ฝันร้ายของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ได้กลับมาเยือนเกาหลีใต้อีกครั้ง เมื่อรัฐบาลกรุงโซลประกาศยกระดับการเตือนภัย โรคระบาดในสุกร สู่ระดับ “สีแดง” ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดทั่วประเทศ หลังยืนยันการตรวจพบเชื้อ อหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever – ASF) ในฟาร์มแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก การประกาศดังกล่าวได้นำไปสู่การบังคับใช้มาตรการ การกักกันโรค ที่เข้มงวดที่สุด และเริ่มต้นกระบวนการ การกำจัด สุกรหลายพันตัวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดในวงกว้าง แม้เชื้อไวรัสชนิดนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่สำหรับอุตสาหกรรมสุกรแล้ว มันคือหายนะที่สมบูรณ์แบบ และการกลับมาของ ASF เกาหลีใต้ ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงโศกนาฏกรรมสำหรับเกษตรกรท้องถิ่น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ส่งตรงไปยังตลาดอาหารโลก ซึ่งอาจต้องเผชิญกับความผันผวนของ ราคาเนื้อหมู และความท้าทายด้าน ความมั่นคงทางอาหาร ครั้งใหม่
บทความนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงสถานการณ์ล่าสุดในเกาหลีใต้, ความน่ากลัวของเชื้อไวรัส ASF, และผลกระทบลูกโซ่ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะเชื่อมโยงฟาร์มสุกรในจังหวัดคังวอนเข้ากับราคาอาหารบนโต๊ะของผู้คนทั่วโลก
‘เตือนภัยสีแดง’ รัฐบาลโซลใช้ยาแรงสกัด ASF ลามทั่วประเทศ
สถานการณ์ ASF ในเกาหลีใต้ล่าสุดเป็นอย่างไร? การตัดสินใจที่รวดเร็วและเฉียบขาดของรัฐบาลสะท้อนถึงบทเรียนราคาแพงในอดีต
- จุดเริ่มต้น กระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท (MAFRA) ของเกาหลีใต้ ได้รับแจ้งการตายผิดปกติของสุกรในฟาร์มแห่งหนึ่งที่ จังหวัดคังวอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับเขตปลอดทหาร (DMZ) กับเกาหลีเหนือ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาได้ยืนยันการติดเชื้อ ASF
- มาตรการตอบโต้ทันที
- ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุด ยกระดับการเตือนภัยจาก “สีเหลือง” เป็น “สีแดง” ทั่วประเทศ
- คำสั่งหยุดเคลื่อนย้าย (Standstill Order) ออกคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายสุกร, ยานพาหนะ, และบุคลากร เข้า-ออกจากฟาร์มสุกรและโรงงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อประเมินสถานการณ์
- การกำจัดเชิงป้องกัน (Preemptive Culling) เริ่มกระบวนการกำจัดสุกรทั้งหมดในรัศมี 10 กิโลเมตรรอบฟาร์มที่ติดเชื้อ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนหลายพันตัว เพื่อสร้างวงแหวนป้องกัน
- การสอบสวนทางระบาดวิทยา ทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่เพื่อหาต้นตอของการระบาด โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจเกิดจากการสัมผัสกับหมูป่าที่ติดเชื้อซึ่งข้ามพรมแดนมาจากเกาหลีเหนือ
“เรากำลังดำเนินการทุกวิถีทางอย่างเต็มกำลังเพื่อควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด” นายซง มี-รยอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวในแถลงการณ์ฉุกเฉิน “นี่คือการต่อสู้ที่เราต้องชนะเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมสุกรและรักษาเสถียรภาพทางอาหารของประเทศ”
รู้จัก ASF อหิวาต์แอฟริกาในสุกรคืออะไร? อันตรายต่อคนหรือไม่?
เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและป้องกันความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน สิ่งสำคัญคือต้องทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโรคนี้
- เป็นโรคเฉพาะในสุกร ASF เป็นโรคไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในสุกร (ทั้งสุกรเลี้ยงและหมูป่า) มีอัตราการตายสูงเกือบ 100%
- ความทนทานของไวรัส ไวรัสมีความทนทานสูงในสิ่งแวดล้อมและในผลิตภัณฑ์จากสุกร เช่น เนื้อแช่แข็งหรือผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการแพร่ระบาดข้ามประเทศ
- ไม่มีวัคซีนป้องกัน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ASF ทำให้การควบคุมการระบาดต้องอาศัยความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) และการกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อเท่านั้น
- ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ อหิวาต์แอฟริกาในสุกรติดต่อสู่คนหรือไม่? คำตอบที่ชัดเจนและได้รับการยืนยันจาก องค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) คือ “ไม่” ไวรัสชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ และเนื้อสุกรที่ปรุงสุกยังคงปลอดภัยต่อการบริโภค
บทเรียนจากปี 2019 ฝันร้ายที่อุตสาหกรรมสุกรเกาหลีใต้ไม่อยากให้ซ้ำรอย
ความทรงจำอันเลวร้ายจากการระบาดครั้งใหญ่ในปี 2019 คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ ในปี 2019 เกาหลีใต้พบการระบาดของ ASF เป็นครั้งแรก และภายในเวลาไม่กี่เดือน การระบาดได้ลุกลามไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ต้องมีการกำจัดสุกรไปมากกว่า 400,000 ตัว สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ และทำให้ราคาเนื้อหมูในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง การระบาดในครั้งนั้นได้เผยให้เห็นถึงจุดอ่อนในระบบความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์มขนาดเล็ก และความยากลำบากในการควบคุมการเคลื่อนที่ของหมูป่าที่เป็นพาหะสำคัญ
ผลกระทบต่อตลาดโลก ราคาเนื้อหมูและห่วงโซ่อุปทานจะปั่นป่วนแค่ไหน?
การระบาดของ ASF จะส่งผลต่อราคาหมูอย่างไร? การที่เกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคและนำเข้าเนื้อหมูรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก (นำเข้าประมาณ 1 ใน 3 ของการบริโภคทั้งหมด) ต้องเผชิญกับการระบาด ย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
- อุปทานในประเทศลดลง การกำจัดสุกรจำนวนมากจะทำให้อุปทานเนื้อหมูในเกาหลีใต้ลดลงอย่างรวดเร็ว ดันราคาในประเทศให้สูงขึ้น
- ความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยผลผลิตที่หายไป เกาหลีใต้จำเป็นต้องนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับตัว ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีใต้จะผลักดันให้ราคาซื้อขายเนื้อหมูล่วงหน้าในตลาดโลก (Global Pork Futures) ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, บราซิล และแคนาดา
- ผลกระทบต่อประเทศผู้นำเข้าอื่น ประเทศผู้นำเข้ารายอื่นในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นในการจัดหาเนื้อหมูในตลาดโลก
บทสรุป ความท้าทายที่ไร้พรมแดน
การตรวจพบเชื้อ อหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในฟาร์มเพียงแห่งเดียวที่จังหวัดคังวอน ได้กลายเป็นเครื่องตอกย้ำว่าในโลกยุคโลกาภิวัตน์ วิกฤตด้านสาธารณสุขสัตว์สามารถข้ามพรมแดนและกลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว
การต่อสู้เพื่อควบคุม ASF ของเกาหลีใต้ในครั้งนี้จะเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก ความสำเร็จหรือล้มเหลวไม่เพียงแต่จะชี้ชะตาอุตสาหกรรมสุกรมูลค่าหลายพันล้านของตนเอง แต่ยังอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาอาหารในซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร และเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารที่เปราะบางของพวกเราทุกคน
แหล่งที่มาจาก : am2con