ในขณะที่ชาวเกาหลีใต้และนักท่องเที่ยวหลายล้านคนกำลังเตรียมตัวสำหรับ เทศกาลชูซอก หรือวันขอบคุณพระเจ้าของเกาหลี ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงวันหยุดยาวที่มีการเดินทางหนาแน่นที่สุดของปี แต่แผนการเดินทางเหล่านั้นกลับต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย หลังจากการประกาศ ประท้วงสนามบินเกาหลีใต้ ครั้งใหญ่โดย สหภาพแรงงานเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะมีพนักงานหลายพันคนจาก สนามบินอินชอน และสนามบินหลักอื่นๆ ทั่วประเทศเข้าร่วม การนัดหยุดงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว แต่ยังเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจโลก เนื่องจากสนามบินอินชอนคือเส้นเลือดใหญ่ของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) สินค้าเทคโนโลยีและเวชภัณฑ์มูลค่ามหาศาล
บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงเบื้องหลังข้อเรียกร้องที่นำไปสู่การประท้วงครั้งประวัติศาสตร์ ประเมิน ผลกระทบการเดินทางเกาหลีใต้ ที่จะเกิดขึ้นกับผู้คนนับล้าน และเจาะลึกถึงผลกระทบที่อาจลุกลามบานปลายไปสู่เศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจรุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ประท้วงสนามบินเกาหลีใต้ ชนวนเหตุประท้วง ข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานที่รัฐบาลเมิน
สาเหตุการประท้วงของพนักงานสนามบินเกาหลีคืออะไร? คำถามนี้มีคำตอบที่ซับซ้อนกว่าแค่เรื่อง ค่าแรง แต่เป็นผลพวงจากความไม่พอใจที่สั่งสมมานานหลายปี โดยมีชนวนเหตุสำคัญ 3 ประการ
- ค่าจ้างและสวัสดิการที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ สหภาพแรงงานอ้างว่า แม้สนามบินอินชอนจะทำกำไรมหาศาลและได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสนามบินที่ดีที่สุดในโลก แต่ค่าจ้างของพนักงานภาคพื้นดิน, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพนักงานซ่อมบำรุง กลับเติบโตไม่ทันอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในกรุง โซล
- ภาวะขาดแคลนบุคลากรและสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ พนักงานจำนวนมากต้องทำงานหนักเกินเวลา เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรเรื้อรังมาตั้งแต่ช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 สหภาพฯ เรียกร้องให้มีการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดภาระงานและเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
- ความกลัวต่อนโยบายแปรรูป (Privatization) ประเด็นที่เปราะบางที่สุดคือ แผนของรัฐบาลที่จะทยอยแปรรูปบริการบางส่วนของสนามบินให้แก่บริษัทเอกชน สหภาพฯ กังวลว่านโยบายนี้จะนำไปสู่การลดค่าจ้าง, ปลดพนักงาน, และลดมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อแสวงหากำไรสูงสุด
การเจรจาหลายรอบระหว่างสหภาพฯ, บริษัทท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (Incheon International Airport Corporation – IIAC), และตัวแทนจากกระทรวงแรงงานได้จบลงด้วยความล้มเหลว นำมาสู่การประกาศนัดหยุดงานในช่วงเวลาที่สร้างแรงกดดันได้มากที่สุด
“ชูซอก” เทศกาลแห่งครอบครัวที่อาจกลายเป็นฝันร้ายของนักเดินทาง
เทศกาลชูซอกในปี 2025 (28 ก.ย. – 2 ต.ค.) ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงที่มีการเดินทางสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังการระบาดใหญ่ โดย IIAC ประมาณการว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินอินชอนมากกว่า 200,000 คนต่อวันในช่วงเวลาดังกล่าว
การประท้วงจะส่งผลกระทบโดยตรงดังนี้
- เที่ยวบินล่าช้าและยกเลิกจำนวนมาก แม้กฎหมายเกาหลีใต้จะกำหนดให้พนักงานในบริการที่จำเป็น เช่น การควบคุมการจราจรทางอากาศ ต้องทำงานต่อไป แต่การขาดแคลนพนักงานภาคพื้นดิน, พนักงานขนส่งสัมภาระ, และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะทำให้เกิดภาวะคอขวดและนำไปสู่การยกเลิก เที่ยวบินไปเกาหลีใต้ หลายร้อยเที่ยวบินต่อวัน
- ความโกลาหลภายในสนามบิน ผู้โดยสารจะต้องเผชิญกับแถวเช็คอินและตรวจความปลอดภัยที่ยาวเหยียด การรอรับกระเป๋าที่นานผิดปกติ และความไม่แน่นอนของข้อมูลเที่ยวบิน
- ผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงชาวไทยจำนวนมากที่วางแผนเดินทางในช่วงวันหยุดยาว จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการเดินทาง ซึ่งอาจทำให้ต้องยกเลิกหรือเลื่อนแผนการเดินทางทั้งหมด
“เราขออภัยในความไม่สะดวกที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน” นายคิม จอง-ซู, ผู้นำสหภาพแรงงานกล่าว “แต่เราถูกต้อนจนมุม รัฐบาลและฝ่ายบริหารไม่รับฟังเสียงของพวกเราที่ทำงานหนักเพื่อขับเคลื่อนสนามบินแห่งนี้ นี่คือทางเลือกสุดท้ายที่จะทำให้พวกเขาหันมามองเห็นปัญหาของเรา”
มากกว่าผู้โดยสาร เมื่อ ‘สนามบินอินชอน’ เส้นเลือดใหญ่ซัพพลายเชนโลกถูกคุกคาม
ผลกระทบที่น่ากังวลที่สุดในสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ คือการหยุดชะงักของภาคการขนส่งสินค้าทางอากาศ สนามบินอินชอนไม่ได้เป็นเพียงประตูสู่เกาหลีใต้ แต่ยังเป็น 1 ใน 5 ท่าอากาศยานขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีบทบาทสำคัญดังนี้
- ศูนย์กลางการส่งออกสินค้าเทคโนโลยี เกาหลีใต้เป็นฐานการผลิตชิปหน่วยความจำ, หน้าจอ OLED, และสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก สินค้ามูลค่าสูงเหล่านี้ต้องพึ่งพาการขนส่งทางอากาศที่รวดเร็วเพื่อส่งไปยังโรงงานประกอบและตลาดทั่วโลก การประท้วงอาจทำให้การส่งมอบชิ้นส่วนสำคัญให้แก่บริษัทอย่าง Apple, Dell หรือ HP ต้องล่าช้าออกไป
- ฮับด้านเวชภัณฑ์และชีววิทยา อุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ของเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็ว วัคซีนและยาที่ต้องควบคุมอุณหภูมิจะได้รับผลกระทบอย่างหนักหากเกิดความล่าช้าในการขนส่ง
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรง สถาบันเพื่อการพัฒนาเกาหลี (KDI) ประเมินว่า การประท้วงที่ยืดเยื้อเพียง 3 วัน อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจส่งผลกระทบต่อตัวเลข GDP ในไตรมาสสุดท้ายของปี
“ตลาดอาจจะยังไม่ได้ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้” ดร. พัค ซัง-อิน, ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จาก Seoul National University ให้ความเห็นกับ Bloomberg “การหยุดชะงักที่อินชอนเพียงแห่งเดียว สามารถสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วห่วงโซ่อุปทานโลกได้อย่างรวดเร็ว มันแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบโลจิสติกส์แบบ Just-in-Time ที่เราพึ่งพิง”
รัฐบาล-สหภาพแรงงาน แนวทางแก้ปัญหาบนเส้นขนาน
รัฐบาลเกาหลีใต้แก้ปัญหาประท้วงอย่างไร? ขณะนี้ท่าทีของทั้งสองฝ่ายยังคงแข็งกร้าว
- ท่าทีของรัฐบาล ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของสหภาพฯ ว่า “เป็นการจับประชาชนและเศรษฐกิจของชาติเป็นตัวประกัน” และได้สั่งการให้เตรียมแผนฉุกเฉิน รวมถึงการใช้บุคลากรทางการทหารเข้าช่วยปฏิบัติงานในบางส่วน แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถทดแทนพนักงานที่มีทักษะได้ทั้งหมด
- ท่าทีของสหภาพฯ ยืนกรานว่าจะไม่ยกเลิกการประท้วงจนกว่ารัฐบาลและ IIAC จะกลับสู่โต๊ะเจรจาพร้อมข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการรับประกันว่าจะล้มเลิกแผนแปรรูปสนามบิน
บทสรุป วิกฤตที่รอวันปะทุ และทางออกที่ยังมองไม่เห็น
ขณะที่นาฬิกานับถอยหลังสู่ช่วงวันหยุดยาว เทศกาลชูซอก ความขัดแย้งระหว่างพนักงานสนามบินและรัฐบาลเกาหลีใต้กำลังเดินหน้าสู่จุดแตกหัก ผู้โดยสารหลายล้านคนและบริษัททั่วโลกต่างจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะผลลัพธ์ของการเผชิญหน้าครั้งนี้จะไม่ได้ส่งผลแค่แผนการเดินทางในช่วงวันหยุด แต่จะกลายเป็นบททดสอบสำคัญของรัฐบาลในการจัดการข้อพิพาทแรงงาน และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงถึงกันนั้น เปราะบางต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศเพียงแห่งเดียวมากน้อยเพียงใด หากไม่มีฝ่ายใดยอมถอย วิกฤตการเดินทางในเกาหลีใต้อาจเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งแห่งความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจที่กำลังจะตามมา
แหล่งที่มาจาก : am2con