ในประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วและประสิทธิภาพของบริการจัดส่งพัสดุ เรื่องราวของช็อคโกพายราคาเพียง 700 วอน (ประมาณ 24 บาท) ได้กลายเป็นมหากาพย์การต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อนานกว่า 2 ปี คดีระหว่าง นายคิม อูซอก พนักงานส่งของ และ Coupang CLS บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ในเครือ Coupang อีคอมเมิร์ซเบอร์หนึ่งของเกาหลีใต้ ไม่ใช่เพียงคดีลักทรัพย์ธรรมดา แต่ได้จุดประกายให้สังคมหันมาตั้งคำถามถึงสภาพการทำงานที่กดขี่, วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งกร้าว และความหมายที่แท้จริงของความยุติธรรมสำหรับ “คนตัวเล็ก” ชัยชนะของนายคิมในชั้นศาลฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่มันคือเสียงสะท้อนอันทรงพลังของแรงงานทั่วประเทศที่กำลังต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

จากขนมหนึ่งชิ้น สู่การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยอาชีพและชีวิต
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ “คดีช็อคโกพาย” เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2022 ณ ศูนย์กระจายสินค้าของ Coupang CLS ในเขตซงพา กรุงโซล นายคิม อูซอก ซึ่งทำงานเป็นพนักงานขับรถส่งของในระบบ “QuickFlex” (รูปแบบการจ้างงานคล้าย Gig Worker) ได้หยิบช็อคโกพาย 1 ชิ้น และนม 1 กล่อง จากกล่องพัสดุที่เสียหายและกำลังจะถูกทิ้ง เขาบริโภคมันด้วยความเข้าใจว่านี่คือสินค้าที่ถูกคัดแยกออกจากระบบแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของ Coupang CLS กลับมองว่านี่คือ “การลักทรัพย์”
Coupang CLS ได้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด โดยการยกเลิกสัญญาจ้างของนายคิมในทันที และแจ้งความดำเนินคดีกับเขาในข้อหาลักทรัพย์ ส่งผลให้เขาไม่เพียงแต่ตกงาน แต่ยังมีประวัติอาชญากรรมติดตัว ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการหางานใหม่ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับประวัติส่วนตัวอย่างเกาหลีใต้
นายคิมยืนกรานในความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยให้การว่า
“มันเป็นเรื่องปกติในศูนย์กระจายสินค้าที่พนักงานจะบริโภคสินค้าที่เสียหายและกำลังจะถูกกำจัดทิ้ง ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นการขโมย การกระทำของบริษัทเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุอย่างร้ายแรง”
การตัดสินใจของ Coupang CLS ที่จะดำเนินคดีกับพนักงานเพียงเพราะขนมราคาไม่ถึง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้สร้างความตกตะลึงและไม่พอใจในวงกว้าง โดยเฉพาะในกลุ่มสหภาพแรงงานและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
“แท็กแบกีซา” (Taekbaegisa) กระดูกสันหลังของเศรษฐกิจดิจิทัล กับชีวิตที่ไร้หลักประกัน
เพื่อที่จะเข้าใจความสำคัญของคดีนี้อย่างลึกซึ้ง เราจำเป็นต้องเข้าใจบริบทของ “แท็กแบกีซา” (Taekbaegisa – 택배기사) หรือพนักงานส่งของในเกาหลีใต้ พวกเขาคือฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้โมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของประเทศเป็นไปได้ โดยเฉพาะบริการ “Rocket Delivery” (ส่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง) ของ Coupang ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย
แต่เบื้องหลังความสะดวกสบายของผู้บริโภค คือสภาพการทำงานที่หนักหน่วงของพนักงานเหล่านี้
- ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน พนักงานจำนวนมากทำงานมากกว่า 12-14 ชั่วโมงต่อวัน, 6 วันต่อสัปดาห์
- ความกดดันด้านเวลา ระบบการจัดส่งที่เน้นความเร็วสร้างแรงกดดันมหาศาล ทำให้พนักงานแทบไม่มีเวลาพักทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำ
- สถานะการจ้างงานที่ไม่มั่นคง พนักงานจำนวนมาก รวมถึงนายคิม ถูกจัดอยู่ในสถานะ “ผู้รับจ้างอิสระ” (Independent Contractor) ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานมาตรฐาน เช่น ค่าล่วงเวลา, ประกันสังคม, หรือสิทธิในการรวมตัวกัน
- วัฒนธรรม “กับจิล” (Gapjil) คำศัพท์เฉพาะของเกาหลีที่หมายถึงการใช้อำนาจในทางที่ผิดของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในหลายองค์กร
สหภาพแรงงานแท็กแบ (Taekbae Union) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์สหภาพแรงงานแห่งเกาหลี (KCTU) ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อนายคิมอย่างแข็งขัน โดยชี้ว่าคดีนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนของวัฒนธรรม “กับจิล” ที่บริษัทใช้กฎระเบียบอย่างสุดโต่งเพื่อควบคุมและลงโทษพนักงานที่ไม่มีอำนาจต่อรอง

เส้นทางสู่ศาลฎีกา การต่อสู้ทางกฎหมายที่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง
การต่อสู้ของนายคิมในกระบวนการยุติธรรมกินเวลายาวนานและเต็มไปด้วยความยากลำบาก
- ศาลชั้นต้น (District Court) ในเดือนสิงหาคม 2023 ศาลแขวงกรุงโซลตะวันออกมีคำพิพากษาว่านายคิมมีความผิดฐานลักทรัพย์และสั่งปรับเป็นเงิน 100,000 วอน (ประมาณ 2,800 บาท) แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูง แต่คำตัดสินนี้เป็นการตีตราว่าเขาคือ “อาชญากร”
- ศาลอุทธรณ์ (High Court) นายคิมและทีมทนายจากกลุ่ม “ทนายความเพื่อสังคมประชาธิปไตย” (MINBYUN) ได้ยื่นอุทธรณ์ ในเดือนมกราคม 2024 ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำตัดสิน! โดยให้เหตุผลว่า การกระทำของนายคิม “ไม่มีเจตนาทุจริต” และพฤติกรรมดังกล่าวอยู่ในวิสัยที่สังคมยอมรับได้เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และธรรมเนียมปฏิบัติในที่ทำงาน ศาลชี้ว่าการดำเนินคดีของบริษัทเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต
- ศาลฎีกา (Supreme Court) Coupang CLS ไม่ยอมแพ้และได้ยื่นฎีกาเพื่อต่อสู้ในชั้นสูงสุด แต่ในที่สุด เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2024 ศาลฎีกาแห่งเกาหลีใต้ได้มีคำตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้นายคิม อูซอก พ้นผิดอย่างเด็ดขาด ถือเป็นการสิ้นสุดมหากาพย์การต่อสู้ที่ยาวนาน
คำพิพากษาของศาลฎีกาถือเป็นบรรทัดฐานสำคัญ โดยให้ความหมายว่าการตีความกฎหมายต้องคำนึงถึงบริบททางสังคมและเจตนาที่แท้จริงของผู้กระทำ ไม่ใช่ยึดถือเพียงตัวอักษรอย่างแข็งทื่อ โดยเฉพาะในกรณีที่มีความไม่สมดุลทางอำนาจอย่างยิ่งระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
ผลกระทบหลังคำพิพากษา ชัยชนะเล็กๆ ที่ส่งแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่
ชัยชนะของนายคิม อูซอก ไม่ได้จบลงที่การได้ความบริสุทธิ์กลับคืนมาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง
- การสร้างบรรทัดฐานใหม่ คำตัดสินนี้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญสำหรับคดีแรงงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงโทษพนักงานในเรื่องเล็กน้อย ซึ่งมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดพนักงานที่ไม่เป็นที่ต้องการหรือสมาชิกสหภาพแรงงาน
- การตื่นตัวของสังคม “คดีช็อคโกพาย” ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วประเทศและนานาชาติ ทำให้สังคมเกาหลีใต้หันมาถกเถียงถึง กฎหมายแรงงานในเกาหลีใต้ และความจำเป็นในการปฏิรูปเพื่อคุ้มครองแรงงานในภาค Gig Economy มากขึ้น
- แรงกดดันต่อ Coupang ภาพลักษณ์ของ Coupang ในฐานะบริษัทที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับผู้บริโภคต้องสั่นคลอนอย่างรุนแรง นักวิเคราะห์มองว่าบริษัทได้สูญเสียมากกว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีหลายเท่าตัว ทั้งในแง่ของชื่อเสียง, ความเชื่อมั่นของพนักงาน และมุมมองจากสาธารณชน
จิน คยองอู (Jin Kyung-woo) ประธานสหภาพแรงงานแท็กแบ กล่าวหลังคำพิพากษาว่า
“นี่คือชัยชนะของสามัญสำนึก มันพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Coupang ก็ไม่สามารถใช้อำนาจกดขี่พนักงานได้อย่างตามอำเภอใจอีกต่อไป เราจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานส่งของทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี”

บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต เกาหลีใต้จะเรียนรู้อะไรจาก “คดีช็อคโกพาย”?
คดีช็อคโกพาย ได้ปิดฉากลงในทางกฎหมาย แต่ได้เปิดบทสนทนาใหม่ที่สำคัญยิ่งในสังคมเกาหลีใต้ มันแสดงให้เห็นถึงรอยร้าวลึกระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าทึ่งกับคุณภาพชีวิตและสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงานที่เป็นรากฐานของความสำเร็จนั้น
อนาคตของสิทธิแรงงานในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะกลุ่ม Gig Workers ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลและภาคเอกชนต้องเผชิญ คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นจากคดีนี้ยังคงดังก้องอยู่ บริษัทควรมีอำนาจทำลายชีวิตคนคนหนึ่งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยได้หรือไม่? และ กระบวนการยุติธรรมจะสามารถเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับคนตัวเล็กได้อย่างแท้จริงในทุกกรณีหรือไม่?
เรื่องราวของนายคิม อูซอก และช็อคโกพายหนึ่งชิ้น จะถูกจดจำในฐานะสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ที่ไม่ยอมจำนน และเป็นเครื่องเตือนใจว่าบางครั้ง ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เริ่มต้นจากการยืนหยัดเพื่อความถูกต้องในเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยที่สุด
แหล่งที่มาจาก : am2con