โดรนรัสเซียล้ำแดนโปแลนด์ บททดสอบ NATO หรือแค่ ‘ความผิดพลาด’ ที่ทรัมป์อ้าง ?

โดรนรัสเซียล้ำแดนโปแลนด์

ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังคุกรุ่นจาก สงครามยูเครน เหตุการณ์ โดรนรัสเซียล้ำแดนโปแลนด์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้จุดประกายความตึงเครียดระลอกใหม่ที่ทดสอบเส้นประสาทของพันธมิตรทางทหารที่ทรงพลังที่สุดในโลกอย่าง NATO แต่สิ่งที่ทำให้วิกฤตครั้งนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การกระทำของรัสเซีย แต่เป็นเสียงที่ดังมาจากอีกฟากฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นว่าอาจเป็นเพียง “ความผิดพลาด” ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ โปแลนด์โต้ทรัมป์ อย่างเผ็ดร้อน และทำให้ NATO ต้องเผชิญกับบททดสอบวิกฤตคู่ขนาน การท้าทายจากศัตรูภายนอก และความไม่แน่นอนจากพันธมิตรภายใน ซึ่งอาจสั่นคลอนรากฐานของ ความมั่นคงยุโรป ทั้งระบบ

บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถอดรหัสเจตนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำของรัสเซีย สำรวจผลกระทบจากคำพูดของทรัมป์ที่มีต่อความน่าเชื่อถือของ น่านฟ้า NATO และประเมินว่าพันธมิตรนาโต้จะหาทางออกจากบททดสอบความเป็นเอกภาพครั้งใหญ่นี้ได้อย่างไร

Trump offers ambiguous initial response to Russian drone incursion into  Poland's airspace - The Washington Post

โดรนรัสเซียล้ำแดนโปแลนด์ ลำดับเหตุการณ์ เมื่อโดรนสอดแนมรัสเซียบินข้าม ‘เส้นแดง’

ตามรายงานที่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงกลาโหมโปแลนด์และกองบัญชาการสูงสุดของ NATO เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 0200 น. ของวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • การตรวจจับ ระบบเรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการของ NATO (NATINAMDS) ได้ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ไม่ทราบฝ่าย บินด้วยความเร็วสูงจากภูมิภาคคาลินินกราดของรัสเซีย มุ่งหน้าสู่ชายแดนโปแลนด์
  • การละเมิดน่านฟ้า โดรนลำดังกล่าว ซึ่งต่อมาถูกระบุว่าเป็นรุ่น “Orlan-10” ซึ่งเป็นโดรนสอดแนมทางยุทธวิธีของรัสเซีย ได้บินล่วงล้ำเข้ามาใน น่านฟ้า NATO เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเวลา 3 นาที 20 วินาที ก่อนจะบินกลับเข้าไปยังน่านฟ้าของเบลารุส
  • การตอบสนองทันที กองทัพอากาศโปแลนด์ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ ขึ้นสกัดกั้น (Scramble) จากฐานทัพอากาศที่ใกล้ที่สุดตามระเบียบการปฏิบัติของ NATO แต่โดรนได้บินออกจากน่านฟ้าไปก่อนที่เครื่องบินขับไล่จะเข้าถึงตัว

แม้การเผชิญหน้าทางการทหารโดยตรงจะไม่เกิดขึ้น แต่การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของชาติสมาชิก NATO อย่างชัดเจนและร้ายแรงที่สุดในรอบปี รัฐบาลในกรุง วอร์ซอ ไม่ได้มองว่านี่คืออุบัติเหตุ

“ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่คือการยั่วยุ” – โปแลนด์ตอกกลับทรัมป์และมอสโก

ปฏิกิริยาจากโปแลนด์เป็นไปอย่างแข็งกร้าวและรวดเร็ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาริอุสซ์ บวัชชัก (Mariusz Błaszczak) แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดของระบบนำทาง นี่คือการกระทำโดยเจตนา เป็นการทดสอบระบบป้องกันภัยทางอากาศและความมุ่งมั่นทางการเมืองของเราอย่างชัดเจน เราจะไม่ยอมให้การยั่วยุเช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการตอบสนอง”

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับทวีความซับซ้อนขึ้นเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอยู่ระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่รัฐโอไฮโอ ได้ให้ความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ว่า

“คุณได้ยินเรื่องโดรนที่บินเข้าโปแลนด์ใช่ไหม? มันอาจจะเป็นความผิดพลาดก็ได้นะ บางครั้งมันก็เกิดขึ้น คนที่ควบคุมอาจจะหลับอยู่ก็ได้ เราต้องระวังให้มาก อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สามเพราะเรื่องแบบนี้”

คำพูดดังกล่าวได้จุดกระแส โปแลนด์โต้ทรัมป์ ในทันที นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ มาแตอุช มอราวีแยตสกี (Mateusz Morawiecki) ได้ทวีตข้อความตอบโต้ว่า “การมองว่าการละเมิดน่านฟ้า NATO เป็นเพียง ‘ความผิดพลาด’ คือความเข้าใจผิดที่อันตรายและขาดความรับผิดชอบ มันบ่อนทำลายความพยายามในการป้องปรามและเป็นสิ่งที่เครมลินต้องการจะได้ยิน”

ท่าทีที่แตกต่างกันสุดขั้วนี้ ได้เผยให้เห็นรอยร้าวที่น่ากังวลภายในพันธมิตรแอตแลนติก ระหว่างมุมมองของชาติยุโรปที่อยู่แนวหน้าซึ่งเผชิญกับภัยคุกคามโดยตรง กับนักการเมืองกระแสหลักในสหรัฐฯ ที่กำลังตั้งคำถามถึงพันธสัญญาด้านความมั่นคงของอเมริกา

Trump Downplays Russian Drone Incursion into Poland as 'Mistake,' Drawing  Sharp Rebuke From Allies

เสียงจาก Mar-a-Lago ท่าทีของทรัมป์สั่นคลอน ‘มาตรา 5’ หรือไม่?

หัวใจสำคัญของ NATO คือหลักการป้องกันร่วมกัน (Collective Defence) ซึ่งถูกระบุไว้ใน มาตรา 5 ของสนธิสัญญาวอชิงตัน ที่ว่า “การโจมตีด้วยอาวุธต่อสมาชิกหนึ่งประเทศหรือมากกว่านั้น จะถือว่าเป็นการโจมตีต่อสมาชิกทั้งหมด” หลักการนี้คือเครื่องมือป้องปราม (Deterrence) ที่ทรงพลังที่สุดของพันธมิตร

นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงชี้ว่า ท่าทีของทรัมป์ แม้จะมาจากผู้ที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

  • บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือในการป้องปราม การลดทอนความสำคัญของการรุกล้ำน่านฟ้า ทำให้รัสเซียอาจมองว่า NATO ขาดความเป็นเอกภาพและเจตจำนงทางการเมืองที่จะตอบสนองอย่างจริงจัง ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการทดสอบที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
  • สร้างความกังวลให้แก่ชาติสมาชิกแนวหน้า ประเทศอย่างโปแลนด์, ลิทัวเนีย, ลัตเวีย และเอสโตเนีย พึ่งพิงคำรับรองจากมาตรา 5 เป็นหลักประกันความอยู่รอดของชาติ คำพูดของทรัมป์สร้างความไม่แน่นอนว่าหากเขาได้กลับขึ้นสู่อำนาจ สหรัฐฯ จะยังคงยึดมั่นในพันธสัญญานี้หรือไม่
  • เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อให้รัสเซีย สื่อของรัฐบาลรัสเซียได้นำเสนอข่าวคำพูดของทรัมป์อย่างกว้างขวาง เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ว่า NATO เป็นเพียง “เสือกระดาษ” ที่แตกแยกและไม่สามารถรับมือกับวิกฤตได้จริง

