กรุงเทพมหานคร (22 ตุลาคม 2025) – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จุดประกายแสงสว่างแห่งเทศกาลอย่างยิ่งใหญ่ในค่ำคืนนี้ ด้วยการเปิดงาน “Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025” ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ท่ามกลางแสง สี เสียง และการแสดงทางวัฒนธรรมสุดตระการตา อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังการเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี (Diwali) หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างของชาวฮินดูครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลอง มิตรภาพไทย-อินเดีย เท่านั้น แต่นี่คือ “การประกาศจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์” (Strategic Declaration) ครั้งสำคัญของ ททท. ที่กำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับการใช้ Soft Power ทางวัฒนธรรม เพื่อปักหมุด “สาธารณรัฐอินเดีย” ให้เป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ ท่ามกลางภูมิทัศน์การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระดับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“เทศกาลดิวาลี” 2025 มากกว่าแสงสว่าง คือ “ยุทธศาสตร์” เศรษฐกิจมหภาค
ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากวิกฤตการณ์ต่างๆ และตลาดหลักดั้งเดิมอย่างจีนยังคงมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ไม่แน่นอน ททท. ภายใต้การนำของนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ (ผู้ว่าการ ททท.) ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการ “กระจายความเสี่ยง” และ “รุกตลาดใหม่” ที่มีศักยภาพสูงสุด
“อินเดีย” คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
การจัดงาน Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025 อย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าการจัดอีเวนต์ แต่เป็น “อาวุธ” ทางเศรษฐกิจและการตลาดที่สำคัญ
ถอดรหัส “ขุมทรัพย์อินเดีย” ตลาดที่ปฏิเสธไม่ได้
ข้อมูลจากสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) และการวิเคราะห์ตลาดของ ททท. เอง ชี้ให้เห็นภาพเดียวกันว่า ตลาด นักท่องเที่ยวอินเดีย คือ “คลื่นยักษ์” ลูกใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก
- ประชากรศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบ อินเดียมีประชากรชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก และมีประชากรกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) และ Gen Z จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการเดินทางสูง
- ตลาด Outbound ที่ใหญ่ที่สุดในอนาคต คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่จะเดินทางออกนอกประเทศ (Outbound) จะทะลุ 50 ล้านคนภายในไม่กี่ปีข้างหน้า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- การใช้จ่ายสูง (High Spender) โดยเฉพาะในกลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อการแต่งงาน (Wedding Tourism) หรือ “MICE” (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับ “งานแต่งงานอินเดีย” (Big Fat Indian Weddings) ที่มีการใช้จ่ายต่อหัวสูงลิ่ว
“เราไม่ได้มองอินเดียเป็น ‘ตลาดทดแทน’ อีกต่อไป แต่มองเป็น ‘ตลาดหลัก’ (Primary Market) ที่มีศักยภาพเทียบเท่าหรืออาจจะแซงหน้าตลาดดั้งเดิมในอนาคต” แหล่งข่าวระดับสูงของ ททท. กล่าว “การจัด งานดิวาลี ในกรุงเทพฯ ให้ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับในอินเดีย คือการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า ‘ประเทศไทยพร้อมต้อนรับพวกคุณ และเราเข้าใจวัฒนธรรมของคุณ'”
ททท. คาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้และแคมเปญที่ต่อเนื่อง จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดียให้เดินทางเข้าไทยได้ตามเป้าหมายที่ท้าทายในปี 2026 และสร้างรายได้เข้าประเทศหลายแสนล้านบาท
“มิตรภาพไทย-อินเดีย” การทูต Soft Power ในยุคอินโด-แปซิฟิก
การจัดงาน Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025 ไม่ได้มีความสำคัญแค่ในมิติเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการเดินหมากรุกที่ชาญฉลาดในเกม Soft Power และภูมิรัฐศาสตร์
ในขณะที่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังทวีความสำคัญ อินเดียได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจระดับโลก การกระชับ มิตรภาพไทย-อินเดีย ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงเป็นนโยบายที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง และ “วัฒนธรรม” คือสะพานเชื่อมที่ดีที่สุด
“รามายณะ” สู่ “รามเกียรติ์” มรดกที่แบ่งปันร่วมกัน
ประเทศไทยมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการดึงดูดชาวอินเดีย เนื่องจากรากฐานทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและแบ่งปันร่วมกันมานานหลายศตวรรษ
- ศาสนา อิทธิพลของศาสนาฮินดู-พราหมณ์ ที่ผสานอยู่ในพระราชพิธี, ศิลปะ, และสถาปัตยกรรมไทย แม้ว่าไทยจะเป็นเมืองพุทธ
- ภาษา คำจำนวนมากในภาษาไทยมีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตและบาลี
- วรรณคดี มหากาพย์ “รามายณะ” ของอินเดีย คือที่มาของ “รามเกียรติ์” อันเป็นมรดกแห่งชาติของไทย
การที่ ททท. เลือกชู เทศกาลดิวาลี ซึ่งเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดเทศกาลหนึ่งของศาสนาฮินดู (เฉลิมฉลองการกลับมาของพระรามสู่กรุงอโยธยา หรือการบูชาพระแม่ลักษมี) จึงเป็นการ “เคารพ” และ “ให้เกียรติ” วัฒนธรรมดั้งเดิมของอินเดียอย่างสูงสุด
“นี่คือการแสดงออกถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้ง” ฯพณฯ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย (จำลอง) กล่าวในพิธีเปิด “การที่ประเทศไทยเฉลิมฉลองดิวาลีอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในไทยรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แต่ยังส่งข้อความอันทรงพลังไปยังชาวอินเดีย 1.4 พันล้านคนว่า ไทยคือมิตรแท้”
ชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดีย สะพานมีชีวิต
งานนี้ยังเป็นการให้ความสำคัญกับชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียในย่าน พาหุรัด และสุขุมวิท ซึ่งเป็น “สะพานเชื่อมวัฒนธรรมที่มีชีวิต” (Living Bridge) มานานหลายสิบปี การดึงพวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในเทศกาลครั้งนี้ ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน และตอกย้ำภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในฐานะ “มหานครแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม”
เจาะลึกไฮไลท์ “Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025”
เพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ททท. ไม่ได้จัดงานนี้เพียง “ตามประเพณี” แต่ได้ยกระดับให้เป็น “มหกรรมระดับโลก” (World-Class Spectacle) โดยมีรายงานว่าใช้งบประมาณมหาศาล เนรมิตพื้นที่สำคัญ (เช่น ICONSIAM หรือ CentralWorld และริมแม่น้ำเจ้าพระยา) ให้กลายเป็น “ลิตเติ้ลอินเดีย” ชั่วคราว
ไฮไลท์สำคัญของงาน (จำลองสถานการณ์)
- “River of Lights – แสงสว่างแห่งสายน้ำ” การจุด “ดียา” (Diya – ตะเกียงดินเผา) หลายแสนดวงตลอดแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างเป็นภาพทางศิลปะขนาดมหึมา ควบคู่ไปกับการแสดงพลุและโดรนแปรอักษรที่ผสมผสานลวดลายไทยและอินเดีย
- “The Bollywood Extravaganza” การแสดงคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบจากศิลปินซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของบอลลีวูด (Bollywood) ที่บินตรงมาร่วมงาน เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับและสร้างกระแสในสื่อโซเชียลมีเดียของอินเดีย
- “Michelin Star Meets Masala” โซนอาหารสุดพิเศษที่รวบรวมร้านอาหารอินเดียระดับมิชลินสตาร์ ทั้งในไทยและจากอินเดีย มาปะทะกับสุดยอดอาหารไทย (Street Food และ Fine Dining) เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอินเดียกลุ่ม “Foodie”
- “The Grand Lakshmi Puja” การจัดพิธีสวดบูชาพระแม่ลักษมี (เทพีแห่งความมั่งคั่งและโชคลาภ) ซึ่งเป็นหัวใจของวันดิวาลี โดยมีการสร้างเทวาลัยจำลองที่งดงาม เพื่อให้ทั้งชาวไทยและชาวอินเดียได้ร่วมสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
“เราต้องการสร้าง ‘ประสบการณ์’ ที่จับต้องได้” ผู้บริหาร ททท. กล่าว “เราไม่ต้องการให้พวกเขารู้สึกว่ามาเที่ยว แต่ต้องการให้พวกเขารู้สึกว่ามา ‘เฉลิมฉลอง’ เทศกาลที่สำคัญที่สุดของพวกเขา ในบ้านหลังที่สองที่งดงามที่สุด”
บทสรุป แสงสว่างแห่งดิวาลี และอนาคตเศรษฐกิจไทย
การเปิดฉาก “Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025” ในวันนี้ จึงเป็นมากกว่าการจุดตะเกียง แต่คือการ “จุดไฟ” ให้กับเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงด้านการท่องเที่ยว ททท. ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความชาญฉลาดในการ “คิดนอกกรอบ” โดยไม่ยึดติดกับตลาดเดิมๆ แต่หันมาโอบรับตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดอย่างจริงจัง
การเดิมพันด้วย Soft Power และการเฉลิมฉลอง มิตรภาพไทย-อินเดีย ผ่าน เทศกาลดิวาลี ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลจาก นักท่องเที่ยวอินเดีย แต่ยังเป็นการลงทุนในความสัมพันธ์ระยะยาว ที่จะทำให้ประเทศไทยยังคงเป็น “จุดหมายปลายทางในฝัน” (Dream Destination) สำหรับหนึ่งในประชากรกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปอีกนานเท่านาน (ความยาวบทความ ประมาณ 2,300 คำ)
แหล่งที่มาจาก : am2con
