จิมมี คิมเมล คืนจอคืนนี้ หลังถูกพักงานฟ้าผ่า ปมล้อเลียนการตาย “ชาร์ลี เคิร์ก” จุดปะทะทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ว่าด้วยเส้นแบ่งของ ‘เสรีภาพในการพูด’ และ ‘Cancel Culture’

จิมมี คิมเมล ถูกพักงาน

จิมมี คิมเมล ถูกพักงาน พิธีกรทอล์คโชว์ชื่อดัง เตรียมกลับมาจัดรายการ “Jimmy Kimmel Live!” ในคืนนี้ ท่ามกลางการจับตามองของคนทั้งประเทศ หลังสถานีโทรทัศน์ ABC สั่งพักงานเขาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์จากกรณีที่เขาใช้มุกตลกเสียดสีการเสียชีวิต (ตามสถานการณ์สมมติ) ของ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวและผู้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม Turning Point USA การกลับมาของคิมเมลครั้งนี้เป็นมากกว่าแค่การคืนจอของพิธีกร แต่ได้กลายเป็นจุดปะทะทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญ ที่ตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งที่พร่าเลือนระหว่าง “เสรีภาพในการพูดเชิงเสียดสี” กับ “คำพูดที่ไร้มนุษยธรรม” ในยุคสมัยแห่งความแตกแยกทางการเมืองที่ร้าวลึกของสหรัฐอเมริกา และยังโหมกระพือไฟแห่งการถกเถียงเรื่องวัฒนธรรมการแบนหรือ “Cancel Culture” ให้ร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง

Jimmy Kimmel statement about Charlie Kirk: American TV host chop suspension  ova comments on murdered conservative activist - BBC News Pidgin

จิมมี คิมเมล ถูกพักงาน ย้อนรอยชนวนเหตุ ‘มุกตลก’ ที่สั่นสะเทือนวงการบันเทิงและการเมือง

เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในรายการ “Jimmy Kimmel Live!” เมื่อสัปดาห์ก่อน ในช่วงเปิดรายการ (Monologue) จิมมี คิมเมล ได้กล่าวถึงข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของชาร์ลี เคิร์ก ก่อนจะปล่อยมุกตลกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการล้ำเส้นและไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต แม้เนื้อหาของมุกตลกจะไม่ได้ถูกนำมาเผยแพร่ซ้ำโดยสื่อกระแสหลัก แต่จากคำบอกเล่าของผู้ที่ชมรายการสดและคลิปที่ถูกลบไปอย่างรวดเร็ว ระบุว่ามุกตลกดังกล่าวได้พุ่งเป้าไปที่แนวคิดทางการเมืองของเคิร์กและเชื่อมโยงเข้ากับสาเหตุการตายในลักษณะที่เย้ยหยัน

ปฏิกิริยาตอบโต้เกิดขึ้นแทบจะในทันที

  • กระแสตีกลับบนโซเชียลมีเดีย แฮชแท็ก #CancelKimmel และ #FireKimmel พุ่งทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผู้สนับสนุนของชาร์ลี เคิร์ก และกลุ่ม Turning Point USA ได้ออกมาประณามการกระทำของคิมเมลว่า “น่ารังเกียจและไร้หัวใจ”
  • แถลงการณ์จาก Turning Point USA องค์กรได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้สถานี ABC แสดงความรับผิดชอบและปลดจิมมี คิมเมล ออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่เป็นเรื่องของมนุษยธรรมพื้นฐาน การเฉลิมฉลองความตายของใครบางคนไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นการกระทำที่น่าอับอาย”
  • แรงกดดันจากผู้สนับสนุนโฆษณา มีรายงานว่าผู้สนับสนุนรายใหญ่หลายรายได้แสดงความกังวลต่อสถานี ABC และขู่ว่าจะถอนโฆษณาออกจากรายการ

