รางวัลอิกโนเบล 2025 วงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างจับจ้องไปยังพิธีมอบรางวัลอิกโนเบล ประจำปี 2025 (Ig Nobel Prize 2025) อีกครั้ง ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติงานวิจัยที่ “ทำให้ผู้คนหัวเราะก่อน แล้วจึงกระตุ้นให้ฉุกคิด” โดยในปีนี้ รางวัลใหญ่ตกเป็นของทีมนักวิจัยญี่ปุ่นผู้ค้นพบว่าการทาลายขาว-ดำคล้ายม้าลายบนตัววัวสามารถลดการถูกแมลงกัดต่อยได้อย่างมีนัยสำคัญ และทีมนักชีววิทยาชาวอเมริกันที่ศึกษาพฤติกรรมการกินพิซซ่าของกิ้งก่าในเมือง ผลงานเหล่านี้แม้จะฟังดูพิลึกพิลั่น แต่กลับซ่อนไว้ซึ่งคำถามทางวิทยาศาสตร์ที่ลึกซึ้งและกระบวนการทดลองที่น่าทึ่ง ตอกย้ำปรัชญาของรางวัลที่ว่าความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ คือบันไดขั้นแรกสู่การค้นพบครั้งสำคัญ
พิธีมอบรางวัลครั้งที่ 35 ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสารวิทยาศาสตร์ขำขัน “Annals of Improbable Research” ได้กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ ณ Sanders Theatre ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีกครั้ง หลังจากต้องปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบออนไลน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานยังคงเต็มไปด้วยสีสันและประเพณีสุดเพี้ยนอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการปาเครื่องบินกระดาษขึ้นสู่เวที, การแสดงมินิโอเปร่า และการมอบรางวัลโดยผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลตัวจริง
Marc Abrahams บรรณาธิการนิตยสารและผู้ก่อตั้งรางวัลอิกโนเบล กล่าวเปิดงานว่า “เราไม่ได้มอบรางวัลเหล่านี้เพื่อล้อเลียนวิทยาศาสตร์ แต่เรามอบมันเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่าง เราเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงคือการตั้งคำถามในทุกสรรพสิ่ง แม้แต่เรื่องที่คนอื่นมองว่าไร้สาระ”
งานวิจัยที่คว้ารางวัลในปีนี้มีความหลากหลายครอบคลุม 10 สาขา ตั้งแต่ชีววิทยา จิตวิทยา ไปจนถึงฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ แต่ทุกชิ้นมีจุดร่วมเดียวกันคือการจุดประกายความสงสัยและรอยยิ้มให้กับทุกคน บทวิเคราะห์นี้จะพาไปเจาะลึกเบื้องหลังงานวิจัยเด่นๆ ที่คว้ารางวัลในปีนี้ พร้อมสำรวจความสำคัญของ “วิทยาศาสตร์ขำขัน” ในฐานะเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังในการทำให้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องสนุกและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
รางวัลอิกโนเบล 2025 อิกโนเบลคืออะไร? ทำความรู้จักรางวัลที่ “ตรงข้าม” กับโนเบล
ก่อนจะไปสำรวจงานวิจัยสุดพิสดารประจำปีนี้ การทำความเข้าใจปรัชญาเบื้องหลังรางวัลอิกโนเบลคือสิ่งสำคัญ รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 โดย Marc Abrahams โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชู “ความสำเร็จที่ไม่อาจ หรือไม่ควรทำซ้ำได้” (achievements that cannot, or should not, be reproduced) ชื่อ “Ig Nobel” เป็นการเล่นคำกับคำว่า “Ignoble” (ซึ่งแปลว่า ต่ำต้อย, ไม่สูงส่ง) และชื่อรางวัลโนเบลอันทรงเกียรติ
ปรัชญา “หัวเราะก่อน แล้วค่อยคิด” (First Laugh, Then Think)
หัวใจสำคัญของอิกโนเบลไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่เป็นการใช้ “อารมณ์ขัน” เป็นประตูบานแรกเพื่อนำสาธารณชนเข้าสู่โลกแห่งการวิจัยที่ซับซ้อน งานวิจัยที่ได้รับรางวัลแม้จะฟังดูตลกขบขัน แต่ทั้งหมดเป็นงานวิจัยจริงที่ผ่านการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ (Peer-Reviewed Journals) มาแล้วทั้งสิ้น
ประเพณีสุดเพี้ยนในพิธีมอบรางวัล
พิธีมอบรางวัลอิกโนเบลมีชื่อเสียงด้านความแปลกประหลาดไม่แพ้งานวิจัยที่ได้รับรางวัล
- ผู้มอบรางวัลคือโนเบลตัวจริง ผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลในสาขาต่างๆ จะถูกเชิญมาเป็นผู้มอบรางวัลอิกโนเบล สร้างภาพที่น่าสนใจระหว่างสุดยอดรางวัลทางปัญญากับรางวัลที่เฉลิมฉลองความแปลก
- การปาเครื่องบินกระดาษ ถือเป็นประเพณีเปิดงานที่ผู้ชมในห้องประชุมจะพร้อมใจกันปาเครื่องบินกระดาษขึ้นไปบนเวที
- สุนทรพจน์ 60 วินาที ผู้ชนะแต่ละคนจะมีเวลาพูดสุนทรพจน์เพียง 60 วินาที หากเกินเวลา จะมีเด็กหญิงวัย 8 ขวบที่ชื่อว่า “Miss Sweetie Poo” เดินขึ้นมาบนเวทีและพูดซ้ำๆ ว่า “Please stop, I’m bored.” (โปรดหยุดเถอะ หนูเบื่อแล้ว) จนกว่าผู้พูดจะลงจากเวที
- รางวัลที่ไร้มูลค่า (แต่ประเมินค่าไม่ได้) ผู้ชนะจะได้รับใบประกาศนียบัตรที่ลงนามโดยผู้ชนะรางวัลโนเบล 3 ท่าน และ “เงินรางวัล” เป็นธนบัตรสิบล้านล้านดอลลาร์ซิมบับเว (ซึ่งแทบจะไม่มีมูลค่าแล้วในปัจจุบัน)
ทั้งหมดนี้คือกลไกที่ทำให้อิกโนเบลกลายเป็นงานเฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์ที่หลุดกรอบและเป็นเวทีที่นักวิทยาศาสตร์สามารถปลดปล่อยความเป็นเด็กในตัวออกมาได้อย่างเต็มที่
ดาวเด่นแห่งปี 2025 เจาะลึกงานวิจัยวัวลายม้าลายและกิ้งก่ากินพิซซ่า
ในปีนี้มีงานวิจัย 2 ชิ้นที่โดดเด่นและกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปรัชญาของอิกโนเบลได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สาขาชีววิทยา (Biology Prize) วัวลายม้าลายพิฆาตแมลงวัน
- ผู้ชนะ ทีมนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเกษตรกรรมในประเทศญี่ปุ่น
- ชื่องานวิจัย (แปล) “ผลกระทบของการทาสีลายขาว-ดำบนวัวต่อการโจมตีของแมลงวันกัด”
- คำถามวิจัย เป็นที่ทราบกันดีว่าม้าลายในแอฟริกามีวิวัฒนาการลายของมันเพื่อป้องกันการรบกวนจากแมลงวันซЦеце (Tsetse fly) ทีมนักวิจัยจึงเกิดคำถามง่ายๆ ว่า “ถ้าเราทาสีวัวให้เป็นลายม้าลาย มันจะได้ผลเหมือนกันหรือไม่?”
- กระบวนการทดลอง
- นักวิจัยแบ่งวัวออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มควบคุม (ไม่ทาสี), กลุ่มทาสีดำล้วน และกลุ่มทาสีลายขาว-ดำแบบม้าลาย
- พวกเขาใช้กล้องวิดีโอความละเอียดสูงบันทึกพฤติกรรมของวัวและจำนวนครั้งที่แมลงวันลงเกาะบนตัววัว
- นอกจากนี้ยังนับจำนวนครั้งที่วัวแสดงพฤติกรรมต่อต้านแมลง เช่น การสะบัดหาง การส่ายหัว หรือการกระทืบเท้า ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเครียด
- ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ผลการทดลองพบว่า วัวที่ถูกทาสีเป็นลายม้าลายมีจำนวนแมลงวันลงเกาะน้อยกว่ากลุ่มควบคุมถึง 50% และยังแสดงพฤติกรรมต่อต้านแมลงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ข้อสรุป (ที่ทำให้คิด) งานวิจัยนี้ไม่ได้ตลกอย่างที่คิด แต่มันนำเสนอแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปราศจากสารเคมีในการปกป้องปศุสัตว์จากแมลงรบกวน ซึ่งอาจช่วยลดการใช้ยาฆ่าแมลง เพิ่มผลผลิตน้ำนม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของสัตว์ในฟาร์มได้จริง
สาขาโภชนาการ (Nutrition Prize) เมื่อกิ้งก่าอันโธลลิ้มรสพิซซ่า
- ผู้ชนะ ทีมนักชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการจากมหาวิทยาลัยในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
- ชื่องานวิจัย (แปล) “การเปลี่ยนแปลงทางสัณฐานวิทยาและพฤติกรรมการหาอาหารของกิ้งก่าสายพันธุ์ Anolis sagrei ในสภาพแวดล้อมเมือง”
- คำถามวิจัย สัตว์ในธรรมชาติปรับตัวอย่างไรเมื่อต้องอาศัยอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยอาหารของมนุษย์? พวกมันจะเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและสรีระของมันหรือไม่?
- กระบวนการทดลอง
- นักวิจัยสังเกตพฤติกรรมของกิ้งก่าอันโธล (Anole Lizard) ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ป่าธรรมชาติไปจนถึงสวนสาธารณะและลานหลังร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
- พวกเขาทำการวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ในกระเพาะของกิ้งก่าเพื่อเปรียบเทียบอาหาร
- ที่น่าสนใจคือ พวกเขาได้ทำการ “ทดลองภาคสนาม” โดยวางเศษพิซซ่าไว้และใช้กล้องบันทึกภาพเพื่อดูว่ากิ้งก่าจะเข้ามากินหรือไม่ และกินอย่างไร
- ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง กิ้งก่าที่อาศัยในเขตเมืองไม่เพียงแต่กินเศษอาหารของมนุษย์อย่างพิซซ่าหรือขนมปังเท่านั้น แต่พวกมันยังมีวิวัฒนาการที่น่าสนใจคือ มีหัวที่กว้างและมีแรงกัดที่แข็งแรงกว่า กิ้งก่าในป่าธรรมชาติ เพื่อให้สามารถจัดการกับอาหารที่มีขนาดใหญ่และเหนียวกว่าแมลงที่เป็นอาหารดั้งเดิมได้
- ข้อสรุป (ที่ทำให้คิด) งานวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับ “วิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว” (Rapid Evolution) ของสัตว์เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่เกิดจากมนุษย์ มันแสดงให้เห็นว่าการขยายตัวของเมืองส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าในระดับพันธุกรรมและสรีรวิทยา ไม่ใช่แค่พฤติกรรมเพียงอย่างเดียว
เหล่างานวิจัยสุดป่วนอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลอิกโนเบล 2025
นอกเหนือจากสองงานวิจัยดาวเด่น ยังมีผลงานที่น่าสนใจอีกมากมายที่ได้รับรางวัลในปีนี้
- สาขาฟิสิกส์ (Physics Prize) มอบให้แก่นักวิจัยที่ศึกษาพลศาสตร์ของของไหล (Fluid Dynamics) ของ “ฉี่เพนกวิน” โดยคำนวณแรงดันที่เพนกวินต้องใช้ในการพ่นอุจจาระออกจากรังเพื่อรักษาความสะอาด ซึ่งผลการคำนวณนี้มีความสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อต่อการออกแบบระบบท่อส่งของเหลวที่มีความหนืดสูง
- สาขาการแพทย์ (Medicine Prize) ตกเป็นของทีมแพทย์ที่พิสูจน์ว่า “การนั่งรถไฟเหาะตีลังกา” สามารถช่วยเร่งให้ก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหลุดออกมาได้ โดยทำการทดลองด้วยการสร้างไตจำลอง 3 มิติ บรรจุปัสสาวะและก้อนนิ่วจริง แล้วนำขึ้นไปเล่นรถไฟเหาะกว่า 20 รอบ
- สาขาเศรษฐศาสตร์ (Economics Prize) มอบให้แก่นักวิจัยที่วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง “ความอ้วนของนักการเมือง” กับ “ระดับการคอร์รัปชันของประเทศนั้นๆ” ซึ่งพบว่าในประเทศที่มีแนวโน้มการคอร์รัปชันสูง ดัชนีมวลกาย (BMI) เฉลี่ยของนักการเมืองมักจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั่วไป
- สาขาสันติภาพ (Peace Prize) มอบให้แก่การศึกษาที่ยืนยันข่าวลือในที่ทำงาน โดยพบว่า “การนินทา” อย่างสร้างสรรค์ (Gossip) สามารถช่วยสร้างความผูกพันในทีมและเสริมสร้างความร่วมมือได้ หากใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งปันข้อมูลทางสังคมและเตือนภัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ
บทสรุป วิทยาศาสตร์ขำขัน กับบทบาทที่จริงจังเกินกว่าที่คิด
ในโลกที่วิทยาศาสตร์มักถูกมองว่าเป็นเรื่องเคร่งขรึมและซับซ้อน รางวัลอิกโนเบล 2025 ได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังว่า การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายครั้งในประวัติศาสตร์ล้วนเริ่มต้นมาจากคำถามที่ดูเรียบง่ายหรือกระทั่ง “เพี้ยน” ในสายตาคนยุคเดียวกัน
งานวิจัยเกี่ยวกับวัวลายม้าลาย กิ้งก่ากินพิซซ่า หรือฉี่เพนกวิน ไม่ใช่แค่เรื่องตลกที่เรียกเสียงหัวเราะ แต่เป็นตัวอย่างชั้นดีของการใช้ “ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์” (Scientific Method) เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ พวกมันแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์คือกระบวนการของการตั้งสมมติฐาน ทดลอง เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ผล ไม่ว่าหัวข้อจะดูแปลกประหลาดเพียงใดก็ตาม
ท้ายที่สุดแล้ว รางวัลอิกโนเบลไม่ได้เป็นเพียงแค่การล้อเลียนรางวัลโนเบล แต่เป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ในขณะที่รางวัลโนเบลเชิดชูความสำเร็จที่เปลี่ยนแปลงโลก อิกโนเบลก็เฉลิมฉลองความสงสัยใคร่รู้ที่ทำให้การเดินทางของวิทยาศาสตร์นั้นน่าตื่นเต้น มีสีสัน และมีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุด มันได้เปิดประตูให้คนนับล้านทั่วโลกได้หัวเราะ และหลังจากนั้น…ก็ได้เริ่มคิดตาม
แหล่งที่มาจาก : am2con