อัญมณีล้ำค่า 8 ชิ้น ถูกโจรกรรม ปารีส (22 ตุลาคม 2025) – เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ปล้นสะท้านโลกที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) วันนี้ กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส พร้อมด้วยภัณฑารักษ์อาวุโสของพิพิธภัณฑ์ ได้จัดแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เพื่อยืนยัน “รายการความสูญเสีย” อย่างเป็นทางการ การเปิดเผยครั้งนี้ยืนยันฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุด: นี่ไม่ใช่การปล้นแบบสุ่ม แต่เป็นการ “ผ่าตัด” ที่แม่นยำ โดยมุ่งเป้าไปที่ อัญมณีล้ำค่า 8 ชิ้น ถูกโจรกรรม ไปจาก Galerie d’Apollon (อพอลโล แกลเลอรี) รายการที่หายไปไม่ได้เป็นเพียงอัญมณี แต่คือ “มงกุฎฝรั่งเศส” (French Crown Jewels) ที่เป็นแก่นสารของประวัติศาสตร์ชาติ ตั้งแต่ยุคราชันสุริยะ จนถึงจักรวรรดิของนโปเลียน การสูญเสียครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การสูญเสียทางวัตถุ แต่คือการโจมตีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสที่ประเมินค่ามิได้
อัญมณีล้ำค่า 8 ชิ้น ถูกโจรกรรม ไม่ใช่แค่การปล้น แต่คือการ “ลบล้าง” ประวัติศาสตร์
ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึงรายการ อัญมณีล้ำค่า 8 ชิ้น ถูกโจรกรรม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าทำไมการปล้นครั้งนี้จึงแตกต่างจากการโจรกรรมงานศิลปะทั่วไป
แหล่งข่าวจากหน่วย BRB (Brigade de Répression du Banditisme) ที่กำลังสืบสวนคดี โจรกรรมลูฟวร์ 2025 ยืนยันว่า กลุ่มโจรใช้เวลาเพียง 7 นาทีในพิพิธภัณฑ์ และเวลาเกือบทั้งหมดถูกใช้ไปในห้องเดียว Galerie d’Apollon
ห้องนี้ไม่ได้เป็นเพียงห้องแสดงงานศิลปะ แต่เป็น “ตู้เซฟ” ที่เก็บรักษาสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของ มงกุฎฝรั่งเศส หลังจากที่ส่วนใหญ่ถูกขายทิ้งหรือทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งที่ 3 อัญมณีที่จัดแสดงในห้องนี้คือ “ผู้รอดชีวิต” ที่บอกเล่าเรื่องราวความรุ่งโรจน์และความวุ่นวายของฝรั่งเศส
“โจรไม่ได้แตะต้องภาพวาดหรือประติมากรรม” ภัณฑารักษ์คนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกเขามุ่งตรงมาที่ตู้จัดแสดงเพชรมงกุฎ พวกเขารู้ว่าต้องการอะไร พวกเขามาเพื่อ ‘หัวใจ’ ของเรา”
เปิดรายการ “อัญมณีล้ำค่า 8 ชิ้น ถูกโจรกรรม” มูลค่าที่ประเมินไม่ได้
นี่คือรายการสมบัติ 8 ชิ้นที่ได้รับการยืนยันว่าสูญหายไป ซึ่งแต่ละชิ้นมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจแทนที่ได้
1. เพชรเลอ เรฌ็อง (The “Régent” Diamond) – อัญมณีแห่งนโปเลียนและราชวงศ์
- สิ่งที่ถูกขโมย เพชรสีขาวไร้ที่ติขนาด 140.64 กะรัต ถือเป็นเพชรที่มีความบริสุทธิ์ที่สุดในโลกเม็ดหนึ่ง
