สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ออกประกาศเตือน คนไทยในญี่ปุ่น ให้เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด หลังกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) แจ้งเตือนการเคลื่อนตัวของ ไต้ฝุ่น Peipah (ไป่ปา) ซึ่งเป็นพายุที่มีความรุนแรงระดับ “รุนแรงมาก” (Very Strong) มุ่งหน้าสู่หมู่เกาะทางตอนใต้ของประเทศ การมาถึงของพายุลูกนี้ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ต้องจับตา แต่ยังเป็นบททดสอบครั้งสำคัญต่อระบบเตือนภัยและโครงสร้างพื้นฐานด้านการรับมือภัยพิบัติที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกของญี่ปุ่น ท่ามกลางบริบทของวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทำให้พายุมีความรุนแรงและคาดเดายากขึ้น สะท้อนถึงความท้าทายด้านมนุษยธรรมและการปรับตัวของสังคมยุคใหม่
อัปเดตเส้นทางและความรุนแรงของไต้ฝุ่น Peipah
ณ วันที่ 6 กันยายน 2025 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้รายงานข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับไต้ฝุ่น Peipah ว่าเป็นพายุที่มีศักยภาพสร้างความเสียหายในวงกว้าง โดยมีรายละเอียดที่น่าจับตา ดังนี้
- ระดับความรุนแรง ปัจจุบันจัดอยู่ในระดับ “รุนแรงมาก” (Very Strong)
- ความเร็วลม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- เส้นทางที่คาดการณ์ พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้หมู่เกาะริวกิว ซึ่งรวมถึงจังหวัด โอกินาว่า เป็นพื้นที่แรกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะเบี่ยงทิศขึ้นเหนือและส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกาะ คิวชู และชิโกกุ ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งรวมถึงกรุง โตเกียว ในรูปแบบของฝนตกหนักและลมกระโชกแรง
- คำเตือนภัย JMA ได้ออก เตือนภัยไต้ฝุ่น ในระดับสูง โดยคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกรวมมากกว่า 300 มิลลิเมตรในบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม และคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge) ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
สายการบินหลักของญี่ปุ่น เช่น Japan Airlines (JAL) และ All Nippon Airways (ANA) ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวที่เข้าและออกจากสนามบินในโอกินาว่าและคิวชูแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบสถานะเที่ยวบินอย่างใกล้ชิด
ญี่ปุ่นเตรียมพร้อม บททดสอบระบบรับมือภัยพิบัติระดับโลก
การเผชิญหน้ากับ พายุไต้ฝุ่นในญี่ปุ่น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่สิ่งที่ทำให้การรับมือของญี่ปุ่นแตกต่างและได้รับการยอมรับในระดับโลก คือระบบการจัดการภัยพิบัติแบบบูรณาการที่ทั้งซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง การมาถึงของไต้ฝุ่น Peipah จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เห็นการทำงานของระบบเหล่านี้อย่างเต็มรูปแบบ
จาก J-Alert ถึงศูนย์พักพิง เทคโนโลยีและกลไกช่วยชีวิต
ระบบของญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงการพยากรณ์อากาศ แต่เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน
- ระบบ J-Alert เป็นระบบเตือนภัยฉุกเฉินผ่านดาวเทียมที่จะส่งสัญญาณเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องในพื้นที่เสี่ยง, สถานีโทรทัศน์, วิทยุ และหอกระจายข่าวในชุมชนโดยอัตโนมัติ ข้อความจะระบุถึงระดับอันตรายและให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว เช่น “อพยพทันที”
- แอปพลิเคชันเตือนภัย มีแอปพลิเคชันหลายตัว เช่น “Safety Tips” ที่รัฐบาลญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งให้ข้อมูลเตือนภัยเป็นหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย
- โครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรม ญี่ปุ่นได้ลงทุนมหาศาลในการสร้างกำแพงกันคลื่น, ประตูระบายน้ำอัตโนมัติ, และอุโมงค์ผันน้ำใต้ดินขนาดมหึมา เช่น G-Cans Outer Underground Discharge Channel ในเขตปริมณฑลของโตเกียว เพื่อป้องกันน้ำท่วม
- การซ้อมอพยพและศูนย์พักพิง ชุมชนต่าง ๆ มีการจัดซ้อมอพยพเป็นประจำ และมีการกำหนดสถานที่ราชการ เช่น โรงเรียนและศูนย์กีฬา ให้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวที่พร้อมเปิดใช้งานได้ทันที
“ระบบของเราถูกออกแบบมาเพื่อซื้อเวลาและให้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดแก่ประชาชนในการตัดสินใจ” เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะรัฐมนตรีด้านการจัดการภัยพิบัติของญี่ปุ่นกล่าว “เป้าหมายของเราคือการลดการสูญเสียชีวิตให้เป็นศูนย์ (Zero Casualties) แม้จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดก็ตาม”
เสียงจาก “คนไทยในญี่ปุ่น” ความท้าทายและการเตรียมตัว
สำหรับชุมชน คนไทยในญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคน การรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติมีความท้าทายเพิ่มเติม โดยเฉพาะอุปสรรคด้านภาษาและการเข้าถึงข้อมูล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว จึงมีบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อกลาง
สถานทูตฯ ได้ออกประกาศผ่านช่องทาง Facebook และเว็บไซต์ โดยมี คำแนะนำด้านความปลอดภัย ที่สำคัญดังนี้
- ติดตามข่าวสารจากทางการญี่ปุ่น (JMA, NHK World) อย่างใกล้ชิด
- เตรียมเสบียงอาหาร น้ำดื่ม ยา และของใช้จำเป็นให้พร้อมอย่างน้อย 3 วัน
- ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์และอุปกรณ์สื่อสารให้เต็มอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น และงดการเดินทางไปยังพื้นที่ชายฝั่งหรือที่ลาดเชิงเขา
- หากทางการประกาศให้อพยพ ให้ปฏิบัติตามโดยทันที
- แจ้งข้อมูลติดต่อและที่อยู่ของตนเองให้เพื่อนหรือครอบครัวทราบ
คุณสมศรี (นามสมมติ) คนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองฟุกุโอกะ บนเกาะคิวชู กล่าวว่า “พอเห็นข่าวจากสถานทูตฯ ก็รีบไปซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อของมาตุนเลยค่ะ ที่นี่เขาเตือนภัยกันจริงจังมาก เราเองก็ต้องเตรียมตัวตามเขา ที่น่ากังวลคือถ้าไฟดับนาน ๆ จะลำบาก แต่เพื่อนบ้านชาวญี่ปุ่นก็น่ารัก คอยถามไถ่และให้คำแนะนำตลอด”
พายุหมุนที่รุนแรงขึ้น รอยนิ้วมือของภาวะโลกร้อน
นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ภาวะโลกร้อน กำลังทำให้พายุไต้ฝุ่นและเฮอริเคนทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นเปรียบเสมือน “เชื้อเพลิง” ที่เติมพลังให้กับพายุ ทำให้มันสามารถก่อตัวได้เร็วขึ้นและทวีกำลังแรงขึ้นจนถึงระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นได้บ่อยครั้งขึ้น
ดร. อากิระ ยามาโมโตะ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งโตเกียว ให้ความเห็นว่า “เราไม่สามารถบอกได้ว่าไต้ฝุ่น Peipah เกิดขึ้นเพราะภาวะโลกร้อนโดยตรง แต่เราบอกได้ว่าภาวะโลกร้อนได้สร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้พายุแบบนี้มีความรุนแรงกว่าที่มันควรจะเป็น นี่คือ ‘ความปกติใหม่’ (New Normal) ที่เราต้องปรับตัวและเตรียมรับมือ”
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่คาดการณ์
นอกเหนือจากอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ไต้ฝุ่น Peipah ยังมีแนวโน้มที่จะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
- การคมนาคม การหยุดชะงักของรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นและเที่ยวบินภายในประเทศจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการท่องเที่ยว
- ห่วงโซ่อุปทาน เกาะคิวชูเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่ง การหยุดดำเนินการชั่วคราวอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานได้
- ภาคเกษตรกรรม พื้นที่การเกษตรในภาคใต้อาจได้รับความเสียหายจากลมแรงและน้ำท่วม
คู่มือเอาตัวรอด คำแนะนำด้านความปลอดภัยที่ต้องรู้
สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง นี่คือคำแนะนำเพิ่มเติมในการเตรียมตัว
- ตรวจสอบและยึดวัตถุภายนอกอาคาร เก็บกระถางต้นไม้ ราวตากผ้า หรือสิ่งของที่อาจปลิวไปกับลมได้
- เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน ในกระเป๋าควรมีไฟฉาย, วิทยุพกพา, แบตเตอรี่สำรอง, น้ำดื่ม, อาหารแห้ง, ชุดปฐมพยาบาล, และสำเนาเอกสารสำคัญ
- รู้เส้นทางอพยพ ตรวจสอบแผนที่และเส้นทางไปยังศูนย์พักพิงที่ใกล้ที่สุด
- ติดตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ รับข่าวสารจาก JMA, NHK, หรือหน่วยงานท้องถิ่นเท่านั้น
บทสรุป ความท้าทายร่วมกันในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง
การมาถึงของไต้ฝุ่น Peipah เป็นเครื่องเตือนใจอีกครั้งถึงพลังของธรรมชาติที่น่าเกรงขาม ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ทั้งหมดที่มีเพื่อเผชิญหน้ากับพายุลูกนี้ ภาพที่เกิดขึ้นคือตัวอย่างและบทเรียนสำคัญสำหรับทุกประเทศทั่วโลกในการปรับตัวและสร้างความยืดหยุ่น (Resilience) เพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้นจากผลพวงของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ สำหรับคนไทยในญี่ปุ่น การปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัดคือหนทางที่ดีที่สุดในการผ่านพ้นสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
แหล่งที่มาจาก : am2con