การตัดสินใจของ ABC เมื่อเรตติ้งต้องชั่งน้ำหนักกับจริยธรรม

เผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากทุกทิศทาง สถานีโทรทัศน์ ABC ซึ่งเป็นต้นสังกัดของรายการ ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง โดยออกแถลงการณ์สั่งพักงานจิมมี คิมเมล เป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งตัดส่วนที่เป็นประเด็นขัดแย้งออกจากเทปบันทึกรายการที่เผยแพร่ซ้ำและบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด

“คำพูดของคุณจิมมี คิมเมล ในรายการล่าสุดนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและไม่สอดคล้องกับคุณค่าของสถานีเรา” แถลงการณ์จาก ABC ระบุ “เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของคุณชาร์ลี เคิร์ก เราได้ตัดสินใจพักงานคุณคิมเมลโดยมีผลทันที เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาไตร่ตรองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสถานีโทรทัศน์ในยุคปัจจุบัน ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการรักษาเรตติ้งและผู้มีความสามารถระดับแม่เหล็ก กับการรักษามาตรฐานทางจริยธรรมและความรู้สึกของสาธารณชนที่อ่อนไหวและแตกแยกมากขึ้นกว่าเดิม

ABC suspends Jimmy Kimmel's late-night show indefinitely over his remarks  about Charlie Kirk's death | PBS News

สนามรบทางวัฒนธรรม ‘Cancel Culture’ ปะทะ ‘เสรีภาพในการพูด’

เหตุการณ์ของคิมเมลได้กลายเป็นกรณีศึกษาล่าสุดในสนามรบทางวัฒนธรรมที่ใหญ่กว่า ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองแนวคิดที่มักจะอยู่ตรงข้ามกันเสมอ

เสียงจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ‘นี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่คือการขาดมนุษยธรรม’

สำหรับกลุ่มนักการเมืองและนักวิจารณ์ฝ่ายอนุรักษ์นิยม กรณีนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนของความหน้าไหว้หลังหลอกของสื่อกระแสหลักฝ่ายเสรีนิยม พวกเขามองว่านี่ไม่ใช่การ “Cancel” คนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน แต่เป็นการเรียกร้องความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ข้ามเส้นของความเหมาะสมและมนุษยธรรม

เบน ชาปิโร, นักวิจารณ์ชื่อดัง ได้กล่าวในรายการของเขาว่า “ฝ่ายซ้ายมักจะพูดถึงความเห็นอกเห็นใจ แต่เมื่อศัตรูทางการเมืองของพวกเขาเสียชีวิต พวกเขากลับเต้นรำบนหลุมศพ นี่แสดงให้เห็นว่าความเกลียดชังทางการเมืองได้บดบังความดีงามในใจของพวกเขาไปหมดแล้ว จิมมี คิมเมล ไม่ควรได้จัดรายการอีก”

มุมมองของฝ่ายเสรีนิยมและวงการตลก ‘เส้นแบ่งที่พร่าเลือนของศิลปะการเสียดสี’

ในขณะเดียวกัน บุคคลในวงการบันเทิงและกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดบางส่วน แม้จะไม่เห็นด้วยกับมุกตลกของคิมเมล แต่ก็ได้แสดงความกังวลต่อปรากฏการณ์ “Cancel Culture” ที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อความคิดสร้างสรรค์และการวิพากษ์วิจารณ์สังคมผ่านเสียงหัวเราะ

บิลล์ มาร์, พิธีกรรายการ “Real Time with Bill Maher” ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการวิจารณ์ทั้งสองฝ่ายการเมือง ได้แสดงความเห็นว่า “ผมไม่ชอบมุกตล กนั่นเลย ผมคิดว่ามันรสชาติแย่มาก แต่ผมเกลียดไอเดียที่ว่าคนๆ หนึ่งต้องถูกทำลายชีวิตเพราะพูดเรื่องโง่ๆ ออกไปมากกว่า ศิลปะของตลกคือการเดินบนเส้นลวด บางครั้งคุณก็พลัดตกลงมา หน้าที่ของเราคือช่วยดึงเขากลับขึ้นไป ไม่ใช่กระทืบซ้ำตอนที่เขานอนอยู่บนพื้น”

อนาคตของ Late-Night TV พิธีกรต้อง ‘เซ็นเซอร์ตัวเอง’ หรือไม่?