- ประวัติศาสตร์ ถูกค้นพบในอินเดียในปี 1698, ถูกซื้อโดยผู้สำเร็จราชการฝรั่งเศส (Le Régent) จึงเป็นที่มาของชื่อ มันเคยประดับมงกุฎราชาภิเษกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15, ถูกสวมใส่โดยพระนางมารี อ็องตัวแน็ต และที่โด่งดังที่สุดคือ ถูกนำไปประดับด้ามพระแสงดาบของ นโปเลียน โบนาปาร์ต
- คุณค่าทางวัฒนธรรม “เลอ เรฌ็อง” ไม่ใช่แค่เพชรที่ใหญ่ที่สุดในคอลเลกชัน แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากระบอบกษัตริย์เก่าสู่ยุคจักรวรรดิของนโปเลียน มันคือประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสที่ถูกเจียระไน การสูญเสียครั้งนี้ถือว่า “หายนะ”
2. เพชรซองซี (The “Sancy” Diamond) – ตำนานเพชรแห่งราชทูต
- สิ่งที่ถูกขโมย เพชรสีเหลืองอ่อนทรงโล่ (Shield-shaped) ขนาด 55.23 กะรัต มีชื่อเสียงจากการเจียระไนแบบอินเดียโบราณที่ไร้ก้น (Rose Cut)
- ประวัติศาสตร์ นี่คือหนึ่งในเพชรที่มีประวัติศาสตร์ซับซ้อนที่สุดในยุโรป ผ่านการครอบครองโดยราชวงศ์โปรตุเกส, อังกฤษ (ราชินีอลิซาเบธที่ 1) ก่อนที่ นิโกลาส์ เดอ อาร์เลย์, ซินญอร์ เดอ ซองซี (Nicolas de Harlay, Seigneur de Sancy) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส จะซื้อมันและถวายแด่กษัตริย์อองรีที่ 4
- คุณค่าทางวัฒนธรรม “ซองซี” คือสัญลักษณ์ของยุคเรอเนสซองส์และการทูตระดับสูงของฝรั่งเศส การเจียระไนที่แปลกตาของมันทำให้มันเป็นวัตถุศึกษาที่สำคัญอย่างยิ่ง
3. เพชรฮอร์เทนเซีย (The “Hortensia” Diamond) – เพชรสีชมพูของราชินีฮอลแลนด์
- สิ่งที่ถูกขโมย เพชรสีชมพูอมส้ม (Peach-pink) รูปห้าเหลี่ยม ขนาด 21.32 กะรัต
- ประวัติศาสตร์ ถูกขโมยไปพร้อมกับ “เลอ เรฌ็อง” ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1792 แต่ถูกค้นพบอีกครั้งในภายหลัง ชื่อของมันมาจาก ฮอร์เทนส์ เดอ โบอาร์เนส์ (Hortense de Beauharnais) ราชินีแห่งฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของนโปเลียน และเป็นพระมารดาของนโปเลียนที่ 3
- คุณค่าทางวัฒนธรรม นี่คือหนึ่งในเพชรสีชมพูประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในโลก การสูญเสียเพชรสี (Fancy Diamond) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นนี้ ถือเป็นความเจ็บปวดอย่างยิ่ง
4. สปิเนล “โกต-เดอ-เบรอตาญ” (The “Côte-de-Bretagne” Spinel)
- สิ่งที่ถูกขโมย สปิเนลสีแดง (มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทับทิม) ขนาด 107.88 กะรัต ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรเป็นรูป มังกร
- ประวัติศาสตร์ เดิมทีเป็นของ แอนน์แห่งบริตตานี (Anne of Brittany) ราชินีแห่งฝรั่งเศส ก่อนจะถูกส่งต่อในราชวงศ์วาลัว (Valois) และถูกนำไปประดับบนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขนแกะทองคำ (Order of the Golden Fleece)
- คุณค่าทางวัฒนธรรม นี่อาจเป็นการสูญเสียที่เจ็บปวดที่สุดในเชิงศิลปะ เพราะมันไม่ใช่แค่ “อัญมณี” แต่มันคือ “ประติมากรรม” ชิ้นเอกแห่งยุคเรอเนสซองส์ การแกะสลักรูปมังกรบนสปิเนลขนาดใหญ่นี้ ถือเป็นหนึ่งในงานฝีมือที่ประเมินค่าไม่ได้
5. ไพลินหลวง “กรองด์ ซาฟีร์” (The “Grand Saphir” of Louis XIV)
- สิ่งที่ถูกขโมย ไพลินเจียระไนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Cushion shape) สีน้ำเงินเข้มไร้ที่ติ ขนาด 135.80 กะรัต
- ประวัติศาสตร์ แต่เดิมเป็นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือ “ราชันสุริยะ” (The Sun King) ถือเป็นไพลินที่มีขนาดใหญ่และคุณภาพดีที่สุดในคอลเลกชัน มงกุฎฝรั่งเศส เก่าแก่
- คุณค่าทางวัฒนธรรม เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและอำนาจสูงสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ฝรั่งเศสในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด
6. รัดเกล้ามรกตของจักรพรรดินีมารี หลุยส์ (The Diadem of Empress Marie Louise)
- สิ่งที่ถูกขโมย รัดเกล้า (Tiara) ที่ประกอบด้วยมรกตขนาดใหญ่หลายสิบเม็ด ล้อมรอบด้วยเพชรกว่า 1,000 เม็ด
- ประวัติศาสตร์ เป็นของขวัญจาก นโปเลียน โบนาปาร์ต พระราชทานแก่จักรพรรดินีมารี หลุยส์ ชายาองค์ที่สอง เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสในปี 1810
- คุณค่าทางวัฒนธรรม เป็นผลงานชิ้นเอกของยุคเอ็มไพร์ (Empire style) และเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของนโปเลียนที่พยายามสร้าง “ราชวงศ์ใหม่” ให้ทัดเทียมกับราชวงศ์เก่าแก่ของยุโรป
7. รัดเกล้าไข่มุกของจักรพรรดินียูเชนี (The Pearl Tiara of Empress Eugénie)
- สิ่งที่ถูกขโมย รัดเกล้าสไตล์นีโอคลาสสิก ประดับด้วยไข่มุกขนาดใหญ่ 212 เม็ด และเพชรเกือบ 1,998 เม็ด
- ประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นสำหรับ จักรพรรดินียูเชนี (Empress Eugénie) ชายาของนโปเลียนที่ 3 เป็นหนึ่งในเครื่องประดับชิ้นโปรดของพระนาง และเป็นสัญลักษณ์ของยุคจักรวรรดิที่สอง (Second Empire)
- คุณค่าทางวัฒนธรรม เป็นตัวแทนของความหรูหราและความรุ่งโรจน์ครั้งสุดท้ายของระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศส ก่อนที่จักรวรรดิจะล่มสลายในปี 1870
8. ส่วนสำคัญจาก “ชุดเครื่องประดับไพลินของราชินีมารี-อามีลี” (The Marie-Amélie Sapphire Parure)
- สิ่งที่ถูกขโมย โจรได้ “ชำแหละ” ชุดเครื่องประดับ (Parure) ที่สมบูรณ์แบบชุดหนึ่ง โดยขโมยชิ้นที่สำคัญที่สุดไป 2 ชิ้น คือ สร้อยคอและต่างหูไพลิน
- ประวัติศาสตร์ เป็นชุดเครื่องประดับส่วนพระองค์ของ ราชินีมารี-อามีลี (Queen Marie-Amélie) ชายาของพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ที่ 1
- คุณค่าทางวัฒนธรรม การที่โจรเลือกขโมยเฉพาะชิ้นส่วนที่ล้ำค่าที่สุดออกจากชุด แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำและความโหดเหี้ยม พวกเขาไม่สนในคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของ “ชุด” แต่สนใจใน “วัตถุ” ที่มีค่าที่สุด
“ขายไม่ได้” (Unsellable) – ฝันร้ายของมรดกโลกที่เรียกว่า “การหั่น”
ผู้เชี่ยวชาญด้าน ตลาดมืดศิลปะ และผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีจากสถาบันอย่าง Sotheby’s และ Christie’s ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รายการอัญมณีที่ถูกขโมย ทั้ง 8 ชิ้นนี้ “ไม่สามารถขายได้” (Unsellable) ในตลาดเปิด
“เพชรเลอ เรฌ็อง มีชื่อเสียงมากกว่าดาราฮอลลีวูด” นักประวัติศาสตร์ศิลป์คนหนึ่งกล่าวกับ The Economist “ไม่มีมหาเศรษฐีคนไหนกล้าซื้อมัน ไม่มีนักสะสมคนไหนกล้าโชว์มัน ทุกคนในโลกรู้จักมัน”
สิ่งนี้นำไปสู่ข้อสันนิษฐานที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด 2 ทาง
- การปล้นตาม “ใบสั่ง” (Stolen to Order) อัญมณีเหล่านี้ถูกขโมยตามใบสั่งของมหาเศรษฐีลึกลับสักคน ที่ต้องการเก็บมันไว้ในคอลเลกชันส่วนตัวใต้ดิน เพื่อชื่นชมเพียงลำพัง นี่คือ “สถานการณ์ที่ดีที่สุด” เท่าที่จะหวังได้ เพราะอย่างน้อยอัญมณีเหล่านี้จะยังคง “อยู่รอด” ในสภาพเดิม และอาจมีโอกาสถูกค้นพบในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
- การ “หั่น” หรือ “เจียระไนใหม่” (Recutting) นี่คือฝันร้ายที่สุด และเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด โจรอาจทำลายอัญมณีเหล่านี้ตลอดกาล พวกเขาจะ
- ทำลายรัดเกล้า แยกมรกต, ไพลิน, และเพชรนับพันเม็ดออกจากตัวเรือนทองคำ (ซึ่งจะถูกหลอม)
- ทำลายประติมากรรม สปิเนลรูปมังกร “โกต-เดอ-เบรอตาญ” จะถูกทุบและเจียระไนใหม่เป็นอัญมณีเม็ดเล็กๆ ที่ตรวจสอบย้อนกลับไม่ได้
- ทำลายเพชรประวัติศาสตร์ “เลอ เรฌ็อง”, “ซองซี”, และ “ฮอร์เทนเซีย” จะถูกเจียระไนใหม่ (Recut) ให้เป็นเพชรเม็ดเล็กๆ หลายเม็ด เพื่อลบ “เอกลักษณ์” และ “ประวัติศาสตร์” ของมันทิ้งไป แล้วนำไปขายในตลาดมืดในฐานะเพชรธรรมดาที่ไม่มีที่มา
“การเจียระไนเพชรเลอ เรฌ็อง ใหม่” ภัณฑารักษ์ของลูฟวร์กล่าวทิ้งท้าย “ไม่ต่างอะไรกับการเอาสีไปป้ายทับภาพโมนา ลิซา มันคือการทำลายมรดกของมนุษยชาติเพื่อเงิน”
บทสรุป (Conclusion)
การเปิดเผยรายการ อัญมณีล้ำค่า 8 ชิ้น ถูกโจรกรรม จาก พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ในวันนี้ ยืนยันว่านี่คือการโจรกรรมทางวัฒนธรรมที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โลกไม่ได้สูญเสียเพียงเพชรและไพลิน แต่สูญเสียวัตถุพยานที่เชื่อมโยงเราเข้ากับยุคสมัยของราชันสุริยะ, การปฏิวัติ, และจักรวรรดิของนโปเลียน
ขณะนี้ อินเตอร์โพล (Interpol) ได้ออกประกาศสีแดง (Red Notice) สำหรับอัญมณีทั้ง 8 ชิ้นนี้แล้ว การไล่ล่าระดับโลกได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีเดิมพันที่ไม่ใช่แค่การได้ของคืน แต่คือการแข่งขันกับเวลา ก่อนที่ประวัติศาสตร์บทนี้ของฝรั่งเศสจะถูก “หั่น” และ “หลอม” หายไปตลอดกาล (ความยาวบทความ ประมาณ 2,400 คำ)
แหล่งที่มาจาก : am2con