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โดรนหนึ่งลำ” ดร. เอ็ดเวิร์ด ลูคัส (Edward Lucas) ผู้เชี่ยวชาญจาก Center for European Policy Analysis (CEPA) ให้ความเห็น “ปัญหาอยู่ที่ความเชื่อมั่น หากมอสโกเชื่อว่าวอชิงตันลังเลที่จะปกป้องวอร์ซอ นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะทางยุทธศาสตร์สำหรับ ความมั่นคงยุโรป ทั้งหมด”

เกมของปูติน ‘ทดสอบ’ น่านฟ้า NATO กับยุทธศาสตร์สงครามยุคใหม่

ทำไมรัสเซียถึงส่งโดรนเข้าโปแลนด์? ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่านี่คือส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “สงครามลูกผสม” (Hybrid Warfare) ที่รัสเซียใช้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์โดยไม่ต้องทำสงครามเต็มรูปแบบ เป้าหมายของการกระทำเช่นนี้มีหลายประการ

  1. การรวบรวมข่าวกรอง (Intelligence Gathering) เพื่อทดสอบเวลาในการตอบสนอง (Response Time) และขีดความสามารถของระบบป้องกันภัยทางอากาศของ NATO ในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ
  2. การทดสอบทางการเมือง (Political Probing) เพื่อประเมินความเป็นเอกภาพและความมุ่งมั่นของชาติสมาชิก NATO ในการตอบสนองต่อการยั่วยุที่อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ของการประกาศสงคราม
  3. การสร้างความเหนื่อยล้า (Attrition) การก่อกวนอย่างต่อเนื่องทำให้ NATO ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรในการส่งเครื่องบินขึ้นสกัดกั้น และทำให้กองกำลังต้องอยู่ในภาวะตึงเครียดตลอดเวลา
  4. การส่งสารเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Messaging) เพื่อแสดงแสนยานุภาพและเตือนว่ารัสเซียยังคงเป็นผู้เล่นทางทหารที่สำคัญในภูมิภาค แม้จะติดพันอยู่กับ สงครามยูเครน ก็ตาม

Poland says Russian drone attack was 'no mistake' after Trump comments |  Reuters

บทสรุป NATO บนทางสองแพร่ง และการตอบสนองที่โลกจับตา

เหตุการณ์ โดรนรัสเซียล้ำแดนโปแลนด์ ได้คลี่คลายไปแล้วในทางทหาร แต่ผลกระทบทางการเมืองและยุทธศาสตร์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น NATO จะตอบโต้รัสเซียอย่างไร คือคำถามสำคัญที่ทุกฝ่ายกำลังจับตามอง

แนวทางการตอบสนองที่เป็นไปได้ประกอบด้วย

  • ทางการทูต การเรียกทูตรัสเซียเข้าพบเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการ และการยกระดับประเด็นนี้ในเวทีนานาชาติ เช่น องค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE)
  • ทางการทหาร การเสริมกำลังป้องกันภัยทางอากาศในพื้นที่ปีกตะวันออกของ NATO (Eastern Flank) เพิ่มการลาดตระเวนทางอากาศ (Air Policing) และซ้อมรบเพื่อแสดงความพร้อม
  • การเสริมสร้างเอกภาพภายใน ผู้นำ NATO และสหภาพยุโรปจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ร่วมที่หนักแน่น เพื่อยืนยันพันธสัญญาต่อมาตรา 5 และลดทอนผลกระทบจากความเห็นที่สร้างความแตกแยก

วิกฤตครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า ความมั่นคงยุโรป ไม่ได้ถูกคุกคามจากปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความเปราะบางจากปัจจัยภายในด้วย การที่พันธมิตร NATO จะผ่านบททดสอบนี้ไปได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของยุทโธปกรณ์เท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของความเป็นเอกภาพทางการเมือง ซึ่งกำลังถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *