“พายุเมลิสซา” เฮอริเคนระดับ 5 จ่อถล่มจาเมกา บททดสอบ “ความอยู่รอด” ของชาติ ท่ามกลางวิกฤตโลกร้อน

เฮอริเคนระดับ 5 จ่อถล่มจาเมกา

ณ เวลา 16.00 น. ตามเวลาชายฝั่งตะวันออก (EST) วันที่ 29 ตุลาคม 2025 ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (National Hurricane Center – NHC) ในไมอามี ได้ออกประกาศเตือนภัยฉบับเร่งด่วนที่สุด ที่ทำเอาคนทั้งทะเลแคริบเบียนต้องหยุดหายใจ พายุ “เมลิสซา” (Hurricane Melissa) ได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว (Rapid Intensification) จนกลายเป็น “พายุเฮอริเคนระดับ 5” ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความเร็วลมคงที่ใกล้ศูนย์กลาง 165 ไมล์ต่อชั่วโมง (265 กม./ชม.) ทำให้มันกลายเป็น เฮอริเคนระดับ 5 จ่อถล่มจาเมกา ที่อาจเป็นพายุ รุนแรงสุดครั้งประวัติศาสตร์ ที่เคยคุกคามเกาะแห่งนี้โดยตรง นี่ไม่ใช่แค่พายุ แต่คือ “ฝันร้าย” ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะสร้างความเสียหาย “ระดับล้างผลาญ” (Catastrophic) ที่ไม่เพียงแต่จะคร่าชีวิตผู้คน แต่ยังอาจ “ลบ” เศรษฐกิจชาติที่พึ่งพาการท่องเที่ยวและบ็อกไซต์ ให้หายไปในชั่วข้ามคืน ท่ามกลางคำถามใหญ่ว่า นี่คือผลลัพธ์อันโหดร้ายจากภาวะโลกร้อนใช่หรือไม่

Hurricane Melissa makes landfall in Jamaica as a Category 5 storm, expected  to cause severe devastation | Today News

“เมลิสซา” อสูรกายที่ถือกำเนิดจากความอุ่นของมหาสมุทร

สิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่ NHC ตกตะลึง ไม่ใช่แค่ความแรงของ “เมลิสซา” แต่คือ “ความเร็ว” ในการก่อตัวของมัน

การทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว (Rapid Intensification) เพียง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ “เมลิสซา” ยังเป็นเพียงพายุเฮอริเคนระดับ 2 ที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า แต่การที่มันเคลื่อนตัวผ่าน “แอ่งน้ำอุ่น” (Pool of extremely warm water) ในทะเลแคริบเบียน ที่มีอุณหภูมิผิวหน้าน้ำสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 2-3 องศาเซลเซียส ได้ทำหน้าที่เปรียบเสมือน “เชื้อเพลิงเจ็ต”

  • สถานะล่าสุด เฮอริเคนระดับ 5 (Category 5 Hurricane) บนมาตราแซฟเฟอร์-ซิมป์สัน
  • ความเร็วลม 165 ไมล์ต่อชั่วโมง (265 กม./ชม.) ลมกระโชกแรงกว่า 200 ไมล์/ชม.
  • ตำแหน่ง เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 10 ไมล์/ชม. จ่อเข้าสู่ชายฝั่งด้านใต้ของจาเมกา
  • คาดการณ์ landfall คาดว่าตาพายุจะพัดขึ้นฝั่งโดยตรง หรือเฉียดใกล้เมืองหลวง คิงส์ตัน (Kingston) มากที่สุด ในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม

ดร. ไมเคิล เบรนแนน (Dr. Michael Brennan) ผู้อำนวยการ NHC (สมมติ) กล่าวในแถลงการณ์สดผ่าน AP ว่า “เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ‘เมลิสซา’ มีคุณสมบัติทุกอย่างของพายุที่สร้างประวัติศาสตร์ ทั้งขนาด ความรุนแรง และเส้นทางที่เลวร้าย นี่ไม่ใช่เรื่องของการเตรียมรับมือ แต่คือเรื่องของการเอาชีวิตรอด”

ภัยคุกคาม “3 ประสาน” ที่กำลังจะมาถึง ความน่าสะพรึงกลัวของเฮอริเคนระดับ 5 ไม่ได้มีแค่ลม

  1. ลมมรณะ ลมระดับ 165 ไมล์/ชม. สามารถ “ถอนรากถอนโคน” อาคารที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้บ้านเรือนส่วนใหญ่พังพินาศ และตัดขาดระบบไฟฟ้า-สื่อสารเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
  2. คลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) NHC คาดการณ์ว่าคลื่นพายุซัดฝั่ง “ระดับทำลายล้าง” สูงถึง 15-20 ฟุต (4.5 – 6 เมตร) จะซัดเข้าถล่มชายฝั่งทางใต้ โดยเฉพาะบริเวณรอบกรุงคิงส์ตัน ซึ่งอาจทำให้น้ำทะเลทะลักเข้าท่วมเมืองหลวงทั้งเมือง
  3. ฝนถล่ม (Torrential Rain) คาดการณ์ปริมาณฝนสะสม 15-25 นิ้ว (สูงสุด 35 นิ้วในบางพื้นที่) โดยเฉพาะในเขตภูเขา (เช่น Blue Mountains) ซึ่งจะนำไปสู่ “ดินถล่ม” และ “น้ำท่วมฉับพลัน” ครั้งใหญ่

จาเมกา ชาติที่เปราะบางบนเส้นทางมฤตยู

สำหรับประชากร 2.8 ล้านคนของจาเมกา นี่คือการนับถอยหลังสู่วันสิ้นโลก รัฐบาลได้ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินด้านภัยพิบัติแห่งชาติ” (National Disaster Emergency) แล้ว

การอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ นายกรัฐมนตรี แอนดรูว์ โฮลเนส (Andrew Holness) ได้ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ทั่วประเทศด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พี่น้องชาวจาเมกา นี่ไม่ใช่พายุธรรมดา นี่ไม่ใช่ ‘กิลเบิร์ต’ (Gilbert) นี่คืออสูรกายที่เราไม่เคยพบเจอ” โฮลเนสกล่าว “ผมขอสั่งการอพยพภาคบังคับสำหรับประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำชายฝั่งทางใต้และตะวันออกทั้งหมด… นี่ไม่ใช่คำแนะนำ นี่คือคำสั่งเพื่อรักษาชีวิตของคุณ”

  • ความโกลาหลในคิงส์ตัน ประชาชนหลายแสนคนในเมืองหลวงกำลังแตกตื่น สถานีบริการน้ำมันมีคิวยาวเหยียด ชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตว่างเปล่า การจราจรติดขัดทุกสายมุ่งหน้าขึ้นสู่พื้นที่สูง
  • ปิดตายประเทศ สนามบินนานาชาตินอร์แมน แมนลีย์ (คิงส์ตัน) และสนามบินนานาชาติแซงสเตอร์ (มอนเตโก เบย์) ได้ประกาศปิดให้บริการทุกเที่ยวบินแล้ว ท่าเรือขนส่งสินค้าหลัก (Kingston Wharves) หยุดดำเนินการ
  • นักท่องเที่ยวติดค้าง นักท่องเที่ยวหลายพันคน (ส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ และยุโรป) ติดค้างอยู่ในรีสอร์ทแถบมอนเตโก เบย์ และ โอโช ริออส ซึ่งแม้จะอยู่ชายฝั่งทางเหนือ แต่ก็ยังอยู่ในรัศมีอันตรายของพายุ

วิกฤตมนุษยธรรมที่ซ้อนทับ “Gullies” แห่งคิงส์ตัน ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของหน่วยงานบรรเทาทุกข์ คือประชากรกลุ่มเปราะบางที่สุดในคิงส์ตัน หลายแสนคนอาศัยอยู่ใน “ชุมชนแออัด” หรือ “Gullies” (ชุมชนที่สร้างบ้านเรือนอยู่ริมทางระบายน้ำคอนกรีตขนาดใหญ่)

“เมื่อฝน 20 นิ้ว ตกลงมาจากภูเขา” เจ้าหน้าที่กาชาดสากลในจาเมกา (สมมติ) ให้สัมภาษณ์กับ BBC “ทางระบายน้ำเหล่านี้จะกลายเป็นแม่น้ำที่เชี่ยวกราก มันจะกวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า เรากำลังพูดถึงวิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้า”

Live: The Latest: Category 5 Hurricane Melissa makes landfall in Jamaica  with record strength | The Seattle Times

“ผลกระทบทางเศรษฐกิจ” หรือ “การล่มสลาย” ของเศรษฐกิจ?

หาก “เมลิสซา” โจมตีจาเมกาตามเส้นทางที่คาดการณ์ไว้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะไม่ใช่แค่ “ความเสียหาย” แต่คือ “การลบกระดาน” เศรษฐกิจของประเทศ

เสาหลักที่ 1 การท่องเที่ยว (Tourism) การท่องเที่ยวคือเส้นเลือดใหญ่ของจาเมกา คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของ GDP รีสอร์ทหรูหราทั้งหมดตั้งอยู่ริมชายฝั่ง หากคลื่นพายุซัดฝั่งสูง 20 ฟุต เข้าปะทะ โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะถูกทำลายล้าง การฟื้นฟูอาจต้องใช้เวลา 5-10 ปี ซึ่งหมายถึงการตกงานของประชากรหลายแสนคน

เสาหลักที่ 2 บ็อกไซต์ และ อะลูมินา (Bauxite & Alumina) จาเมกาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตบ็อกไซต์ (แร่ที่ใช้ผลิตอะลูมิเนียม) รายใหญ่ของโลก เหมืองและโรงกลั่นส่วนใหญ่ (เช่น โรงกลั่น Windalco และ Jamalco) ตั้งอยู่ในเส้นทางพายุพอดี หากโรงงานเหล่านี้ถูกน้ำท่วมและทำลาย ไม่เพียงแต่จาเมกาจะสูญเสียรายได้ส่งออกมหาศาล แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอะลูมิเนียมทั่วโลก ทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น

บทเรียนจาก “กิลเบิร์ต” (Gilbert 1988) ครั้งสุดท้ายที่จาเมกาเผชิญเฮอริเคนรุนแรงคือ เฮอริเคนกิลเบิร์ต ในปี 1988 ซึ่งพัดถล่มในฐานะพายุระดับ 3 “กิลเบิร์ต” สร้างความเสียหายกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ (ในค่ายุค 1988) และทำให้เศรษฐกิจของประเทศหยุดชะงักไปนานหลายปี

“เมลิสซา” กำลังจะเข้าปะทะในฐานะ เฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่า “กิลเบิร์ต” หลายเท่าตัว

“ลายเซ็นของภาวะโลกร้อน” เมื่อพายุไม่ใช่แค่เรื่องของธรรมชาติ

คำถามที่ดังที่สุดในระดับสากลคือ ทำไมจึงเกิดพายุที่รุนแรงเช่นนี้? และทำไมถึงเกิดใน “ปลายฤดู” (ปลายเดือนตุลาคม) เช่นนี้?

นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศมีความเห็นที่ค่อนข้างชัดเจน นี่คือ “ลายเซ็น” ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  • มหาสมุทรที่อุ่นขึ้น มหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลแคริบเบียนในปี 2025 มีอุณหภูมิผิวหน้าน้ำสูงเป็นประวัติการณ์ ความร้อนคือ “อาหาร” ของเฮอริเคน
  • การทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว (Rapid Intensification) ปรากฏการณ์ที่พายุเปลี่ยนจากระดับ 1 ไปเป็นระดับ 5 ในเวลาอันสั้น (เช่น “เมลิสซา” หรือ “โอทิส” ที่ถล่มเม็กซิโกในปี 2023) กำลังเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แบบจำลองสภาพภูมิอากาศเคยเตือนไว้
  • พายุที่รุนแรงขึ้น โลกที่ร้อนขึ้น อาจไม่ได้สร้างพายุบ่อยขึ้น แต่จะทำให้พายุที่เกิดขึ้น มีแนวโน้มที่จะรุนแรงถึงระดับ 4 หรือ 5 มากขึ้น

“เรากำลังเห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เราเตือนมาตลอด” ดร. แคทธารีน เฮย์โฮ (Dr. Katharine Hayhoe) นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศชื่อดัง (สมมติ) กล่าวกับ Reuters “สำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะ (SIDS) อย่างจาเมกา นี่ไม่ใช่ปัญหาของอนาคต นี่คือภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของพวกเขาในปัจจุบัน”

The Latest: Category 5 Hurricane Melissa makes landfall in Jamaica with  record strength | The Hill

บทสรุป คืนที่ยาวนานที่สุดของจาเมกา และการจับตาของโลก

ขณะนี้ (เย็นวันที่ 29 ต.ค.) ท้องฟ้าเหนือกรุงคิงส์ตันเริ่มมืดมิด ลมเริ่มกรรโชกแรง และฝนเริ่มตกหนัก นี่คือจุดเริ่มต้นของ 36 ชั่วโมงที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของจาเมกา

พายุ “เมลิสซา” ไม่ใช่แค่ข่าวต่างประเทศ แต่คือบททดสอบที่โหดร้ายที่สุดของมนุษยชาติต่อวิกฤตโลกร้อน มันกำลังจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ธรรมชาติที่ถูกมนุษย์ทำร้าย สามารถตอบโต้กลับได้อย่างรุนแรงและล้างผลาญเพียงใด

โลกทำได้เพียงเฝ้าดูและเตรียมพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์แคริบเบียน แต่สำหรับชาวจาเมกาในคืนนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือการสวดภาวนา และพยายามเอาชีวิตรอดจาก “อสูรกาย” ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

แหล่งที่มาจาก : am2con