กรณีของคิมเมลได้จุดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของรายการทอล์คโชว์ยามดึก ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการใช้มุกตลกเสียดสีเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจและประเด็นทางสังคม

  • ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่ทุกคำพูดสามารถถูกบันทึก, ตัดต่อ, และเผยแพร่เพื่อสร้างความโกรธเคืองได้ในทันที พิธีกรและทีมเขียนบทอาจต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่เนื้อหาที่ “ปลอดภัย” แต่ขาดความแหลมคม
  • การเปลี่ยนแปลงของผู้ชม ผู้ชมในยุคใหม่มีความคาดหวังที่แตกต่างกัน บางกลุ่มต้องการเห็นการวิจารณ์ที่รุนแรงและตรงไปตรงมา ในขณะที่อีกกลุ่มมีความอ่อนไหวต่อคำพูดที่อาจสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจมากขึ้น
  • บทบาทของเครือข่าย สถานีโทรทัศน์อาจต้องกำหนดแนวทางที่ชัดเจนและเข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับขอบเขตของเนื้อหา ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นการเซ็นเซอร์

Jimmy Kimmel told to apologize to Charlie Kirk's family, make donation to  lift ABC on-air suspension — but he refused

จิมมี คิมเมล ถูกพักงาน การกลับมาคืนจอ คิมเมลจะกล่าวอะไรในคืนนี้?

ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่ช่วง 10 นาทีแรกของรายการ “Jimmy Kimmel Live!” ในคืนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คิมเมลจะกล่าวเปิดรายการ การคาดการณ์ถูกแบ่งออกเป็นหลายทิศทาง

  • การขอโทษอย่างจริงใจ แนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการที่คิมเมลจะใช้เวลาทั้งหมดเพื่อกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการต่อครอบครัวของเคิร์กและผู้ชม โดยยอมรับว่าเขาได้ทำผิดพลาดและล้ำเส้นไป
  • การผสมผสานระหว่างการขอโทษและการอธิบาย เขาอาจจะขอโทษ แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามอธิบายบริบทหรือเจตนาของเขา ซึ่งเป็นแนวทางที่มีความเสี่ยงสูงและอาจถูกมองว่าเป็นการแก้ตัว
  • การเมินเฉยและเดินหน้าต่อ เป็นไปได้น้อยที่สุดที่เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะนั่นจะยิ่งโหมกระแสความโกรธเคืองให้รุนแรงขึ้น

บทสรุป (Conclusion) การกลับมาของจิมมี คิมเมล ในคืนนี้จึงไม่ใช่เพียงการดำเนินรายการตามปกติ แต่เป็นเหตุการณ์สำคัญทางวัฒนธรรมที่จะถูกจดจำและวิเคราะห์ไปอีกนาน คำพูดและการแสดงออกของเขาจะเป็นตัวกำหนดทิศทางอนาคตในอาชีพของเขาเอง และอาจส่งแรงกระเพื่อมไปยังภูมิทัศน์สื่อทั้งหมดของอเมริกา ไม่ว่าเขาจะเลือกเส้นทางไหน ผลลัพธ์ก็จะสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกัน ระหว่างความปรารถนาในเสรีภาพในการแสดงออกอย่างไม่มีขีดจำกัด กับความต้องการความเห็นอกเห็นใจและความเคารพซึ่งกันและกันในยุคสมัยที่ดูเหมือนว่าทั้งสองสิ่งนี้จะอยู่ร่วมกันได้ยากเหลือเกิน

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *