ฮ่องกงเป็นอัมพาต! ไต้ฝุ่น ‘ตาปะฮ์’ สั่งปิดเมือง กระทบเศรษฐกิจโลก-ทดสอบความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

ฮ่องกง—มหานครที่ไม่เคยหลับใหลต้องหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ในวันนี้ เมื่อทางการได้ประกาศ สัญญาณเตือนภัยไต้ฝุ่นระดับ 8 เพื่อรับมือกับการเคลื่อนตัวของ พายุไต้ฝุ่น “ตาปะฮ์” ที่ทรงพลัง คำสั่งดังกล่าวส่งผลให้โรงเรียน สถานประกอบการส่วนใหญ่ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ซึ่งเป็นหัวใจของระบบการเงินเอเชีย ต้องปิดทำการทันที เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบสำคัญต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานและแผนการรับมือภัยพิบัติของฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลก และเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความเปราะบางของศูนย์กลางทางการเงินที่ต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้น

สัญญาณเตือนภัยระดับ 8 กลไกหยุดโลกของศูนย์กลางการเงิน

สำหรับชาวฮ่องกงและนักลงทุนทั่วโลก การประกาศ สัญญาณเตือนภัยไต้ฝุ่นระดับ 8 (No. 8 Gale or Storm Signal) โดย หอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory – HKO) มีความหมายมากกว่าแค่คำเตือนเรื่องสภาพอากาศ แต่มันคือกลไกอัตโนมัติที่สั่งให้เมืองทั้งเมืองเข้าสู่สภาวะ “ล็อกดาวน์” เพื่อความปลอดภัย สัญญาณนี้จะถูกประกาศเมื่อมีพายุที่มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 63-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อฮ่องกง

ชีวิตในเมืองที่หยุดนิ่ง

ผลกระทบจากการประกาศสัญญาณเตือนภัยระดับ 8 เกิดขึ้นในวงกว้างและทันที

• การคมนาคม บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ เช่น รถโดยสารและเรือเฟอร์รี่ส่วนใหญ่ หยุดให้บริการ ขณะที่รถไฟใต้ดิน (MTR) ยังคงให้บริการในบางเส้นทางใต้ดินด้วยความถี่ที่ลดลง
• ธุรกิจและราชการ พนักงานบริษัทเอกชนและข้าราชการ (ที่ไม่ใช่หน่วยงานจำเป็น) ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านทันทีที่สัญญาณเตือนภัยถูกคาดการณ์ว่าจะประกาศ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าปิดทำการ
• การบิน ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (HKIA) ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ต้องเผชิญกับสถานการณ์ เที่ยวบินฮ่องกงยกเลิกเพราะพายุ หลายร้อยเที่ยวบิน ส่งผลกระทบต่อนักเดินทางหลายหมื่นคน
• ตลาดการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) และตลาดอนุพันธ์ หยุดการซื้อขายตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบที่วางไว้

ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อตลาดหลักทรัพย์ต้องมืดลง

การหยุดชะงักของฮ่องกงแม้เพียงหนึ่งวัน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ผลกระทบพายุต่อตลาดหุ้นฮ่องกง นั้นชัดเจนที่สุด การระงับการซื้อขายหมายถึงมูลค่าการซื้อขายหลายแสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงที่หายไปจากระบบ และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องดังนี้

• การระดมทุน (IPOs) บริษัทที่วางแผนจะเปิดตัวซื้อขายหุ้นครั้งแรกในตลาด (IPO) อาจต้องเลื่อนกำหนดการออกไป สร้างความไม่แน่นอนให้กับแผนการลงทุน
• ธุรกรรมระหว่างประเทศ ฮ่องกงเป็นประตูสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับตลาดโลก การหยุดชะงักของระบบธนาคารและการเงินส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ธุรกรรมทั่วโลก
• ความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้ว่าการปิดตลาดเนื่องจากพายุจะเป็นเรื่องปกติ แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงจับตามองความสามารถในการฟื้นตัวของเมืองหลังพายุผ่านไป ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความยืดหยุ่น (resilience) ของศูนย์กลางการเงินแห่งนี้

นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ประเมินว่า การปิดเมืองหนึ่งวันเต็มอาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงและโดยอ้อมคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

บทเรียนจากอดีต เทคโนโลยีและความพร้อมที่เพิ่มขึ้นหลังไต้ฝุ่น ‘มังคุด’

ฮ่องกงมีประสบการณ์ในการรับมือกับพายุไต้ฝุ่นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะบทเรียนราคาแพงจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น “มังคุด” ในปี 2018 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักและเผยให้เห็นจุดอ่อนหลายประการ ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องยกระดับมาตรการรับมืออย่างมีนัยสำคัญ

• เทคโนโลยีการพยากรณ์ หอสังเกตการณ์ฮ่องกง (HKO) ได้นำซูเปอร์คอมพิวเตอร์และแบบจำลองสภาพอากาศปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์เส้นทางและความรุนแรงของพายุ ทำให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้ล่วงหน้านานขึ้น
• โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น มีการปรับปรุงการออกแบบอาคารให้ทนทานต่อแรงลมมากขึ้น รวมถึงการสร้างแนวป้องกันคลื่นและระบบระบายน้ำเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge)
• ระบบแจ้งเตือนภัยสาธารณะ รัฐบาลได้พัฒนาระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่สำคัญและเร่งด่วนสามารถเข้าถึงประชาชนทุกคนได้อย่างรวดเร็ว

“เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต และวันนี้เรามีความพร้อมที่ดีกว่าเดิมมาก ทุกหน่วยงานทำงานประสานกันอย่างเต็มที่เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้น้อยที่สุด” นายจอห์น ลี (John Lee) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง กล่าวในแถลงการณ์

การตอบสนองของภาครัฐและประชาชน

ภาพที่คุ้นตาในฮ่องกงก่อนที่พายุจะมาถึงคือ ประชาชนตามซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อกักตุนอาหารและน้ำดื่ม และการนำเทปมาติดกระจกหน้าต่างเป็นรูปกากบาทเพื่อป้องกันไม่ให้เศษกระจกแตกกระจายหากถูกลมพัดกระแทกอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายร้อยแห่งทั่วเกาะเพื่อรองรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย

คำถามที่หลายคนสงสัย สัญญาณเตือนภัยไต้ฝุ่นฮ่องกงหมายถึงอะไร? ระบบนี้เป็นมาตรวัดความเสี่ยงที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ระดับ 1 (เตรียมพร้อม), ระดับ 3 (ลมแรง), ไปจนถึงระดับ 8, 9 และ 10 ซึ่งหมายถึงลมพายุระดับเฮอร์ริเคน ซึ่งทุกคนเข้าใจตรงกันว่าต้องอยู่ในที่ปลอดภัย

มุมมองเสริม ผลกระทบต่อภูมิภาคและเส้นทางการบิน

พายุไต้ฝุ่นฮ่องกงล่าสุด อย่าง “ตาปะฮ์” ไม่เพียงส่งผลกระทบเฉพาะในฮ่องกง แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากที่ฮ่องกงส่งผลกระทบต่อตารางการบินในกรุงเทพฯ สิงคโปร์ และกรุงมะนิลา ทำให้เกิดภาวะผู้โดยสารตกค้าง นอกจากนี้ เส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าในทะเลจีนใต้ยังต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงพายุ ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบสินค้าเล็กน้อย

บทสรุป การทดสอบความยืดหยุ่นในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ พายุตาปะฮ์ กำลังพัดผ่าน ฮ่องกงได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงความสามารถในการเตรียมความพร้อมและตอบสนองต่อภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังว่า แม้แต่เมืองที่ทันสมัยและมั่งคั่งที่สุดก็ยังคงเปราะบางต่อพลังของธรรมชาติที่คาดเดายากขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความท้าทายที่แท้จริงของฮ่องกงจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากพายุสงบลง นั่นคือความเร็วในการฟื้นฟูเมือง เปิดระบบเศรษฐกิจให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ และซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์สุดท้ายถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นที่ทำให้ฮ่องกงยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดของโลกได้จนถึงทุกวันนี้

แหล่งที่มาจาก :  am2con