มายาคติที่พังทลาย ถอดรหัส “ความเสี่ยงแผ่นดินไหวในมาเลเซีย” บทเรียนราคาแพงที่ชาติอาจต้องจ่าย หากไม่ตื่นจากฝัน

ความเสี่ยงแผ่นดินไหวในมาเลเซีย

ความเสี่ยงแผ่นดินไหวในมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียกำลังตกอยู่ท่ามกลางความวิตกกังวลครั้งใหญ่ หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยามาเลเซีย (MetMalaysia) ได้ออกมายืนยันการค้นพบทางธรณีวิทยาครั้งสำคัญ ที่ชี้ว่าอย่างน้อย 6 รัฐทั่วประเทศมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวในระดับที่สูงกว่าที่เคยประเมินไว้มาก การประกาศที่น่าตกใจนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหวมาเลเซียล่าสุด เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก (Tremor Swarm) ต่อเนื่องหลายสิบครั้งใน รัฐยะโฮร์ ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นข้อมูลใหม่ทางวิทยาศาสตร์ แต่มันคือการทลาย “มายาคติแห่งความปลอดภัยทางธรณีวิทยา” ที่เป็นรากฐานความเชื่อของชาติมานานหลายทศวรรษ โศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกำลังบังคับให้มาเลเซียต้องตื่นจากความเชื่อเดิมๆ และเผชิญหน้ากับความจริงที่น่าอึดอัด นั่นคือความจำเป็นเร่งด่วนในการยกเครื่อง มาตรฐานอาคารต้านแผ่นดินไหว, การวางผังเมือง, และ การเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

Johor quakes a reminder that severe tremors can impact Malaysia, Singapore'  - Muslim Network TV

ความเสี่ยงแผ่นดินไหวในมาเลเซีย สัญญาณเตือนจากยะโฮร์ เมื่อแผ่นดินไหวขนาดเล็กปลุกชาติให้ตื่น

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ เมื่อประมาณสองเดือนก่อน ประชาชนในหลายพื้นที่ของรัฐยะโฮร์ โดยเฉพาะบริเวณใกล้เมืองกลวง (Kluang) เริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยแต่เกิดขึ้นบ่อยครั้งผิดปกติ ในตอนแรกหลายคนคิดว่าเป็นเพียงแรงสั่นสะเทือนจากโครงการก่อสร้างหรือเหมืองหิน แต่เมื่อความถี่เพิ่มมากขึ้น ความกังวลก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

MetMalaysia ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อติดตั้งเครื่องวัดความไหวสะเทือนเพิ่มเติม และผลที่ได้ก็น่าตกใจ

  • Tremor Swarm ทีมงานตรวจพบกลุ่มของแผ่นดินไหวขนาดเล็ก (Micro-earthquakes) มากกว่า 50 ครั้ง โดยมีขนาดตั้งแต่ 1.5 ถึง 3.1 ตามมาตราริกเตอร์
  • จุดศูนย์กลางตื้น แผ่นดินไหวเหล่านี้มีจุดศูนย์กลางที่ตื้นมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนบนพื้นผิวรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้แม้จะมีขนาดเล็ก
  • ไม่ใช่แรงสั่นสะเทือนจากระยะไกล ที่สำคัญที่สุดคือ รูปแบบของคลื่นแผ่นดินไหวบ่งชี้ว่ามันไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่ รอยเลื่อนสุมาตรา ในอินโดนีเซีย แต่มีต้นกำเนิดมาจากรอยเลื่อนที่อยู่ใต้พื้นดินของมาเลเซียเองโดยตรง

เหตุการณ์นี้กลายเป็น “ตัวกระตุ้น” ที่ทำให้นักธรณีวิทยาต้องกลับมาทบทวนข้อมูลรอยเลื่อนทั้งหมดของประเทศอีกครั้ง และนำไปสู่การค้นพบที่เปลี่ยนแปลงความเข้าใจทั้งหมด

มายาคติที่พังทลาย ทำไมมาเลเซียจึงมีความเสี่ยงแผ่นดินไหว?

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่มาเลเซียถูกสอนและเชื่อกันมาตลอดว่าประเทศของตน “ปลอดภัย” จากแผ่นดินไหว เนื่องจากตั้งอยู่นอกเขต วงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดมากที่สุดในโลก แต่ความจริงที่ซับซ้อนกว่านั้นได้ปรากฏขึ้น

  • ความเชื่อเดิม มาเลเซียตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกซุนดา (Sunda Plate) ซึ่งค่อนข้างมีเสถียรภาพ และอยู่ห่างจากรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกหลักๆ
  • ความจริงใหม่ การศึกษาล่าสุดยืนยันว่า แม้จะไม่ได้อยู่บนรอยต่อหลัก แต่ภายในแผ่นเปลือกโลกซุนดาเองก็มี รอยเลื่อนมีพลัง (Active Fault Lines) ขนาดเล็กจำนวนมากพาดผ่านอยู่ ซึ่งรอยเลื่อนเหล่านี้เคยถูกจัดว่าเป็น “รอยเลื่อนที่ตายแล้ว” (Inactive) แต่ข้อมูลใหม่จาก GPS และการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมบ่งชี้ว่ามันยังคงมีการเคลื่อนตัวและสะสมพลังงานอยู่
  • 6 รัฐที่อยู่ในโซนเสี่ยง รายงานของ MetMalaysia ระบุชื่อ 6 รัฐที่มีรอยเลื่อนมีพลังพาดผ่านและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ยะโฮร์, ปะหัง, เนอเกอรีเซิมบีลัน, สลังงอร์, เประ บนคาบสมุทรมลายู และที่สำคัญคือรัฐซาบาห์บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งมีประวัติการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมาก่อน

2 earthquakes jolt northeast - The Tribune

“ระเบิดเวลาใต้เมือง” เมื่อโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือ

การค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความกังวลอย่างใหญ่หลวงต่อความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ คำถามที่น่ากลัวที่สุดคือ อาคารในมาเลเซียทนต่อแผ่นดินไหวได้หรือไม่?

