ไม่ใช่แค่สวนสนาม แต่คือสารถึงโลก ถอดรหัส “วันกองทัพอินโดนีเซีย” กับการประกาศศักดาในสมรภูมิอินโด-แปซิฟิก

วันกองทัพอินโดนีเซีย

ท้องฟ้าเหนือกรุงจาการ์ตาคำรามกึกก้องด้วยเสียงเครื่องบินรบรุ่นใหม่ล่าสุด ขณะที่ขบวนยานเกราะและยุทโธปกรณ์อันทันสมัยเคลื่อนขบวนไปตามท้องถนนอย่างยิ่งใหญ่ในพิธีสวนสนามฉลองวาระครบรอบ 80 ปี วันกองทัพอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ภาพความยิ่งใหญ่ที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกนี้ เป็นมากกว่าเพียงการเฉลิมฉลองทางประวัติศาสตร์ มันคือเวทีแสดงแสนยานุภาพและการประกาศจุดยืนทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของจาการ์ตา ท่ามกลางสมรภูมิ ภูมิรัฐศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่กำลังร้อนระอุ การสวนสนามภายใต้การนำของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ผู้มีภูมิหลังทางการทหารอย่างโชกโชน คือสัญลักษณ์ของการเร่งเครื่อง การปรับปรุงกองทัพอินโดนีเซีย ครั้งใหญ่ และเป็นสารที่อินโดนีเซียส่งตรงถึงมหาอำนาจและประเทศเพื่อนบ้านว่า พวกเขาพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยและก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักในภูมิภาคอย่างเต็มตัว

Indonesian National Military Celebrates 80th Anniversary at Monas - News  En.tempo.co

แสนยานุภาพบนท้องถนนและฟากฟ้าจาการ์ตา

พิธีสวนสนามในปีนี้ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เป็นการแสดงศักยภาพของ กองทัพแห่งชาติอินโดนีเซีย (Tentara Nasional Indonesia – TNI) ในทุกมิติ โดยมีการนำยุทโธปกรณ์ที่เพิ่งจัดหาเข้ามาประจำการใหม่ล่าสุดออกแสดงเป็นครั้งแรก สร้างความตื่นตาตื่นใจและส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความคืบหน้าของโครงการพัฒนากองทัพ

ยุทโธปกรณ์ไฮไลท์ที่ถูกนำมาจัดแสดงประกอบด้วย

  • กองทัพอากาศ การบินโชว์ของฝูงบินรบ Rafale จากฝรั่งเศส, เครื่องบินขนส่งทางยุทธวิธี Airbus A400M และโดรนจู่โจมไร้คนขับ (UCAV) รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผลิตในตุรกี
  • กองทัพบก ขบวนรถถังหลัก Harimau รุ่นใหม่ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาร่วมกับตุรกี, ระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) และยานเกราะลำเลียงพลที่ผลิตในประเทศ
  • กองทัพเรือ การสวนสนามทางเรือบริเวณอ่าวจาการ์ตา นำโดยเรือฟริเกตชั้น Martadinata และเรือดำน้ำชั้น Nagapasa ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องเส้นทางเดินเรือที่กว้างใหญ่ไพศาลของประเทศ

ประธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) ซึ่งเป็นอดีตนายพลระดับสูงและปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่หนักแน่นและปลุกเร้าจิตใจ โดยย้ำถึงหลักการ “Dwifungsi” หรือ “สองบทบาท” ของกองทัพในยุคใหม่ ที่ไม่เพียงแต่ปกป้องอธิปไตยของชาติจากภัยคุกคามภายนอก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชาติและรักษาเสถียรภาพภายในประเทศ

“กองทัพ TNI ที่แข็งแกร่งคือหลักประกันแห่งอธิปไตยของอินโดนีเซีย เราจะไม่ยอมให้ใครแม้แต่นิ้วเดียวมารุกล้ำดินแดนของเรา” ประธานาธิบดีปราโบโวกล่าว “เราเคารพทุกชาติ แต่เราจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติเราอย่างถึงที่สุด การปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยไม่ใช่การยั่วยุ แต่คือการป้องกันตัวโดยชอบธรรม”

จากกองโจรสู่กองทัพสมัยใหม่ วิวัฒนาการ 80 ปีที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

วันกองทัพอินโดนีเซียมีความสำคัญอย่างไร? วันที่ 5 ตุลาคม คือวันที่รำลึกถึงการก่อตั้งกองกำลังความมั่นคงของประชาชน (People’s Security Army) ในปี 1945 ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจากเจ้าอาณานิคมดัตช์ พัฒนาจากกองกำลังแบบกองโจรจนกลายเป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตลอด 80 ปีที่ผ่านมา TNI ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน มีบทบาทอย่างสูงในการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะในยุคระเบียบใหม่ของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต ก่อนที่จะปฏิรูปตัวเองสู่การเป็นกองทัพอาชีพที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลพลเรือนหลังปี 1998 ปัจจุบัน TNI กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่ง คือการเปลี่ยนจากกองทัพที่เน้นการปราบปรามภัยคุกคามภายใน ไปสู่กองทัพที่มุ่งเน้นการรับมือกับภัยคุกคามจากภายนอก ซึ่งเป็นหัวใจของโครงการ Minimum Essential Force (MEF)

Rehearsal for military parade held to celebrate 80th anniversary of  Indonesian National Armed Forces-Xinhua

“Minimum Essential Force (MEF)” เบื้องหลังการยกเครื่องกองทัพครั้งประวัติศาสตร์

โครงการ MEF คือแผนแม่บทระยะยาว (2010-2024 และกำลังจะเข้าสู่ระยะต่อไป) ในการยกเครื่องกองทัพอินโดนีเซียให้มีความทันสมัยและมีศักยภาพที่จำเป็นขั้นต่ำในการป้องกันประเทศได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญคือสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

  • แรงผลักดันหลัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงผลักดันที่ใหญ่ที่สุดคือความกังวลต่อการแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นของจีนใน ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะนาทูนา (Natuna Islands) ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของอินโดนีเซีย และมักมีการเผชิญหน้าระหว่างเรือประมงและเรือยามฝั่งของทั้งสองประเทศอยู่บ่อยครั้ง
  • เป้าหมายของ MEF ไม่ใช่การสร้างกองทัพให้ใหญ่โตเพื่อไปรุกรานใคร แต่เพื่อสร้าง “ศักยภาพในการป้องปราม” (Deterrence Capability) ที่น่าเชื่อถือพอที่จะทำให้ผู้รุกรานต้อง “คิดทบทวนอย่างหนัก” ก่อนที่จะใช้กำลังทหารกับอินโดนีเซีย
  • การกระจายความเสี่ยง ยุทโธปกรณ์ที่จัดแสดงในพิธีสวนสนามสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการต่างประเทศแบบ “อิสระและกระตือรือร้น” (Free and Active) ของอินโดนีเซียอย่างชัดเจน โดยมีการจัดซื้ออาวุธจากหลากหลายแหล่ง ทั้งฝรั่งเศส (Rafale), อิตาลี (เรือฟริเกต PPA), เกาหลีใต้ (เรือดำน้ำ), ตุรกี (โดรนและรถถัง) และสหรัฐอเมริกา เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาชาติใดชาติหนึ่งมากเกินไป

การทูตด้วยเรือปืน บทบาทใหม่ของอินโดนีเซียท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจ

พิธีสวนสนามครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการแสดงอาวุธ แต่มันคือเครื่องมือทางการทูตและการส่งสารเชิงยุทธศาสตร์ที่ทรงพลัง

  • สารถึงปักกิ่ง เป็นการส่งสัญญาณเตือนอย่างสุภาพแต่หนักแน่นว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพและเจตจำนงที่จะปกป้องเขตแดนทางทะเลของตนเองในทะเลจีนใต้
  • สารถึงวอชิงตันและตะวันตก เป็นการแสดงให้เห็นว่าอินโดนีเซียคือพันธมิตรที่มีศักยภาพและเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงในภูมิภาค แต่ในขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าจะไม่เลือกข้างอย่างเต็มตัวในการแข่งขันระหว่าง สหรัฐอเมริกา-จีน
  • สารถึง อาเซียน เป็นการตอกย้ำบทบาทของอินโดนีเซียในฐานะ “พี่ใหญ่” ของอาเซียน ที่มีกองทัพที่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นหลักประกันเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับทั้งภูมิภาคได้

“อินโดนีเซียกำลังเล่นเกมที่สมดุลอย่างชาญฉลาด” คอลลิน โก๊ะ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบัน S. Rajaratnam School of International Studies ให้ความเห็น “พวกเขาใช้การปรับปรุงกองทัพเพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับทุกฝ่าย ทำให้พวกเขามีที่ยืนที่มั่นคงและเป็นอิสระในสนามแข่งขันของมหาอำนาจ”

Prabowo Leads the 80th Anniversary Ceremony of the Indonesian National Armed  Forces - News En.tempo.co

บทสรุป ก้าวต่อไปของยักษ์ใหญ่แห่งอาเซียนที่กำลังตื่นขึ้น

การเฉลิมฉลอง วันกองทัพอินโดนีเซีย ครบรอบ 80 ปี ได้ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ แต่ภารกิจของ TNI และรัฐบาลอินโดนีเซียเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น พิธีสวนสนามได้แสดงให้โลกเห็นถึง “ฮาร์ดแวร์” ที่น่าเกรงขาม แต่ความท้าทายที่แท้จริงนับจากนี้คือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์” ซึ่งหมายถึงการฝึกฝนกำลังพล, การบูรณาการระบบที่แตกต่างหลากหลายเข้าด้วยกัน, และการบริหารจัดการงบประมาณมหาศาลอย่างโปร่งใส

ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่กองทัพที่ทันสมัย จะเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของอินโดนีเซีย ว่าจะสามารถแปลศักยภาพทางทหารนี้ไปสู่การเป็นผู้เล่นหลักที่มีเสถียรภาพและสร้างสรรค์ในเวที ภูมิรัฐศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ได้สำเร็จหรือไม่ ท่ามกลางคลื่นลมที่ยังคงปั่นป่วนรุนแรงต่อไป

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *