างสองผู้ผลิตโคเคนรายใหญ่ที่สุดของโลก (โคลอมเบียและเปรู) แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สถานะของประเทศได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
- ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ การมีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่อย่างกัวยากิล
- เศรษฐกิจดอลลาร์ การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลัก ทำให้การฟอกเงินเป็นไปได้ง่าย
- การทุจริตที่ฝังรากลึก การแทรกซึมของแก๊งค้ายาในระบบศาล, ตำรวจ, กองทัพ และการเมือง
สิ่งนี้ทำให้แก๊งอย่าง ลอส โชเนโรส และคู่แข่งอย่าง ลอส โลบอส (Los Lobos) เติบโตจากการเป็น “ผู้ขนส่ง” ให้แก๊งเม็กซิกัน กลายเป็น “ผู้ควบคุม” การค้าระดับโลกด้วยตนเอง
สเปน “ประตูสู่ยุโรป” และ “สวรรค์แห่งการกบดาน”
สำหรับผู้นำแก๊งค้ายาในละตินอเมริกา สเปนคือจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบด้วยเหตุผลหลายประการ
- ประตูสู่ตลาดยุโรป (The Gateway) ตลาดยาเสพติดในยุโรปกำลังเติบโตและมีกำไรสูงกว่าในสหรัฐฯ สเปนคือประตูหลักในการนำโคเคนเข้าสู่ทวีป
- ท่าเรือสำคัญ ท่าเรืออัลเฆซิราส (Algeciras) และบาเลนเซีย (Valencia) ในสเปน (รวมถึงแอนต์เวิร์ปในเบลเยียม และรอตเทอร์ดามในเนเธอร์แลนด์) คือจุดยุทธศาสตร์ที่โคเคนซึ่งซ่อนมาในตู้คอนเทนเนอร์กล้วยและสินค้าเกษตรจากเอกวาดอร์ จะถูกลำเลียงเข้ามา
- การควบคุมจากระยะไกล การที่ “ฟิโต” ตั้งฐานที่มาร์เบยา ช่วยให้เขาสามารถควบคุมและเจรจาการขนส่งโคเคนเข้าสู่ยุโรปได้โดยตรง แทนที่จะบริหารจากในเรือนจำที่เอกวาดอร์
- ความสะดวกสบายทางวัฒนธรรมและภาษา (The Safe Haven) สเปนไม่ใช่แค่จุดยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ แต่ยังเป็น “บ้านหลังที่สอง”
- ภาษา การใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ ทำให้การใช้ชีวิต, การสร้างเครือข่าย, และการฟอกเงิน เป็นไปอย่างง่ายดาย
- เครือข่ายเดิม สเปนมีเครือข่ายอาชญากรรมจากโคลอมเบียและกาลิเซีย (Galicia) ที่ฝังรากลึกมานานหลายทศวรรษ แก๊งจากเอกวาดอร์สามารถเข้ามา “เสียบปลั๊ก” กับโครงสร้างพื้นฐานเดิมนี้ได้ทันที
- ภาพลักษณ์ “นักท่องเที่ยว” เมืองอย่างมาร์เบยาเต็มไปด้วยชาวต่างชาติที่มั่งคั่งและนักท่องเที่ยว ทำให้กลุ่มอาชญากรสามารถแฝงตัวใช้ชีวิตหรูหราได้โดยไม่เป็นที่สังเกต
นักวิเคราะห์จาก InSight Crime องค์กรวิจัยอาชญากรรมในละตินอเมริกา ให้ความเห็นว่า “การจับกุม ‘ฟิโต’ ในสเปน เป็นการตอกย้ำว่าแก๊งจากเอกวาดอร์ได้วิวัฒนาการไปสู่ระดับเดียวกับแก๊ง ‘Ndrangheta (อิตาลี) หรือแก๊งบอลข่านแล้ว พวกเขาไม่ได้แค่ส่งสินค้า พวกเขาย้ายศูนย์บัญชาการมาตั้งที่นี่”
ปฏิกิริยาสองทวีป “ชัยชนะ” ของโนโบอา และ “สัญญาณเตือน” ของยุโรป
ข่าวการจับกุม “ฟิโต” สร้างแรงกระเพื่อมในวงการเมืองและความมั่นคงทันที
ในเอกวาดอร์ ประธานาธิบดี ดาเนียล โนโบอา ทวีตข้อความทันทีหลังการจับกุม
“วันนี้คือชัยชนะของชาวเอกวาดอร์ทุกคน ‘ฟิโต’ ผู้นำการก่อการร้ายข้ามชาติ ถูกจับกุมแล้ว… เราได้แสดงให้โลกเห็นว่าเอกวาดอร์จะไม่ยอมจำนน การต่อสู้ของเราเพิ่งเริ่มต้น และเราจะเริ่มกระบวนการ การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทันที เพื่อให้เขากลับมารับโทษในประเทศที่เขาสร้างความเสียหาย”
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในกัวยากิลและพื้นที่สีแดงอื่นๆ แม้จะแสดงความยินดี แต่ก็มีความกังวลถึง “การล้างแค้น” หรือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจครั้งใหม่
ในสเปนและยุโรป รัฐมนตรีมหาดไทยของสเปน แถลงข่าวอย่างภาคภูมิใจ
“สเปนจะไม่เป็นสวรรค์สำหรับอาชญากร ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากที่ใด ปฏิบัติการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมกับยูโรโพลและพันธมิตรของเราในละตินอเมริกา”
โฆษกของ ยูโรโพล (Europol) กล่าวเสริมว่า การจับกุมครั้งนี้เป็น “สัญญาณเตือนภัย” (Wake-up call) ที่ดังที่สุดสำหรับยุโรป “ภัยคุกคามจากแก๊งค้ายาในละตินอเมริกา ไม่ใช่ปัญหา ‘ของพวกเขา’ อีกต่อไป มันคือปัญหา ‘ของเรา’ ที่เกิดขึ้นในบ้านของเราแล้ว”

อนาคตที่รออยู่ ศึกส่งผู้ร้ายข้ามแดน และ “สุญญากาศแห่งอำนาจ”
แม้การจับกุม “ฟิโต” จะเป็นชัยชนะ แต่การต่อสู้ยังไม่จบสิ้น ความท้าทายเร่งด่วน 2 ประการกำลังรออยู่
- การต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เอกวาดอร์ต้องการตัว “ฟิโต” กลับไปดำเนินคดีและคุมขังในเรือนจำความมั่นคงสูงสุดแห่งใหม่ (ที่โนโบอากำลังสร้าง) แต่กระบวนการนี้อาจไม่ง่าย
- ข้อโต้แย้งด้านสิทธิมนุษยชน ทนายความของ “ฟิโต” มีแนวโน้มที่จะโต้แย้งในศาลสเปนว่า การส่งตัวเขากลับเอกวาดอร์เท่ากับการส่งเขาไปตาย โดยอ้างถึงสภาพเรือนจำที่อันตรายและการจลาจลนองเลือดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
- กรณีศึกษาครอบครัว นี่คือกลยุทธ์เดียวกับที่ครอบครัวของเขา (ภรรยาและลูก) เคยใช้สำเร็จในอาร์เจนตินา เมื่อเดือนมกราคม 2024 พวกเขาถูกจับกุมแต่ศาลอาร์เจนตินาปฏิเสธการส่งตัวกลับเอกวาดอร์ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม (แม้สุดท้ายจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศก็ตาม)
- สุญญากาศแห่งอำนาจ (Power Vacuum) ในโลกใต้ดิน การหายไปของ “ฟิโต” จะสร้างสุญญากาศขนาดใหญ่ในองค์กร ลอส โชเนโรส และในโลกอาชญากรรมของเอกวาดอร์
- การแย่งชิงภายใน อาจเกิดการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ภายใน ลอส โชเนโรส เอง
- คู่แข่งฉวยโอกาส แก๊งคู่แข่งที่สำคัญที่สุดคือ “ลอส โลบอส” (Los Lobos) ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับแก๊ง Jalisco New Generation (CJNG) ของเม็กซิโก มีแนวโน้มสูงที่จะเปิดฉากโจมตีเพื่อยึดครองพื้นที่และเส้นทางขนส่งของ ลอส โชเนโรส
- ความรุนแรงอาจปะทุ นักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่า ผลกระทบหลังการจับกุมหัวหน้าแก๊งเอกวาดอร์ อาจนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น ก่อนที่สมดุลอำนาจใหม่จะถูกจัดตั้งขึ้น
บทสรุป สิ้นสุดยุค “ฟิโต” แต่สงครามยาเสพติดข้ามชาติเพิ่งเริ่มต้น
การจับกุม อาดอลโฟ “ฟิโต” มาซิอัส ในย่านหรูของสเปน ถือเป็นจุดสิ้นสุดเชิงสัญลักษณ์ของอาชญากรที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเอกวาดอร์ มันคือชัยชนะที่ประธานาธิบดี ดาเนียล โนโบอา ต้องการอย่างยิ่งยวด เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ “สงครามภายใน” ของเขา
แต่ในภาพใหญ่ การที่ หัวหน้าแก๊งเอกวาดอร์ ถูกจับกุมที่สเปน ได้ลากเส้นแบ่งเขตของสงครามยาเสพติดใหม่ทั้งหมด มันยืนยันว่าสนามรบได้ขยายจากท่าเรือในกัวยากิล มาสู่ท่าเรือในบาเลนเซีย จากเรือนจำในเอกวาดอร์ มาสู่คฤหาสน์ในมาร์เบยา
“ฟิโต” อาจจะถูกจับแล้ว แต่เครือข่ายที่เขาสร้างขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงเกษตรกรผู้ปลูกโคคาในโคลอมเบีย, นักการเมืองที่ทุจริตในเอกวาดอร์, และมาเฟียอัลเบเนียในแอนต์เวิร์ป ยังคงอยู่ สงครามครั้งนี้ได้กลายเป็นสงครามข้ามชาติเต็มรูปแบบ และการจับกุมครั้งนี้ อาจเป็นเพียงการเปิดฉากบทใหม่ของความขัดแย้งระดับโลกเท่านั้น
แหล่งที่มาจาก : am2con