หญิงข้ามเพศถูกฆ่าในปากีสถาน เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้นอีกครั้งในประเทศปากีสถาน เมื่อมีผู้พบศพหญิงข้ามเพศ 3 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลายนัดและนำร่างมาทิ้งไว้ข้างถนนในเขตชานเมืองเปชวาร์ (Peshawar) เมืองเอกของจังหวัดไคเบอร์ปัคตูนควา เหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ได้จุดประกายความโกรธแค้นและความหวาดกลัวในหมู่ชุมชนคนข้ามเพศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “คาวาจา ซีรา” (Khawaja sira) ทั่วประเทศ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงคดีอาชญากรรมธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนอันเจ็บปวดของ วิกฤตด้านมนุษยธรรมและวัฒนธรรมแห่งการลอยนวลพ้นผิด (Impunity) ที่ฝังรากลึกในสังคมปากีสถาน มันได้เปิดโปงความจริงที่น่าอึดอัดว่า แม้ประเทศจะมีกฎหมายที่ก้าวหน้าที่สุดฉบับหนึ่งในโลกในการรับรองสิทธิของคนข้ามเพศ แต่ในความเป็นจริง ชุมชนนี้ยังคงต้องเผชิญกับความรุนแรง, การเลือกปฏิบัติ, และอาชญากรรมจากความเกลียดชัง (Hate Crime) อย่างต่อเนื่องและแทบไม่ได้รับการปกป้องจากรัฐ
หญิงข้ามเพศถูกฆ่าในปากีสถาน การค้นพบอันน่าสยดสยองและปฏิกิริยาเริ่มต้น
ในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเปชวาร์ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบร่างผู้เสียชีวิต 3 รายในสภาพถูกทิ้งอย่างน่าอนาถบริเวณพื้นที่รกร้างข้างทางหลวงสายหนึ่งที่มุ่งหน้าออกจากเมือง
- สภาพศพ ผู้เสียชีวิตทั้งสามรายซึ่งได้รับการยืนยันในเวลาต่อมาว่าเป็นหญิงข้ามเพศที่เป็นที่รู้จักในชุมชน มีบาดแผลจากการถูกยิงด้วยอาวุธปืนระยะใกล้หลายแห่ง และมีร่องรอยการทารุณกรรมทางร่างกาย ตำรวจเชื่อว่าเหยื่อถูกสังหารจากที่อื่นก่อนจะถูกนำศพมาทิ้งเพื่ออำพรางคดี
- การระบุตัวตน เพื่อนๆ และนักเคลื่อนไหวในชุมชนได้เข้ามาระบุตัวตนผู้เสียชีวิตทั้งน้ำตา พร้อมให้ข้อมูลว่าเหยื่อทั้งสามเป็นนักแสดงและนักเต้นรำที่หาเลี้ยงชีพด้วยการแสดงตามงานแต่งงานและงานเฉลิมฉลองต่างๆ ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวคาวาจา ซีรา
- ความโกรธแค้นของชุมชน ข่าวการฆาตกรรมแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนข้ามเพศได้ออกมารวมตัวกันหน้าสถานีตำรวจท้องถิ่น เรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างจริงจังและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งประณามความล้มเหลวของตำรวจในการให้ความคุ้มครองแก่ชุมชนของพวกเขา
ความย้อนแย้งที่เจ็บปวด กฎหมายก้าวหน้ากับความเป็นจริงที่โหดร้าย
โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความย้อนแย้งที่น่าเศร้าของสถานการณ์สิทธิคนข้ามเพศในปากีสถาน
กฎหมายคุ้มครองสิทธิบุคคลข้ามเพศ ปี 2018
ในปี 2561 ปากีสถานได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการผ่าน “กฎหมายว่าด้วยบุคคลข้ามเพศ (การคุ้มครองสิทธิ)” (Transgender Persons (Protection of Rights) Act, 2018) ซึ่งได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในกฎหมายที่ก้าวหน้าที่สุดฉบับหนึ่ง กฎหมายฉบับนี้ให้สิทธิสำคัญหลายประการ
- การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ อนุญาตให้บุคคลสามารถระบุเพศของตนเองได้ตามความสมัครใจในเอกสารราชการทุกชนิด รวมถึงบัตรประชาชน, หนังสือเดินทาง, และใบขับขี่ โดยไม่ต้องผ่านการประเมินทางการแพทย์
- การห้ามเลือกปฏิบัติ ระบุว่าการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบต่อบุคคลข้ามเพศ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการศึกษา, การจ้างงาน, การเข้าถึงบริการสุขภาพ, หรือการเช่าที่พักอาศัย ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
- การคุ้มครองจากความรุนแรง รัฐมีหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองบุคคลข้ามเพศจากการถูกคุกคามและความรุนแรง
วัฒนธรรมแห่งการไม่ต้องรับโทษ และความรุนแรงที่ฝังราก
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎหมายที่เข้มแข็ง แต่ในทางปฏิบัติกลับแทบไม่มีการบังคับใช้ ตำรวจมักเพิกเฉยต่อคำร้องเรียนของคนข้ามเพศ และกระบวนการยุติธรรมก็เต็มไปด้วยอคติ ทำให้ผู้กระทำผิดในคดีความรุนแรงต่อคนข้ามเพศส่วนใหญ่ไม่เคยถูกนำตัวมาลงโทษ
- จังหวัดไคเบอร์ปัคตูนควา ศูนย์กลางแห่งความรุนแรง เมืองเปชวาร์และจังหวัดโดยรอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแนวคิดทางสังคมแบบอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว ได้กลายเป็น “จุดอันตราย” ที่สุดสำหรับคนข้ามเพศในปากีสถาน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรายงานการฆาตกรรม, การข่มขืน, และการทำร้ายร่างกายคนข้ามเพศในภูมิภาคนี้หลายร้อยคดี
- อาชญากรรมจากความเกลียดชัง การโจมตีมักมีแรงจูงใจมาจากอคติและความเกลียดชังที่ฝังลึกในสังคม ซึ่งมองว่าคนข้ามเพศเป็น “คนบาป” หรือ “ผิดธรรมชาติ”
ชาห์ซาดี, นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนข้ามเพศในเมืองเปชวาร์ กล่าวกับสำนักข่าว Dawn ของปากีสถานว่า “กฎหมายในกระดาษไม่ได้ช่วยปกป้องเราจากกระสุนปืนบนท้องถนน ตำรวจมองเราเป็นพลเมืองชั้นสอง พวกเขาหัวเราะเยาะเมื่อเราไปแจ้งความ และบางครั้งก็กล่าวหาว่าเราเป็นฝ่ายยั่วยุเสียเอง เราถูกฆ่าอย่างไร้ค่า และไม่มีใครต้องรับผิดชอบ”
รากเหง้าของอคติ จาก ‘เพศที่สาม’ ที่ได้รับการยอมรับสู่วาทกรรมแห่งความเกลียดชัง
ชุมชน “คาวาจา ซีรา” มีประวัติศาสตร์ยาวนานและซับซ้อนในอนุทวีปอินเดีย ในอดีตสมัยจักรวรรดิโมกุล พวกเขาเคยได้รับการยอมรับในฐานะ “เพศที่สาม” และมีบทบาทสำคัญในราชสำนักในฐานะผู้ให้ความบันเทิงและที่ปรึกษา แต่สถานะทางสังคมของพวกเขากลับตกต่ำลงอย่างมากในยุคอาณานิคมของอังกฤษ และถูกตีตราว่าเป็น “อาชญากร”
ในยุคปัจจุบัน แม้จะมีการยอมรับทางกฎหมายมากขึ้น แต่การผงาดขึ้นของกลุ่มศาสนาแนวคิดสุดโต่งได้โหมกระพือวาทกรรมแห่งความเกลียดชังขึ้นมาใหม่
- การต่อต้านกฎหมายปี 2018 กลุ่มการเมืองและศาสนาฝ่ายขวาได้พยายามล็อบบี้ให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายคุ้มครองสิทธิฯ โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าว “ขัดต่อหลักการอิสลาม” และ “ส่งเสริมการรักร่วมเพศ”
- การเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน มีการใช้โซเชียลมีเดียและธรรมเทศนาในการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและสร้างความเกลียดชังต่อชุมชนคนข้ามเพศ ซึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ความรุนแรงในสายตาของคนบางกลุ่ม
เสียงที่ยังคงต่อสู้ ความกล้าหาญและความหวังของชุมชน
แม้จะต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้าน แต่ชุมชนคาวาจา ซีรา ในปากีสถานก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิและชีวิตของพวกเขาอย่างกล้าหาญ
- การจัดตั้งองค์กร พวกเขารวมตัวกันจัดตั้งองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายสนับสนุน เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย, ที่พักพิงฉุกเฉิน, และการดูแลสุขภาพแก่สมาชิกในชุมชน
- การใช้เครื่องมือทางกฎหมาย นักเคลื่อนไหวได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงในหลายคดีเพื่อบังคับให้ตำรวจต้องดำเนินการสืบสวนคดีฆาตกรรม และเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองสิทธิฯ อย่างจริงจัง
- การสร้างความตระหนักรู้ พวกเขาใช้ศิลปะ, การแสดง, และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิตของคนข้ามเพศ และต่อสู้กับอคติในสังคม
บทสรุป (Conclusion) การฆาตกรรมหญิงข้ามเพศ 3 รายในเมืองเปชวาร์ คือโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดถึงหนทางที่ยังอีกยาวไกลของปากีสถานในการคุ้มครองพลเมืองที่เปราะบางที่สุดของตนเอง คดีนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่อระบบยุติธรรมของประเทศว่าจะสามารถทลายวัฒนธรรมแห่งการลอยนวลพ้นผิดและมอบความยุติธรรมให้แก่เหยื่อได้หรือไม่ ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นการเรียกร้องไปยังประชาคมระหว่างประเทศให้หันมาสนใจและกดดันรัฐบาลปากีสถานให้ดำเนินการอย่างจริงจังในการปกป้องชีวิตของพลเมืองทุกคนโดยไม่คำนึงถึงอัตลักษณ์ทางเพศ เพราะตราบใดที่เลือดของชาวคาวาจา ซีรา ยังคงหลั่งรินบนท้องถนน กฎหมายที่ก้าวหน้าที่สุดก็เป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษที่ไร้ความหมาย
แหล่งที่มาจาก : am2con