เศรษฐกิจฝรั่งเศส ภารกิจรับ ‘เผือกร้อน’ ของนายกฯ ใหม่ หลังฟิทช์หั่นเครดิต ท้าทายอนาคต EU

เศรษฐกิจฝรั่งเศส

ยังไม่ทันที่เก้าอี้จะอุ่นดี นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดทันที เมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกอย่าง Fitch Ratings ได้ประกาศลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศสลงสู่ระดับ ‘AA-‘ ซึ่งเปรียบเสมือนการสาดน้ำเย็นจัดเข้าใส่รัฐบาลของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง และส่งสัญญาณเตือนที่ดังไปทั่ว ยูโรโซน การตัดสินใจของฟิทช์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องทางเทคนิคของตัวเลขหนี้สิน แต่เป็นการตั้งคำถามถึงความสามารถทางการเมืองของฝรั่งเศสในการผลักดันการ ปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่จำเป็น ท่ามกลางภูมิทัศน์การเมืองที่แตกแยกอย่างรุนแรง วิกฤตครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ปัญหาภายในของ เศรษฐกิจฝรั่งเศส แต่เป็นความท้าทายโดยตรงต่อบทบาทผู้นำของฝรั่งเศสใน สหภาพยุโรป และอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความไร้เสถียรภาพระลอกใหม่ในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร

บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของฟิทช์, ความท้าทายมหาศาลที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องเผชิญ, และผลกระทบระลอกคลื่นที่อาจเกิดขึ้นจาก ปารีส สู่ บรัสเซลส์ และตลาดการเงินทั่วโลก

France hit with credit downgrade as new government faces budget squeeze

‘AA-’ ถอดรหัสคำเตือนจากฟิทช์ถึงฝรั่งเศส

ทำไมฟิทช์ถึงลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส? รายงานของ Fitch Ratings ได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงสำคัญหลายประการที่สั่งสมมานานและทวีความรุนแรงขึ้น

  1. หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงและไม่ลดลง (High and Unfalling Public Debt) หนี้สาธารณะฝรั่งเศส พุ่งสูงขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 และวิกฤตพลังงานจากสงครามในยูเครน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนเกือบ 115% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 60% ของสหภาพยุโรปอย่างมาก และที่สำคัญคือ แนวโน้มหนี้ยังคงเพิ่มขึ้น แทนที่จะลดลงตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้
  2. การขาดดุลงบประมาณที่ยืดเยื้อ (Persistent Budget Deficits) ฝรั่งเศสมีการขาดดุลงบประมาณเกินกว่าเพดาน 3% ของ EU มาอย่างต่อเนื่อง และแผนการลดการขาดดุลของรัฐบาลถูกมองว่าขาดความน่าเชื่อถือและอาจไม่สามารถทำได้จริงตามเป้าหมาย
  3. ภาวะชะงักงันทางการเมือง (Political Gridlock) นับตั้งแต่ประธานาธิบดีมาครงสูญเสียเสียงข้างมากเด็ดขาดในรัฐสภาเมื่อปี 2022 การผ่านกฎหมายปฏิรูปที่สำคัญ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตัดลดงบประมาณหรือการปฏิรูประบบบำนาญ ได้กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งและมักจะจบลงด้วยการประท้วงใหญ่บนท้องถนน ฟิทช์มองว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพทางการคลัง
  4. การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ (Weak Growth Prospects) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจฝรั่งเศสในระยะกลางยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะช่วยลดสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ได้อย่างมีนัยสำคัญ

บรูโน เลอ แมร์ นายกฯ ใหม่บนกองหนี้และสมการการเมืองที่แตกแยก

การปรับลดอันดับเครดิตครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ประธานาธิบดีมาครงได้แต่งตั้งนาย บรูโน เลอ แมร์ (Bruno Le Maire) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยภารกิจหลักในการ “ฟื้นฟูวินัยทางการคลัง” และผลักดันการปฏิรูปที่คั่งค้าง

แต่ภารกิจของเลอ แมร์ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ

  • รัฐบาลเสียงข้างน้อย เขาต้องบริหารรัฐบาลที่ไม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ต้องพึ่งพาการต่อรองกับพรรคฝ่ายค้าน หรือใช้มาตรการพิเศษทางรัฐธรรมนูญ (มาตรา 49.3) เพื่อผ่านกฎหมาย ซึ่งยิ่งสร้างความไม่พอใจทางการเมือง
  • แรงต้านจากสังคม ประชาชนฝรั่งเศสอ่อนล้าจากการปฏิรูปที่ดำเนินมาหลายปี โดยเฉพาะการปฏิรูประบบบำนาญที่ทำให้เกิดการประท้วงหยุดงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ การผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมจึงเสี่ยงต่อการปลุกกระแสต่อต้านระลอกใหม่
  • แรงกดดันจากฝ่ายขวาจัดและซ้ายจัด พรรคฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งจากขั้วขวาจัด (พรรค National Rally ของมารีน เลอ เปน) และขั้วซ้ายจัด (พรรค La France Insoumise) ต่างใช้ประเด็นเศรษฐกิจโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ทำให้การหาฉันทามติเป็นเรื่องที่แทบมองไม่เห็น

Fitch downgrades France's credit rating amid political crisis | Euronews

‘ปฏิรูปที่เจ็บปวด’ รัฐบาลฝรั่งเศสจะแก้ปัญหาหนี้สาธารณะอย่างไร?

ภายใต้แรงกดดันมหาศาล รัฐบาลของนายกฯ เลอ แมร์ มีทางเลือกที่จำกัดและล้วนแต่เป็น “ยาขม” ที่ยากจะให้สังคมยอมรับ

  • การตัดลดรายจ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจหมายถึงการลดงบประมาณในโครงการสวัสดิการสังคม, การศึกษา หรือสาธารณสุข ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในฝรั่งเศส
  • การขึ้นภาษี อาจเป็นการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
  • การปฏิรูปโครงสร้างเพิ่มเติม เช่น การปฏิรูปตลาดแรงงานเพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หรือการปฏิรูประบบประกันการว่างงาน ซึ่งล้วนแต่เคยจุดชนวนการประท้วงมาแล้วในอดีต

“เราได้รับทราบสารจากสถาบันจัดอันดับแล้ว และเราจะไม่เพิกเฉย” นายกฯ เลอ แมร์ กล่าวในแถลงการณ์ “นี่คือเครื่องย้ำเตือนว่าเราจำเป็นต้องเร่งรัดเส้นทางการปฏิรูปเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับการคลังสาธารณะของเรา แม้มันจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบากก็ตาม”

จากปารีสสู่บรัสเซลส์ เมื่อวิกฤตฝรั่งเศสสั่นคลอนเสถียรภาพยูโรโซน

วิกฤตเศรษฐกิจฝรั่งเศสส่งผลต่อยูโรโซนอย่างไร? ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในฝรั่งเศส แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสหภาพยุโรป

  • บั่นทอนความน่าเชื่อถือของกฎการคลัง EU ในฐานะประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของยูโรโซน การที่ฝรั่งเศสไม่สามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ด้านหนี้สินและการขาดดุลได้ ย่อมบั่นทอนความน่าเชื่อถือของกรอบวินัยการคลัง (Stability and Growth Pact) ของ EU ทั้งระบบ
  • เพิ่มภาระให้เยอรมนี ทำให้เยอรมนีต้องแบกรับภาระในการเป็น “เสาหลัก” ของเศรษฐกิจยูโรโซนมากขึ้น ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจของยุโรป
  • แรงกดดันต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ความเปราะบางของเศรษฐกิจฝรั่งเศสอาจทำให้ ECB ต้องดำเนินนโยบายการเงินด้วยความระมัดระวังมากขึ้น และอาจจำกัดความสามารถในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อในอนาคต

Fitch downgrades France's credit rating in new debt blow

บทสรุป การแข่งขันกับเวลาของรัฐบาลใหม่

การถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือโดยฟิทช์ได้ยิงสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขันกับเวลาของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีบรูโน เลอ แมร์ ภารกิจในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดการเงินและพันธมิตรในยุโรปนั้นเต็มไปด้วยขวากหนามทางการเมืองและสังคม ความสำเร็จหรือล้มเหลวของเขาไม่เพียงแต่จะชี้ชะตารัฐบาลของประธานาธิบดีมาครงในช่วงท้ายของวาระ แต่ยังจะเป็นตัวกำหนดว่าฝรั่งเศสจะยังคงสามารถยืนหยัดในฐานะผู้นำที่น่าเชื่อถือของยุโรปที่กำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้านได้อีกต่อไปหรือไม่

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *