ท่ามกลางวิกฤตมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องในฉนวนกาซา รัฐบาลอียิปต์ได้ประกาศจุดยืนที่แข็งกร้าวและไม่เปลี่ยนแปลง: จุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อเดียวระหว่างกาซากับโลกภายนอกที่ไม่ได้ควบคุมโดยอิสราเอล จะไม่ถูกใช้เป็นประตูสำหรับการอพยพหรือการพลัดถิ่นของชาวปาเลสไตน์โดยเด็ดขาด ท่าทีดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจด้านความมั่นคงของชาติ แต่ยังสะท้อนถึงเดิมพันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับการดำรงอยู่ของ “ประเด็นปัญหาปาเลสไตน์” (Palestinian Cause) และเสถียรภาพของภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งหมด บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของอียิปต์ ผลกระทบที่เกิดขึ้น และมุมมองจากนานาชาติที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
ท่าทีที่แน่วแน่ของอียิปต์ มากกว่าแค่เรื่องความมั่นคง
การปฏิเสธของอียิปต์ที่จะเปิดรับผู้อพยพชาวปาเลสไตน์จำนวนมหาศาลผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์นั้น มีรากฐานมาจากเหตุผลหลายมิติที่นอกเหนือไปจากความกังวลด้านความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี ได้ย้ำหลายครั้งว่า การผลักดันให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของตนเองเข้าไปยังคาบสมุทรไซนายของอียิปต์นั้น เทียบเท่ากับ “การลบล้างประเด็นปัญหาปาเลสไตน์” ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อียิปต์และโลกอาหรับส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้
การปกป้อง ‘ประเด็นปัญหาปาเลสไตน์’ (The Palestinian Cause)
ในมุมมองของไคโร การพลัดถิ่นครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา จะเป็นการซ้ำรอยเหตุการณ์ “นักบา” (Nakba) หรือ “มหาวิบัติ” ในปี 1948 ที่ชาวปาเลสไตน์กว่า 750,000 คนต้องพลัดถิ่นระหว่างการก่อตั้งรัฐอิสราเอล ผู้นำอียิปต์และจอร์แดนต่างแสดงความกังวลว่า หากเกิดการอพยพครั้งใหญ่อีกครั้ง จะไม่มีการรับประกันว่าชาวปาเลสไตน์จะได้กลับไปยังบ้านเกิดของตนเองอีก ซึ่งจะทำลายความเป็นไปได้ของการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ในอนาคตตามแนวทางสองรัฐ (Two-State Solution) ที่ประชาคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่สนับสนุน
- การปฏิเสธการตั้งถิ่นฐานใหม่ อียิปต์มองว่าการยอมรับผู้อพยพจำนวนมากจะเป็นการยอมรับโดยพฤตินัยต่อการที่อิสราเอลจะเข้าควบคุมฉนวนกาซาอย่างถาวร และเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบด้านมนุษยธรรมให้แก่อียิปต์แต่เพียงผู้เดียว
- จุดยืนร่วมของโลกอาหรับ ท่าทีนี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศอาหรับสำคัญอื่นๆ เช่น จอร์แดน ซึ่งกังวลต่อสถานการณ์ที่คล้ายกันอาจเกิดขึ้นในเขตเวสต์แบงก์
ภัยคุกคามต่อความมั่นคงในคาบสมุทรไซนาย
คาบสมุทรไซนายเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวทางยุทธศาสตร์สำหรับอียิปต์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กองทัพอียิปต์ได้ต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่อย่างหนักหน่วง การเปิดรับผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลจากกาซา ซึ่งอาจมีสมาชิกกลุ่มฮามาสหรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ปะปนเข้ามา ถือเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่ยอมรับไม่ได้
“เราได้ต่อสู้กับการก่อการร้ายในไซนายมาเป็นเวลา 10 ปี เราจะไม่ยอมให้ไซนายกลายเป็นฐานที่มั่นแห่งใหม่ของการก่อการร้าย” ประธานาธิบดีซีซีกล่าวในแถลงการณ์ล่าสุด ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลอย่างยิ่งยวดของรัฐบาล
จุดผ่านแดนราฟาห์ เส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต ไม่ใช่ประตูสู่การพลัดถิ่น
แม้จะปฏิเสธการอพยพ แต่รัฐบาลอียิปต์ยืนยันว่าจุดผ่านแดนราฟาห์ยังคงเปิดทำการเพื่อวัตถุประสงค์หลักเพียงประการเดียว นั่นคือ การเป็นช่องทางสำหรับ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้เข้าไปยังฉนวนกาซา และการอพยพผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัสในจำนวนจำกัดออกมาเพื่อรับการรักษา
อย่างไรก็ตาม กระบวนการส่งมอบความช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้าและมีอุปสรรคอย่างมาก ตามรายงานของสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) และสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ (Palestine Red Crescent Society) ความต้องการขั้นพื้นฐานของประชากรกว่า 2.3 ล้านคนในกาซานั้นใหญ่หลวงเกินกว่าที่รถบรรทุกเพียงไม่กี่ร้อยคันต่อวันจะสามารถตอบสนองได้
ข้อมูลสถานการณ์ความช่วยเหลือ (อ้างอิงข้อมูลล่าสุด)
- ความต้องการ ประชาคมโลกประเมินว่า กาซาต้องการรถบรรทุกช่วยเหลืออย่างน้อย 500-600 คันต่อวันเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐาน
- ความเป็นจริง จำนวนรถบรรทุกที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์มักจะต่ำกว่า 200 คันต่อวันอย่างมาก เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดของฝ่ายอิสราเอล
- สิ่งที่ขาดแคลน เชื้อเพลิง, น้ำสะอาด, ยาและเวชภัณฑ์, และอาหารยังคงเป็นสิ่งที่ขาดแคลนอย่างหนัก ส่งผลให้โรงพยาบาลและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานใกล้จะล่มสลาย
มุมมองจากนานาชาติ แรงกดดันและความเข้าใจ
ท่าทีของอียิปต์สร้างสมการที่ซับซ้อนบนเวทีโลก สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกบางส่วน แม้จะเข้าใจถึงความกังวลของอียิปต์ แต่ก็ยังคงเรียกร้องให้มีการดำเนินการมากขึ้นเพื่อปกป้องพลเรือน ในขณะที่อิสราเอลยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารโดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายกลุ่มฮามาส
- สหรัฐอเมริกา พยายามดำเนินนโยบายทางการทูตที่สมดุล โดยสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้มีการเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและหลีกเลี่ยงการพลัดถิ่นของพลเรือน
- สหประชาชาติ เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้เรียกร้องหลายครั้งให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม และเตือนว่าการผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
- อิสราเอล ยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารมีความจำเป็น และกล่าวหาว่ากลุ่มฮามาสใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งทำให้การหลีกเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือนเป็นไปได้ยาก
ผลกระทบต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
การตัดสินใจของอียิปต์ แม้จะมีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์รองรับ แต่ก็ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ “ติดกับ” อย่างแท้จริง โดยไม่มีทางออกที่ปลอดภัยจากพื้นที่ขัดแย้ง ขณะที่การโจมตียังคงดำเนินต่อไปและวิกฤตมนุษยธรรมทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ผู้คนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่น ภายใน ฉนวนกาซาเอง โดยต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวของ UNRWA ที่แออัดยัดเยียดและขาดแคลนทุกสิ่ง
คำถามหางยาวที่หลายคนสงสัย ทำไมอียิปต์ไม่เปิดรับผู้อพยพปาเลสไตน์? คำตอบที่ชัดเจนที่สุดจากไคโรคือ การทำเช่นนั้นจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดในการทำลายความหวังของชาติปาเลสไตน์ และจะก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงที่ควบคุมไม่ได้ภายในพรมแดนของตนเอง
มุมมองเสริม ผลกระทบต่อเสถียรภาพภูมิภาคและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและท่าทีที่แข็งกร้าวของอียิปต์ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้ความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและโลกอาหรับต้องหยุดชะงัก สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ผลกระทบอาจไม่ปรากฏโดยตรงในทันที แต่ความไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลางอาจส่งผลกระทบทางอ้อมผ่าน
- ราคาพลังงาน ความตึงเครียดในตะวันออกกลางมักส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวน
- ความสัมพันธ์ทางการทูต ประเทศในอาเซียนต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสมดุลความสัมพันธ์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
บทสรุป เส้นตายที่ราฟาห์และอนาคตที่ไม่แน่นอน
จุดยืนของอียิปต์เกี่ยวกับ จุดผ่านแดนราฟาห์ ได้ขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ในฉนวนกาซา โดยเปลี่ยนสมการจาก “ทางออกสำหรับผู้อพยพ” ไปสู่ “เส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต” ท่าทีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหา ที่ซึ่งประเด็นด้านมนุษยธรรม ความมั่นคงของชาติ และอนาคตทางการเมืองของชาวปาเลสไตน์ถูกผูกโยงเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก
ตราบใดที่ยังไม่มีการหยุดยิงอย่างถาวรและไม่มีแนวทางแก้ไขทางการเมืองที่ชัดเจน จุดผ่านแดนราฟาห์จะยังคงเป็นสัญลักษณ์ของทางตัน ที่ด้านหนึ่งคือความทุกข์ยากของชาวปาเลสไตน์ และอีกด้านหนึ่งคือเส้นตายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อียิปต์ไม่พร้อมที่จะข้ามผ่าน ซึ่งจะส่งผลให้ สถานการณ์ล่าสุดในฉนวนกาซา ยังคงเปราะบางและน่ากังวลต่อไปในสายตาของประชาคมโลก
แหล่งที่มาจาก : am2con