  • มาตรฐานที่ถูกมองข้าม เนื่องจากความเชื่อว่าประเทศมีความเสี่ยงต่ำ มาตรฐานอาคารต้านแผ่นดินไหว จึงไม่ได้เป็นข้อบังคับที่เข้มงวดในกฎหมายควบคุมอาคารของมาเลเซียมาเป็นเวลานาน (ยกเว้นในบางพื้นที่ของรัฐซาบาห์หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว) อาคารเก่าจำนวนมาก รวมไปถึงอาคารที่พักอาศัยทั่วไป ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับมือกับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเลย
  • ความเสี่ยงของเมืองหลวง กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ ตั้งอยู่ในรัฐสลังงอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่ถูกระบุว่ามีความเสี่ยง ตึกระฟ้าจำนวนมากรวมถึงตึกแฝดปิโตรนาส (Petronas Towers) อันเป็นสัญลักษณ์ของชาติ แม้จะถูกสร้างด้วยมาตรฐานวิศวกรรมระดับโลก แต่การสั่นไหวจากแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ใกล้ๆ อาจสร้างความเสียหายที่คาดไม่ถึงได้ และที่น่ากังวลกว่าคืออาคารขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนที่อาจไม่สามารถทนทานได้
  • โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ไม่ใช่แค่อาคารที่พักอาศัย แต่ยังรวมไปถึงโรงพยาบาล, โรงเรียน, เขื่อน และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งหากได้รับความเสียหายอาจนำไปสู่หายนะซ้ำซ้อนได้

บทเรียนราคาแพงจากซาบาห์ และการเตรียมพร้อมที่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

โศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ที่รัฐซาบาห์ในปี 2015 ซึ่งคร่าชีวิตนักปีนเขาและไกด์บนยอดเขาคินาบาลูไป 18 ราย ควรจะเป็น “เสียงปลุก” ครั้งสำคัญสำหรับมาเลเซีย แต่ในเวลานั้น หลายฝ่ายยังคงมองว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะพื้นที่ที่เกิดขึ้นได้ยาก

แต่วันนี้ การค้นพบรอยเลื่อนมีพลังในอีก 5 รัฐบนคาบสมุทร ทำให้บทเรียนจากซาบาห์ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งในฐานะ “คำเตือนล่วงหน้า” ที่ถูกเพิกเฉย

สถานะ การเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ ด้านแผ่นดินไหวของมาเลเซียยังอยู่ในระดับเริ่มต้น และนี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน

  1. ปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาคาร บังคับใช้มาตรฐานอาคารต้านแผ่นดินไหว (เช่น Eurocode 8) สำหรับการก่อสร้างใหม่ทุกประเภทในพื้นที่เสี่ยงโดยไม่มีข้อยกเว้น
  2. การประเมินและเสริมความแข็งแรง จัดทำแผนประเมินความเสี่ยงของอาคารเก่าที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล, โรงเรียน, และอาคารราชการ และจัดสรรงบประมาณเพื่อเสริมความแข็งแรง (Retrofitting)
  3. การให้ความรู้แก่ประชาชน ประชาชนควรเตรียมตัวอย่างไรสำหรับแผ่นดินไหว? ต้องมีการจัดทำแคมเปญให้ความรู้ทั่วประเทศ เกี่ยวกับหลักปฏิบัติ “Drop, Cover, and Hold On” (หมอบ, ป้อง, ยึด) และการเตรียมชุดอุปกรณ์ยังชีพฉุกเฉิน
  4. การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน พัฒนาและฝึกซ้อมแผนรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวในระดับชาติและระดับท้องถิ่น

Earthquake recorded in parts of Kutch district of Gujarat - India News |  The Financial Express

บทสรุป ตื่นจากฝันอันเงียบสงบ เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่สั่นสะเทือน

ความเสี่ยงแผ่นดินไหวในมาเลเซีย มายาคติเรื่อง “แผ่นดินที่ปลอดภัย” ของมาเลเซียได้พังทลายลงแล้ว การสั่นสะเทือนเล็กๆ ที่รัฐยะโฮร์ได้ปลุกให้ทั้งชาติต้องตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ธรรมชาติไม่เคยให้การรับประกันใดๆ และความเสี่ยงสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามองค์ความรู้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์

ความท้าทายเบื้องหน้าของมาเลเซียนั้นยิ่งใหญ่และต้องใช้งบประมาณมหาศาล มันคือการแข่งขันกับเวลาเพื่อเปลี่ยนประเทศที่ “ไม่พร้อม” ให้กลายเป็นประเทศที่ “พร้อมรับมือ” กับภัยคุกคามที่มองไม่เห็นซึ่งซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน การตัดสินใจและการกระทำของรัฐบาลและสังคมมาเลเซียในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาจะสามารถเรียนรู้จากคำเตือนครั้งนี้ได้ทันท่วงที หรือจะต้องรอให้โศกนาฏกรรมที่แท้จริงเกิดขึ้นก่อนจึงจะเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง

 

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *