จังหวัดเฮรัต, อัฟกานิสถาน – แผ่นดินที่เคยเป็นบ้านและไร่นาของชาวอัฟกันในจังหวัดเฮรัต บัดนี้เหลือเพียงกองอิฐและฝุ่นดินที่กลบฝังชีวิตนับพันไว้เบื้องล่าง โศกนาฏกรรมจากเหตุ แผ่นดินไหวอัฟกานิสถาน ขนาด 6.3 แมกนิจูด ไม่เพียงสร้างรอยแยกบนพื้นโลก แต่ยังเผยให้เห็นรอยร้าวลึกของประชาคมโลก ในขณะที่เสียงเรียกร้อง ความช่วยเหลืออัฟกานิสถาน ดังก้องไปทั่ว รวมถึงคำมั่นสัญญาจาก สหราชอาณาจักร แต่เบื้องหลังธารน้ำใจนั้นคือความท้าทายที่ใหญ่หลวงกว่า จะทำอย่างไรให้ความช่วยเหลือนี้ไปถึงมือ ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ที่แท้จริง ท่ามกลางภูเขาแห่งซากปรักหักพังและกำแพงทางการเมืองที่มองไม่เห็นของ รัฐบาลทาลิบัน
นี่คือบททดสอบด้านมนุษยธรรมครั้งสำคัญ ที่โลกต้องเลือกระหว่างการยึดมั่นในหลักการทางการเมืองกับการช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ ชะตากรรมของชาวอัฟกันที่รอดชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความซับซ้อนนี้
แผ่นดินไหวอัฟกานิสถาน โศกนาฏกรรมในเฮรัต ขนาดความเสียหายและเสียงจากผู้ประสบภัย
เช้าวันที่ 31 สิงหาคม 2025 ได้กลายเป็นวันที่โลกไม่ลืมสำหรับชาวบ้านในหลายสิบหมู่บ้านทั่ว จังหวัดเฮรัต แผ่นดินไหวรุนแรงที่ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอกได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปในพริบตา “ทุกอย่างพังลงมาในไม่กี่วินาที” อับดุล คาดีร์ ชาวบ้านจากหมู่บ้านซินดา จาน ที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป 12 คนเล่าทั้งน้ำตา “เราขุดด้วยมือเปล่า พยายามดึงคนที่เรารักออกมา แต่ส่วนใหญ่ก็สายเกินไป ตอนนี้เราไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีบ้าน ไม่มีอาหาร ไม่มีอนาคต”
รายงานจาก สหประชาชาติ (UN) และองค์กรพันธมิตรในพื้นที่วาดภาพความเสียหายที่น่าสะพรึงกลัว
- ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 2,500 ราย และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายพันราย เนื่องจากทีมกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลได้ทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บอีกนับหมื่นคน
- ความเสียหายต่อบ้านเรือน บ้านเรือนที่สร้างจากดินเหนียวและไม้ ซึ่งเป็นโครงสร้างส่วนใหญ่ในชนบท ได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง คาดว่ามีประชาชนกว่าแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
- โครงสร้างพื้นฐาน โรงพยาบาลและคลินิกในพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ระบบประปาและไฟฟ้าถูกตัดขาด ถนนหลายสายถูกดินถล่มปิดทับ ทำให้การเข้าถึงพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง
เสียงจากลอนดอน สหราชอาณาจักรและนานาชาติยื่นมือเข้าช่วย
ท่ามกลางข่าวร้ายที่หลั่งไหลออกมา ประชาคมโลกได้เริ่มตอบสนองอย่างรวดเร็ว อังกฤษช่วยอัฟกานิสถาน ด้วยการประกาศมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเบื้องต้น 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 450 ล้านบาท) ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เครือจักรภพ และการพัฒนา (FCDO)
รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรแถลงการณ์ว่า “เงินทุนก้อนนี้จะถูกส่งมอบผ่านพันธมิตรที่เชื่อถือได้อย่าง UN และ องค์กรนอกภาครัฐ (NGOs) เพื่อจัดหาที่พักพิงฉุกเฉิน, น้ำดื่มสะอาด, อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาหารให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เราขอย้ำว่าความช่วยเหลือนี้มีไว้สำหรับประชาชนชาวอัฟกัน และเรามีกลไกที่เข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือจะไปถึงพวกเขาโดยตรง”
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ที่ต่างทยอยประกาศให้คำมั่นสัญญาในการมอบความช่วยเหลือ แต่คำถามสำคัญที่ทุกคนต่างกังวลคือ ความช่วยเหลือจะถึงมือผู้ประสบภัยได้อย่างไร
ความท้าทายที่ใหญ่กว่าภัยพิบัติ การส่งมอบความช่วยเหลือผ่านรัฐบาลทาลิบัน
นี่คือปมปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดของวิกฤตครั้งนี้ นับตั้งแต่กลุ่มทาลิบันกลับมายึดอำนาจในปี 2021 รัฐบาลของพวกเขายังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมถึงสหราชอาณาจักร การให้ความช่วยเหลือจึงต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ
- การขาดช่องทางการทูตโดยตรง รัฐบาลตะวันตกไม่สามารถประสานงานกับรัฐบาลทาลิบันโดยตรงได้ ทำให้ต้องพึ่งพาคนกลางอย่าง UN ซึ่งเพิ่มขั้นตอนและความล่าช้า
- ความกังวลเรื่องการแทรกแซง มีความกังวลว่ากลุ่มทาลิบันอาจแทรกแซงการแจกจ่ายความช่วยเหลือ เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือแจกจ่ายให้เฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนของตน
- ข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ รัฐบาลทาลิบันมีขีดความสามารถและเครื่องมือที่จำกัดอย่างมากในการจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่ ทีมกู้ภัยของพวกเขาขาดแคลนอุปกรณ์หนัก และระบบราชการก็ไม่มีประสิทธิภาพ
- การคว่ำบาตร แม้มาตรการคว่ำบาตรส่วนใหญ่จะมีข้อยกเว้นด้านมนุษยธรรม แต่สถาบันการเงินหลายแห่งยังคงลังเลที่จะทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งเงินทุนสนับสนุน
“เราทำงานกับใครก็ได้เพื่อช่วยชีวิต” กลยุทธ์ของ UN และ NGOs
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ องค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ทำงานในอัฟกานิสถานมานานหลายปี ได้กลายเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดในการส่งมอบความช่วยเหลือ พวกเขาดำเนินงานภายใต้หลักการความเป็นกลางและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
โฆษกของ UN OCHA (สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ) อธิบายว่า “ภารกิจของเราคือการช่วยชีวิต โดยไม่คำนึงถึงการเมือง เราต้องทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงผู้ประสบภัยได้ เรามีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ทาลิบันในระดับท้องถิ่นเพื่อขอหลักประกันด้านความปลอดภัยและเปิดเส้นทางลำเลียง มันเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและต้องสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน”
กลยุทธ์นี้คือความหวังเดียวของผู้ประสบภัยหลายแสนคน ที่ไม่สามารถรอให้เกมการเมืองระหว่างประเทศคลี่คลายได้
บทสรุป ภัยพิบัติที่ทดสอบความเป็นมนุษย์
ผลกระทบจากแผ่นดินไหวในอัฟกานิสถาน เป็นมากกว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนที่พังทลาย มันคือภาพสะท้อนของประเทศที่ถูกโลกทอดทิ้งให้เผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิกฤตเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ทำให้ประเทศนี้เปราะบางเกินกว่าจะรับมือกับภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ได้ด้วยตัวเอง
แม้ธารน้ำใจจากนานาชาติ รวมถึง อังกฤษช่วยอัฟกานิสถาน ในครั้งนี้ จะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่แสงนั้นจะส่องไปถึงผู้คนที่ติดอยู่ในความมืดมิดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถของประชาคมโลกในการก้าวข้ามเส้นแบ่งทางการเมือง เพื่อยึดมั่นในหลักการพื้นฐานที่สุด นั่นคือ “มนุษยธรรม” โศกนาฏกรรมครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญว่า ในยามที่เพื่อนมนุษย์เดือดร้อน โลกจะเลือกอะไรระหว่างการเมืองกับชีวิตคน
แหล่งที่มาจาก : am2con