ณ กรุงโตเกียว – การเมืองญี่ปุ่นเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ได้ประกาศการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งวุฒิสภาที่น่าผิดหวัง ประกอบกับคะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะจุดชนวนให้เกิดการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ภายในพรรค LDP เท่านั้น แต่ยังสร้างภาวะสุญญากาศทางการเมืองขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนทั้งด้านเศรษฐกิจที่เปราะบางและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ฟางเส้นสุดท้าย จากคะแนนนิยมตกต่ำสู่ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง
การประกาศ นายกฯ ญี่ปุ่นลาออก ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลลัพธ์ที่สั่งสมมาจากแรงกดดันหลายระลอกตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าพรรค LDP และพรรคร่วมรัฐบาลจะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาไดเอท แต่การสูญเสียที่นั่งสำคัญในการเลือกตั้งวุฒิสภาครั้งล่าสุดได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของนายกฯ คิชิดะ
ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจ
ปัจจัยหลายอย่างได้กัดเซาะความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อรัฐบาลของนายคิชิดะ จนนำมาสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้
- ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง แม้ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ประชาชนทั่วไปยังคงเผชิญกับภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง นโยบาย “ทุนนิยมใหม่” (New Capitalism) ของนายคิชิดะที่มุ่งเน้นการกระจายความมั่งคั่ง ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่
- ข่าวฉาวทางการเมือง กรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการระดมทุนของกลุ่มการเมืองภายในพรรค LDP ที่ไม่โปร่งใส ซึ่งสั่นคลอนภาพลักษณ์ของพรรคอย่างรุนแรง ได้ทำลายคะแนนนิยมของนายคิชิดะลงอย่างมีนัยสำคัญ
- การขาดภาวะผู้นำที่เด็ดขาด นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า นายคิชิดะมีภาพลักษณ์ของ “ผู้ประสานงาน” มากกว่า “ผู้นำที่เด็ดขาด” ทำให้เขาถูกวิจารณ์ว่าขาดความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและชัดเจนในประเด็นสำคัญต่างๆ
- ผลการเลือกตั้ง การพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งระดับชาติถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองของญี่ปุ่นที่ผู้นำพรรคมักจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อเปิดทางให้ผู้นำคนใหม่เข้ามาฟื้นฟูความเชื่อมั่นของพรรคก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป
“ผมได้ตัดสินใจที่จะถอยออกมา เพื่อให้พรรค LDP สามารถเดินไปข้างหน้าภายใต้ผู้นำคนใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกครั้ง” นายคิชิดะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นระหว่างการแถลงข่าว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดยุคของเขาอย่างเป็นทางการ
ผลกระทบระลอกใหม่ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น อนาคต ‘ทุนนิยมใหม่’ บนทางแยก
การลาออกของนายคิชิดะสร้างความไม่แน่นอนครั้งใหม่ให้กับ เศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสามของโลก นักลงทุนและตลาดการเงินต่างจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และทิศทางนโยบายเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ
- นโยบายการเงิน ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไปหรือไม่? ผู้นำคนใหม่อาจมีมุมมองที่แตกต่างออกไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินเยนและตลาดพันธบัตร
- นโยบายการคลัง รัฐบาลใหม่จะยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ต่อไปหรือไม่ ท่ามกลางหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ภาวะสุญญากาศทางการเมืองอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของนโยบาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น
สำหรับประชาชนทั่วไป ความไม่แน่นอนนี้อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับค่าจ้าง สวัสดิการสังคม และมาตรการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคนกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป เมื่อพันธมิตรของสหรัฐฯ ในเอเชียเกิดความไม่แน่นอน
ในมิติของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงผู้นำในญี่ปุ่นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายคิชิดะได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มงบประมาณกลาโหมครั้งประวัติศาสตร์ และการกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในกลุ่ม Quad (สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อินเดีย) เพื่อคานอำนาจของจีน
การลาออกของเขาทำให้เกิดคำถามว่า เสถียรภาพการเมืองญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร และผู้นำคนใหม่จะยังคงสานต่อนโยบายเหล่านี้หรือไม่
- นโยบายต่อจีน ผู้นำคนใหม่อาจมีท่าทีที่ประนีประนอมหรือแข็งกร้าวต่อจีนแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งจะส่งผลต่อสมดุลอำนาจในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้
- การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความฝันของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในการแก้ไขมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญ (ซึ่งห้ามญี่ปุ่นใช้สงครามเป็นเครื่องมือ) อาจต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว เนื่องจากต้องอาศัยเสถียรภาพทางการเมืองอย่างสูงในการผลักดัน
- ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกาจะต้องจับตาดูผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางของพันธมิตรที่สำคัญที่สุดในเอเชีย
การแข่งขันภายในพรรค LDP ใครคือผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป?
ทันทีที่การลาออกถูกประกาศขึ้น การต่อสู้ภายในกลุ่มก๊ก (Faction) ต่างๆ ของพรรค LDP ก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันที การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ซึ่งจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างบุคคลสำคัญหลายคนที่มีแนวคิดและฐานเสียงสนับสนุนแตกต่างกันไป
บุคคลที่ถูกจับตามองในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่ง
- ทาโร โคโนะ (Taro Kono) นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีฐานเสียงจากประชาชนสูง แต่ต้องเผชิญแรงต้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมในพรรค
- ชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ผู้มีประสบการณ์สูงและได้รับการยอมรับในด้านความมั่นคง แต่มีฐานเสียงในพรรคไม่มากนัก
- ซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) ตัวแทนสายเหยี่ยวและเป็นคนสนิทของอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนโยบายที่แข็งกร้าวต่อจีน
- โยชิมาสะ ฮายาชิ (Yoshimasa Hayashi) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ถูกมองว่าเป็นสายกลางและอาจได้รับการสนับสนุนจากหลายกลุ่มก๊กในฐานะผู้สมัครประนีประนอม
คำถามที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไป? คำตอบของคำถามนี้จะกำหนดทิศทางของญี่ปุ่นไปอีกหลายปีข้างหน้า
มุมมองเสริม ผลกระทบต่อไทยและอาเซียน
ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่และคู่ค้าสำคัญของภูมิภาคอาเซียน เสถียรภาพทางการเมืองของญี่ปุ่นส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทยและประเทศอื่นๆ การเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจส่งผลกระทบต่อ
- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) บริษัทญี่ปุ่นอาจชะลอการตัดสินใจลงทุนโครงการใหม่ๆ เพื่อรอดูความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจ
- ความตกลงทางการค้า การผลักดันความตกลงทางการค้า เช่น CPTPP อาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
- ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (ODA) ญี่ปุ่นเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดของภูมิภาค นโยบายของรัฐบาลใหม่ต่อ ODA จะเป็นที่น่าจับตามอง
บทสรุป ญี่ปุ่นบนทางแพร่งแห่งความไม่แน่นอน
การประกาศลาออกของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ได้ผลักให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนอีกครั้ง การตัดสินใจครั้งนี้เป็นบทสรุปของแรงกดดันทางการเมืองที่สั่งสมมานาน และเป็นการเปิดฉากการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจครั้งใหม่ภายในพรรค LDP
ผู้นำคนต่อไปของญี่ปุ่นจะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชน นำพาเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะซบเซา และกำหนดทิศทางของประเทศท่ามกลางภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โลกกำลังจับตามองว่า ใครจะก้าวขึ้นมานำพาชาติมหาอำนาจแห่งเอเชียชาติTนี้ฝ่าฟันความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า
แหล่งที่มาจาก : am2con