เฟดลดดอกเบี้ย? ทรัมป์ท้าชน ‘พาวเวลล์’ เดิมพันอนาคตเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลก

เฟดลดดอกเบี้ย

ก่อนการประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบปีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้จุดพายุลูกใหม่ในตลาดการเงิน ด้วยการออกมาเรียกร้องอย่างแข็งกร้าวให้เฟดทำการ “หั่นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่” โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจสหรัฐ ที่กำลังชะลอตัว คำพูดดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความเห็น แต่เป็นการท้าทายโดยตรงไปยังนาย เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด และสั่นคลอนหลักการสำคัญที่สุดข้อหนึ่งของโลกเศรษฐกิจ นั่นคือ “ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง” การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อคณะกรรมการ FOMC และทำให้การตัดสินใจเรื่อง นโยบายการเงินสหรัฐ ในครั้งนี้ ถูกจับตามองด้วยเดิมพันที่สูงยิ่งกว่าเดิม เพราะมันอาจกลายเป็นบททดสอบความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงเบื้องหลังคำพูดของทรัมป์, สถานการณ์ที่ยากลำบากของเฟด, และผลกระทบในวงกว้างที่อาจเกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างการเมืองและเทคโนแครต ซึ่งจะส่งผลต่อทุกคนตั้งแต่นักลงทุนในวอลล์สตรีทไปจนถึงประชาชนในตลาดเกิดใหม่

Trump Says Fed Must Cut Rates As Tariffs Go Into Effect

‘ตัดครั้งใหญ่ เดี๋ยวนี้!’ ถอดรหัสคำพูดทรัมป์และแรงจูงใจ

ทรัมป์ต้องการอะไรจากธนาคารกลางสหรัฐ? ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขา ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

“เฟดกำลังหลับอยู่หลังพวงมาลัย! ข้อมูลทั้งหมดชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังต้องการแรงกระตุ้น พวกเขาต้องประกาศลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในสัปดาห์นี้ ไม่ใช่แค่ 0.25% มันถึงเวลาแล้วที่จะทำให้เศรษฐกิจของเรากลับมาทะยานอีกครั้ง!”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์เฟดอย่างเปิดเผย ตลอดสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้ทลายธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองที่ประธานาธิบดีจะหลีกเลี่ยงการแสดงความเห็นต่อการตัดสินใจของเฟด โดยได้วิจารณ์นายพาวเวลล์ (ซึ่งเขาเป็นผู้แต่งตั้งเอง) อยู่บ่อยครั้ง นักวิเคราะห์มองว่าแรงจูงใจของทรัมป์มีทั้งในมิติเศรษฐกิจและการเมือง

  • มุมมองทางเศรษฐกิจ ทรัมป์เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำคือยาวิเศษสำหรับเศรษฐกิจ มันช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจ, กระตุ้นการลงทุน, และทำให้ ตลาดหุ้น ปรับตัวสูงขึ้น
  • มุมมองทางการเมือง สภาพเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะตัวเลขตลาดหุ้นที่สวยงาม มักจะส่งผลดีต่อคะแนนนิยมของนักการเมือง การกดดันให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจึงเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์และอิทธิพลทางการเมืองของเขา

ภารกิจบนเส้นด้ายของ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ สู้เงินเฟ้อหรือยอมการเมือง?

สถานการณ์ในปัจจุบันสร้างความลำบากใจอย่างยิ่งให้กับนายพาวเวลล์และคณะกรรมการ FOMC ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม 2025 ออกมาในลักษณะ “ผสมผสาน”

  • อัตราการว่างงาน ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 3.8% สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง
  • การเติบโตของ GDP ชะลอตัวลงในไตรมาสที่สอง เหลือเพียง 1.5% สร้างความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
  • อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 3.1% ซึ่งแม้จะลดลงจากจุดสูงสุดอย่างมาก แต่ก็ยังคง “สูงกว่า” เป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2.0% อย่างมีนัยสำคัญ

จากข้อมูลดังกล่าว เฟดจึงตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “Dilemma” หรือภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

  • หากเฟดลดดอกเบี้ย อาจถูกมองว่าเป็นการยอมจำนนต่อแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งจะทำลายความน่าเชื่อถือและความเป็นอิสระที่สั่งสมมานาน และที่สำคัญที่สุด การลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทำให้ เงินเฟ้อ ที่ยังไม่สงบดีกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
  • หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ย อาจถูกทรัมป์และฝ่ายการเมืองโจมตีว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะเป็นการนำเฟดเข้ามาเป็นจำเลยในเกมการเมืองอย่างเต็มตัว

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะเลือก “คง” อัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการพิจารณาปรับลดในอนาคตหากข้อมูลเงินเฟ้อแสดงให้เห็นแนวโน้มที่ลดลงอย่างชัดเจน

The Fed is expected to hold rates steady as Trump pushes for a cut

ทำไม ‘ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง’ จึงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก?

ทำไมความเป็นอิสระของเฟดจึงสำคัญ? หลักการนี้ถือเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ทั่วโลก ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้

  1. การควบคุมเงินเฟ้ออย่างมีเสถียรภาพ หากธนาคารกลางอยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง อาจถูกกดดันให้พิมพ์เงินหรือลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเพื่อหวังผลคะแนนเสียง ซึ่งในระยะยาวจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) ที่ทำลายเศรษฐกิจ
  2. การสร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) ความเป็นอิสระทำให้ตลาดการเงินเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจของธนาคารกลางตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ความต้องการทางการเมือง ความน่าเชื่อถือนี้ช่วยยึดเหนี่ยว “การคาดการณ์เงินเฟ้อ” ของประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมเงินเฟ้อ
  3. มุมมองระยะยาว นักการเมืองมักมีมุมมองที่สอดคล้องกับวงจรการเลือกตั้ง (ระยะสั้น) แต่ธนาคารกลางอิสระสามารถวางแผน นโยบายการเงิน ในระยะยาวเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้

“การโจมตีความเป็นอิสระของเฟดคือการเล่นกับไฟ” พอล ครุกแมน, นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เขียนในคอลัมน์ล่าสุด “ประวัติศาสตร์ได้สอนบทเรียนราคาแพงแก่เราแล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่นักการเมืองเข้าควบคุมนโยบายการเงิน ผลลัพธ์คือหายนะทางเศรษฐกิจ”

ปฏิกิริยาจากวอลล์สตรีทและผลกระทบต่อโลก

การลดดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร? โดยปกติแล้ว ข่าวการลดดอกเบี้ยจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น แต่การกดดันของทรัมป์ในครั้งนี้กลับสร้าง “ความไม่แน่นอน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดเกลียดชังที่สุด

  • ปฏิกิริยาตลาดหุ้น ดัชนีฟิวเจอร์สมีความผันผวนอย่างหนัก นักลงทุนไม่แน่ใจว่าจะให้น้ำหนักกับปัจจัยใดระหว่าง “ความเป็นไปได้ที่ดอกเบี้ยจะลดลง” กับ “ความเสี่ยงที่ความน่าเชื่อถือของเฟดจะถูกทำลาย”
  • ค่าเงินดอลลาร์ การคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
  • ผลกระทบต่อโลก การตัดสินใจของเฟดส่งผลกระทบไปทั่วโลก หากเฟดลดดอกเบี้ย จะทำให้เงินทุนไหลออกจากสหรัฐฯ ไปยังตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) มากขึ้น ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเหล่านั้น แต่หากการลดดอกเบี้ยเกิดจากแรงกดดันทางการเมือง ก็จะสร้างความกังวลต่อนักลงทุนทั่วโลกว่าเสถียรภาพของระบบการเงินโลกกำลังถูกสั่นคลอน

สำหรับประเทศไทยและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์อาจช่วยลดภาระหนี้ต่างประเทศและทำให้ราคาสินค้านำเข้า (เช่น น้ำมัน) ถูกลง แต่ในขณะเดียวกัน ความผันผวนที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ก็อาจทำให้เงินทุนไหลออกอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน

How Trump’s second term could impact future interest rates

บทสรุป การตัดสินใจที่เดิมพันด้วยความน่าเชื่อถือ

การประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ได้กลายเป็นการประชุมที่สำคัญเกินกว่าแค่การตัดสินตัวเลขอัตราดอกเบี้ย มันได้กลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งต่อความเป็นอิสระและความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางสหรัฐฯ การตัดสินใจของเจอโรม พาวเวลล์ และคณะกรรมการ จะถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดจากทุกมุมโลก ไม่ใช่แค่ในเชิงเศรษฐศาสตร์ แต่ในเชิงรัฐศาสตร์

ไม่ว่าเฟดจะเลือกทางใด ผลลัพธ์ก็จะถูกตีความอย่างกว้างขวางและส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ นี่คือช่วงเวลาที่การตัดสินใจของคนไม่กี่คนในห้องประชุมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะเป็นตัวกำหนดภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกไปอีกหลายเดือนข้างหน้า

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *