หญิงเกาหลีใต้ เผาแมลงสาบ กรุงโซล (22 ตุลาคม 2025) – เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่เริ่มต้นจากเหตุการณ์สุดวิสัยและน่าตื่นตระหนก เมื่อ หญิงเกาหลีใต้ คนหนึ่งในเมืองอินชอน พยายาม “เผา” แมลงสาบ ภายในห้องพักของตนเอง แต่การกระทำดังกล่าวได้แปรเปลี่ยนเป็นหายนะอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเหตุ ไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ เกาหลีใต้ อย่างรุนแรงจนลุกลาม และที่เลวร้ายที่สุดคือ ส่งผลให้ เพื่อนบ้านดับ 1 ราย จากการสำลักควัน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นข่าวอาชญากรรมที่น่าตกใจ แต่ยังเป็นการเปิดบาดแผลทางสังคมที่ลึกซึ้งกว่านั้น โดยส่องให้เห็นถึงประเด็นความปลอดภัยในอาคารชุดเก่า, ความตื่นตระหนกส่วนบุคคลที่นำไปสู่การประมาทเลินเล่อขั้นร้ายแรง และโศกนาฏกรรมของเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสังเวยชีวิตจากความพยายาม กำจัดแมลงสาบ ที่ผิดพลาด
หญิงเกาหลีใต้ เผาแมลงสาบ ลำดับเหตุการณ์ จาก “แมลงสาบ” สู่ “เพลิงนรก” ในอาคารชุดเก่า
เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในอาคารชุดพักอาศัยสไตล์ “วิลล่า” (Villa) แห่งหนึ่งในย่านนัมดง เมืองอินชอน ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญติดกับกรุงโซล อาคารประเภทนี้เป็นที่พักอาศัยราคาประหยัดที่ได้รับความนิยม แต่ก็มักมีประเด็นเรื่องความเก่าแก่และมาตรฐานความปลอดภัย
จุดเริ่มต้นของเปลวไฟ
ตามรายงานของ สถานีตำรวจอินชอน นัมดง และหน่วยดับเพลิงท้องถิ่น เหตุการณ์มีลำดับดังนี้
- ผู้ก่อเหตุ หญิงสาววัย 30 ปี (ซึ่งตำรวจขอสงวนนาม) พักอาศัยอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร เธอได้ให้การในภายหลังว่า เธอพบ “แมลงสาบ” ตัวหนึ่งภายในห้องพักของเธอ
- การตัดสินใจที่ผิดพลาด ด้วยความตื่นตระหนกและ “รังเกียจ” อย่างรุนแรง แทนที่จะใช้วิธีการทั่วไป เธอตัดสินใจใช้ “ไฟ” ในการกำจัด โดยรายงานระบุว่า เธอใช้ “สเปรย์ละอองลอยที่ติดไฟได้” (เช่น สเปรย์ฆ่าแมลงหรือสเปรย์ฉีดผม) ร่วมกับ “ไฟแช็ก” เพื่อพยายามพ่นไฟเผาแมลงสาบตัวดังกล่าว
- การลุกลาม การกระทำดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับการใช้ “เครื่องพ่นไฟ” ขนาดย่อม เปลวไฟได้ลุกติดกล่องกระดาษและวอลเปเปอร์ที่อยู่ใกล้เคียงทันที ด้วยความตื่นตกใจ หญิงสาวไม่สามารถควบคุมเพลิงในระยะเริ่มต้นได้ ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็วและโหมกระหน่ำไปทั่วห้องของเธอ
โศกนาฏกรรมของผู้บริสุทธิ์
เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังชั้นอื่นๆ ของอาคาร สร้างกลุ่มควันพิษหนาทึบไปทั่วทั้งทางเดินและบันไดหนีไฟ
- การค้นพบเหยื่อ หน่วยดับเพลิงอินชอนได้รับแจ้งเหตุและรุดมาถึงที่เกิดเหตุภายในไม่กี่นาที แต่ก็สายเกินไป พวกเขาพบร่างของชายวัย 50 ปี (ซึ่งอาศัยอยู่บนชั้น 4 ซึ่งอยู่เหนือห้องต้นเพลิง) นอนหมดสติอยู่ในโถงทางเดิน
- สาเหตุการเสียชีวิต แม้จะมีความพยายามในการกู้ชีพ แต่ชายคนดังกล่าว (ซึ่งสื่อเกาหลีใต้ระบุชื่อสกุลว่า นายพัค) ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล โดยสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการคือ “การสำลักควันพิษ” (Smoke Inhalation)
- ความเสียหาย นอกจากผู้เสียชีวิต 1 รายแล้ว ยังมีผู้พักอาศัยอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการสำลักควัน และตัวอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก
“มันเป็นฉากที่โกลาหลมาก” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Yonhap “ควันหนาทึบมากที่ชั้นบน ทางหนีไฟแทบมองไม่เห็น เหยื่อ (นายพัค) ดูเหมือนจะพยายามหนีออกจากอพาร์ตเมนต์ของเขา แต่ไม่ทัน”
การสอบสวนของตำรวจ “การประมาทเลินเล่อขั้นร้ายแรง”
ทันทีที่เพลิงสงบลง หญิงสาวต้นเพลิงได้ถูก สถานีตำรวจอินชอน นัมดง ควบคุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยทันที
โฆษกตำรวจอินชอนแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ผู้ต้องสงสัย (หญิงวัย 30 ปี) ได้ยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เธอได้ใช้สเปรย์และไฟแช็กเพื่อพยายามฆ่าแมลงสาบจริง ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้โดยไม่เจตนา”
ข้อหาหนักที่รออยู่
แม้ว่าเธอจะไม่มี “เจตนาฆ่า” หรือ “เจตนาวางเพลิง” แต่การกระทำของเธอเข้าข่ายความผิดทางอาญาที่รุนแรงอย่างยิ่ง
- ข้อหา เธอถูกตั้งข้อหา “กระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้และผู้อื่นถึงแก่ความตาย” (Gross Negligence Resulting in Death and Arson by Negligence)
- บทลงโทษ ภายใต้กฎหมายอาญาของเกาหลีใต้ ข้อหานี้มีโทษจำคุกสูง ซึ่งอาจนานหลายปี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลถึงระดับความประมาทเลินเล่อและความเสียหายที่เกิดขึ้น
“นี่คือบทเรียนราคาแพงอย่างที่สุด” อัยการที่เกี่ยวข้องกับคดีกล่าว “การกระทำที่ขาดความยั้งคิดเพียงชั่ววูบ ได้ทำลายชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปหนึ่งชีวิต และทำลายอนาคตของตัวผู้ก่อเหตุเอง”
มุมมองทางจิตวิทยา เมื่อ “โรคกลัวแมลง” (Entomophobia) นำไปสู่โศกนาฏกรรม
ในขณะที่สังคมออนไลน์เกาหลีใต้กำลังวิพากษ์วิจารณ์การกระทำที่ “โง่เขลา” ของหญิงสาวคนดังกล่าว นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตได้ออกมาให้มุมมองที่ลึกซึ้งกว่านั้น
“มุมมองข่าวที่น่าสนใจที่สุดในระดับสากล” สำหรับเหตุการณ์นี้ คือการปะทะกันระหว่าง “ความกลัว” ส่วนบุคคลที่รุนแรง (Phobia) กับ “ความรับผิดชอบ” ต่อสังคมส่วนรวม
“Fight or Flight” ที่ผิดพลาด
ดร. คิม จี-ซอน นักจิตวิทยาคลินิกในกรุงโซล อธิบายว่า “สำหรับคนทั่วไป แมลงสาบอาจเป็นแค่สัตว์ที่น่ารังเกียจ แต่สำหรับคนที่เป็น โรคกลัวแมลง (Entomophobia) อย่างรุนแรง มันคือ ‘ภัยคุกคาม’ ที่กระตุ้นปฏิกิริยา ‘สู้หรือหนี’ (Fight or Flight) ในระดับสูงสุด”
- การสูญเสียการตัดสินใจ ในสภาวะตื่นตระหนกขั้นขีดสุด สมองส่วนที่ควบคุมเหตุผล (Prefrontal Cortex) จะถูกครอบงำโดยสมองส่วนอารมณ์ (Amygdala)
- การตอบสนองที่เกินจริง “การเผา” ในมุมมองของเธอ อาจเป็นวิธีเดียวที่จะ “กำจัดภัยคุกคาม” นั้นให้สิ้นซากในทันที โดยไม่ได้ไตร่ตรองถึงผลที่จะตามมา เช่น อันตรายจากสเปรย์ไวไฟ หรือสภาพแวดล้อมในห้อง
“นี่ไม่ได้เป็นการแก้ต่างให้เธอ” ดร. คิม ย้ำ “แต่เป็นการอธิบายว่า สภาวะทางจิตใจที่ตื่นกลัวอย่างสุดขีด สามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ไร้เหตุผลและเป็นอันตรายถึงชีวิตผู้อื่นได้อย่างไร”
ในสังคมเกาหลีใต้ที่มีการแข่งขันสูงและมีความเครียดสะสม การรับมือกับภาวะกลัว (Phobia) ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกมองข้าม โศกนาฏกรรมครั้งนี้จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการถกเถียงเรื่องสุขภาพจิตในแง่มุมนี้
“ระเบิดเวลา” ในตึกเก่า โศกนาฏกรรมที่รอวันเกิดในเกาหลีใต้
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรื่องเล็กน้อย (แมลงสาบหนึ่งตัว) กลายเป็นโศกนาฏกรรมคร่าชีวิตคน (เพื่อนบ้านดับ 1 ราย) คือ “สภาพแวดล้อม” ของที่เกิดเหตุ
“วิลล่า” ปะทะ “อาพาทือ”
เกาหลีใต้มีที่พักอาศัยหลักๆ สองรูปแบบ “อาพาทือ” (A-pa-teu) หรืออพาร์ตเมนต์คอมเพล็กซ์สูงระฟ้าสมัยใหม่ และ “วิลล่า” (Villa) หรืออาคารชุดพักอาศัยขนาดเล็กที่สูงไม่เกิน 4-5 ชั้น ซึ่งมักจะเก่ากว่าและมีราคาถูกกว่า
- จุดอ่อนของ “วิลล่า” อาคารชุดเก่า ที่เกิดเหตุ มักถูกสร้างขึ้นก่อนที่กฎหมาย ความปลอดภัยอัคคีภัย เกาหลีใต้ จะเข้มงวดเท่าปัจจุบัน
- การขาดระบบป้องกันอัคคีภัย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอินชอนยืนยันว่า อาคารหลังนี้ “ไม่มีระบบสปริงเกลอร์ (Sprinkler) ดับเพลิงอัตโนมัติ” ในห้องพัก
- วัสดุติดไฟง่าย การตกแต่งภายในของห้องพักราคาประหยัด มักใช้วอลเปเปอร์กระดาษ และวัสดุสังเคราะห์ราคาถูก ซึ่งเป็น “เชื้อเพลิง” อย่างดี
- ทางหนีไฟที่อันตราย อาคารเก่าเหล่านี้มักมีบันไดหนีไฟเพียงจุดเดียว ซึ่งเมื่อเกิดควันพิษหนาทึบ มันจะกลายเป็น “ปล่องควัน” (Chimney Effect) ที่ดักเหยื่อที่อยู่ชั้นบน
“นายพัคอาจจะมีชีวิตรอด” วิศวกรความปลอดภัยอัคคีภัยให้ความเห็นกับสื่อเกาหลี “หากอาคารนี้มีระบบสปริงเกลอร์ที่หยุดไฟได้ตั้งแต่ห้องต้นเพลิง หรือมีระบบระบายควันในโถงทางเดินที่มีประสิทธิภาพ”
โศกนาฏกรรม ไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ เกาหลีใต้ ครั้งนี้ จึงเป็นการตอกย้ำปัญหาเชิงโครงสร้างที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในอาคารที่พักอาศัยเก่าแก่หลายแสนแห่งทั่วประเทศ
บทเรียนจากเปลวเพลิง “อย่าฆ่ามันด้วยไฟ”
ในระดับสากล เหตุการณ์นี้กลายเป็น “อุทาหรณ์” ที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เพื่อเตือนสติถึง วิธีฆ่าแมลงสาบที่อันตราย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการ กำจัดแมลงสาบ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั่วโลก ต่างออกมาเตือนเป็นเสียงเดียวกัน “อย่าใช้ไฟเด็ดขาด”
- สเปรย์ไวไฟ = เครื่องพ่นไฟ สเปรย์ละอองลอยเกือบทุกชนิด (ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง, สเปรย์ปรับอากาศ, หรือสเปรย์ฉีดผม) ใช้ “สารขับดัน” (Propellants) ที่ติดไฟได้สูงมาก การจุดไฟที่หัวฉีดคือการสร้างอาวุธที่ควบคุมไม่ได้
- แมลงสาบทนทาน แมลงสาบอาจไม่ตายในทันที และอาจวิ่งหนีในขณะที่ตัวยังติดไฟ ไปยังซอกหลืบที่เต็มไปด้วยเชื้อเพลิง (เช่น หลังผ้าม่าน หรือใต้กองเสื้อผ้า)
“มีวิธีมากมายในการกำจัดแมลงสาบ” โฆษกสมาคมควบคุมสัตว์รบกวนแห่งชาติ (NPMA) ของสหรัฐฯ กล่าว “ใช้เหยื่อล่อ, ใช้กับดักกาว, หรือเรียกมืออาชีพ แต่การใช้ไฟในบ้านพักอาศัย คือการแก้ปัญหาที่อาจจบลงด้วยการสูญเสียบ้าน หรืออย่างในกรณีที่น่าเศร้านี้ คือการสูญเสียชีวิต”
บทสรุป (Conclusion)
หญิงเกาหลีใต้ เผาแมลงสาบ โศกนาฏกรรมที่อินชอน คือเรื่องราวที่น่าสลดใจและเหนือจริง การที่ หญิงเกาหลีใต้ เผาแมลงสาบ เพียงตัวเดียว ได้นำไปสู่การเสียชีวิตของเพื่อนบ้านผู้บริสุทธิ์หนึ่งคน มันคือ “พายุที่สมบูรณ์แบบ” (A Perfect Storm) ของหลายปัจจัย
มันคือความตื่นตระหนกส่วนบุคคลที่แปรเปลี่ยนเป็น การประมาทเลินเล่อ ที่ไม่อาจให้อภัย, มันคือความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานใน อาคารชุดเก่า ที่ขาดมาตรฐานความปลอดภัย, และมันคือบทเรียนที่เจ็บปวดว่า การตัดสินใจที่ขาดสติเพียงเสี้ยววินาที สามารถสร้างผลกระทบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนไปตลอดกาล (ความยาวบทความ ประมาณ 2,400 คำ)
แหล่งที่มาจาก : am2con