ไข้หวัดนก H5N1 เขย่ากรุงเดลี: สั่งปิดสวนสัตว์ไม่มีกำหนด สู่มาตรการคุมเข้ม-ไทยจับตา

ไข้หวัดนก สวนสัตว์เดลี

กรุงนิวเดลี, อินเดีย – สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกทวีความรุนแรงขึ้นในเมืองหลวงของอินเดีย หลังสวนสัตว์แห่งชาติเดลี (National Zoological Park, Delhi) ถูกสั่งปิดอย่างไม่มีกำหนด จากการยืนยันการตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่มีความรุนแรงสูงในนกที่ตายแล้วหลายตัว การตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการปิดประตูสู่แหล่งเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสัตว์ครั้งใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองหลวง กระตุ้นให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและปศุสัตว์ต้องยกระดับการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบที่อาจลุกลามสู่คนและเศรษฐกิจ ขณะที่นานาชาติรวมถึงประเทศไทยเริ่มจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

Bird flu sweeps through zoos with 'grave implications' for endangered  animals | Bird flu | The Guardian

จากนกตัวแรกสู่การปิดเมืองหลวง ลำดับเหตุการณ์วิกฤตไข้หวัดนก

จุดเริ่มต้นของวิกฤตครั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2568 เมื่อเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เดลีได้พบซากนกกระเรียนหลังขาว (White-naped Crane) ซึ่งเป็นสัตว์หายาก ตายอย่างผิดปกติภายในกรงเลี้ยง จากนั้นไม่นาน ได้มีการพบซากนกฮูกสีน้ำตาล (Brown Fish Owl) และเป็ดอีกจำนวนหนึ่งตายในลักษณะคล้ายคลึงกันในพื้นที่บึงน้ำของสวนสัตว์ สร้างความกังวลใจให้แก่ทีมสัตวแพทย์และผู้บริหารเป็นอย่างยิ่ง

ลำดับเหตุการณ์สำคัญ

  • ช่วงวันที่ 15-20 สิงหาคม พบซากนกหลายชนิดตายในสวนสัตว์เดลี ทีมสัตวแพทย์ได้เก็บตัวอย่างส่งไปยังสถาบันวิจัยโรคสัตว์แห่งชาติ (National Institute of High Security Animal Diseases – NIHSAD) ในเมืองโภปาล เพื่อทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด
  • วันที่ 27 สิงหาคม ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าตัวอย่างจากซากนกทั้งหมดมีผลเป็นบวกต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 (Highly Pathogenic Avian Influenza – HPAI) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่สามารถก่อให้เกิดโรครุนแรงและอัตราการตายสูงในสัตว์ปีก และมีศักยภาพในการข้ามมาติดสู่คนได้
  • วันที่ 28 สิงหาคม กระทรวงสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอินเดีย ร่วมกับคณะผู้บริหารสวนสัตว์เดลี ได้ประกาศ “สั่งปิดสวนสัตว์แห่งชาติเดลีเป็นการชั่วคราว” โดยไม่มีกำหนดเปิดอย่างเป็นทางการ เพื่อควบคุมการระบาดและดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) อย่างเต็มรูปแบบ
  • วันที่ 29-30 สิงหาคม ทีมตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินได้เข้าพื้นที่เพื่อทำการฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด พร้อมทั้งคัดแยกและเฝ้าระวังนกในสวนสัตว์กว่า 2,000 ตัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนกน้ำและนกอพยพซึ่งเป็นพาหะสำคัญของโรค

การตัดสินใจปิด ไข้หวัดนก สวนสัตว์เดลี อย่างรวดเร็วนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของทางการอินเดียในการตัดวงจรการระบาดไม่ให้ขยายตัวเป็นวงกว้างเหมือนในอดีตที่เคยสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศ

Delhi bird flu: Over 1,200 bird deaths reported in the last 15 days

H5N1 คืออะไร? ทำไมทั่วโลกต้องจับตา

ไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ไม่ใช่เชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ แต่เป็นที่รู้จักและสร้างความกังวลไปทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ สิ่งที่ทำให้เชื้อสายพันธุ์นี้อันตรายคือคุณสมบัติ “ก่อโรครุนแรง” (Highly Pathogenic) ในสัตว์ปีก ซึ่งสามารถทำให้สัตว์ปีกที่ติดเชื้อล้มตายเป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น

ประเด็นที่น่ากังวล

  • การแพร่กระจาย เชื้อ H5N1 สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในหมู่นกผ่านสารคัดหลั่ง ทั้งทางน้ำลายและมูล โดยเฉพาะในกลุ่มนกน้ำและนกอพยพที่สามารถนำเชื้อเดินทางข้ามทวีปได้
  • ศักยภาพในการติดสู่คน แม้ว่าคำถามที่ว่า ไข้หวัดนกติดต่อสู่คนได้หรือไม่ จะเป็นข้อกังวลหลัก แต่ในความเป็นจริง การติดเชื้อจากสัตว์สู่คนนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก มักเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ป่วยหรือซากสัตว์ที่ติดเชื้ออย่างใกล้ชิดและไม่มีการป้องกันที่ดีพอ
  • อาการและความรุนแรงในคน หากเกิดการติดเชื้อขึ้น อาการไข้หวัดนกในคน จะมีความรุนแรงสูงมาก ตั้งแต่มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไปจนถึงปอดอักเสบรุนแรง และระบบหายใจล้มเหลว โดยมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงอย่างมีนัยสำคัญตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO)

การระบาดใน สวนสัตว์เดลี ซึ่งเป็นศูนย์รวมของสัตว์หลากหลายสายพันธุ์และมีผู้คนเข้าออกจำนวนมาก จึงถือเป็นสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้ มาตรการป้องกัน ที่เข้มงวดที่สุด

ผลกระทบวงกว้าง จากกรงนกสู่เศรษฐกิจและประชาชน

การปิดสวนสัตว์เดลีไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่การท่องเที่ยว แต่ยังจุดชนวนความกังวลในมิติอื่นๆ ที่กว้างขวางกว่านั้น

  1. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ อินเดียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกเนื้อไก่และไข่รายใหญ่ของโลก การระบาดของไข้หวัดนก H5N1 แม้จะอยู่ในวงจำกัด แต่ก็สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก รัฐบาลท้องถิ่นเดลีได้สั่งเฝ้าระวังฟาร์มสัตว์ปีกและตลาดสดทุกแห่งอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อหลุดรอดเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม ซึ่งอาจนำไปสู่การสั่งกำจัดสัตว์ปีก (Culling) จำนวนมหาศาลและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านรูปี ดังที่เคยเกิดขึ้นในการระบาดครั้งก่อนๆ
  2. ผลกระทบด้านสาธารณสุขและความเชื่อมั่น แม้ กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย จะออกมาให้ความมั่นใจว่ายังไม่มีรายงานการติดเชื้อในมนุษย์และมีความเสี่ยงต่ำมาก แต่ข่าวการระบาดในใจกลางเมืองหลวงก็สร้างความวิตกกังวลให้แก่ประชาชน มีการรณรงค์ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย และให้บริโภคเนื้อสัตว์และไข่ที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึงเท่านั้น
  3. ผลกระทบด้านการอนุรักษ์ สวนสัตว์เดลีเป็นบ้านของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด การระบาดของโรคไม่เพียงแต่คุกคามชีวิตของนกในสวนสัตว์ แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อแผนการเพาะขยายพันธุ์เพื่อการอนุรักษ์ในระยะยาวอีกด้วย

เสียงจากผู้เชี่ยวชาญและภาครัฐ “เรากำลังทำงานตลอด 24 ชั่วโมง”

ดร. อนิช อันโด (Dr. Anish Ando) ผู้อำนวยการสวนสัตว์แห่งชาติเดลี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “ภารกิจสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้คือการปกป้องชีวิตของสัตว์ทุกตัวในความดูแลของเรา และป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ออกไปสู่ภายนอก เราได้ปิดสวนสัตว์และกำลังทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด”

ขณะที่ตัวแทนจาก กรมปศุสัตว์ ของเดลีกล่าวย้ำว่า “เราได้ส่งทีมสัตวแพทย์ลงพื้นที่ตลาดค้าสัตว์ปีกทุกแห่งเพื่อเก็บตัวอย่างเชิงรุก และได้ประกาศเตือนเกษตรกรให้สังเกตอาการของสัตว์ในฟาร์มอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที นี่คือช่วงเวลาที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”

Bird Flu: 35 crows found dead in Delhi, samples collected for testing

ท่าทีประเทศไทย กรมปศุสัตว์ยกระดับการเฝ้าระวังชายแดนและฟาร์ม

สถานการณ์ H5N1 ในอินเดีย ได้ส่งผลให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทางอาหารและโรคระบาดของไทยต้องตื่นตัวเช่นกัน แม้ประเทศไทยจะปลอดจากโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงมานานหลายปี แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่เสมอ โดยเฉพาะจากนกอพยพและสินค้าปศุสัตว์ที่อาจมีการลักลอบนำเข้า

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ (สมมติ) ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับมาตรการเฝ้าระวังดังนี้

  • ด่านกักกันสัตว์ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์จากประเทศที่มีความเสี่ยง
  • ฟาร์มมาตรฐาน แจ้งเตือนเกษตรกรในระบบฟาร์มปิดให้ตรวจสอบและปรับปรุงระบบความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเคร่งครัด
  • พื้นที่เสี่ยงนกอพยพ เฝ้าระวังพื้นที่ชุ่มน้ำและแหล่งพักพิงของนกอพยพเป็นพิเศษ และเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อเชิงรุก

ความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการระบาดจึงเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันไม่ให้ โรคระบาดในสัตว์ ครั้งนี้ลุกลามข้ามพรมแดน

บทสรุป ความท้าทายข้างหน้าและอนาคตของสวนสัตว์เดลี

การสั่งปิด สวนสัตว์เดลี จากวิกฤต ไข้หวัดนก H5N1 เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของโลกยุคใหม่ในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่และโรคระบาดในสัตว์ที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ ขณะนี้ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่า สวนสัตว์เดลีเปิดเมื่อไหร่ เนื่องจากต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายและมั่นใจได้ว่าปลอดภัย 100%

ความท้าทายข้างหน้าของอินเดียคือการจำกัดวงการระบาดให้แคบที่สุด ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และประเมิน ผลกระทบไข้หวัดนกต่อเศรษฐกิจ ในระยะยาว สำหรับประเทศไทยและประชาคมโลก บทเรียนจากเดลีคือเครื่องย้ำเตือนว่าการ์ดห้ามตก และระบบการเฝ้าระวังโรคระบาดที่เข้มแข็งคือปราการด่านสำคัญที่สุดในการปกป้องสุขภาพของทั้งคนและสัตว์ในโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดใบนี้

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *