“ปรสิตกินเนื้อ” สัญญาณเตือนจากสหรัฐฯ ถึงไทย เมื่อภาวะโลกร้อนกำลังปลุกโรคอุบัติใหม่

ปรสิตกินเนื้อ

ข่าวการค้นพบผู้ป่วยติดเชื้อ “ปรสิตกินเนื้อ” ในรัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา ได้สร้างความตื่นตัวให้กับวงการสาธารณสุขทั่วโลก แต่เบื้องหลังชื่อที่น่าหวาดกลัวนี้คือ โรคลิชมาเนีย (Leishmaniasis) โรคเก่าแก่ที่กำลังขยายอาณาเขตการระบาดมาสู่พื้นที่ใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่แค่การพบผู้ป่วย แต่เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่านี่อาจเป็นการ “ติดเชื้อภายในประเทศ” ครั้งแรกในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า ภาวะโลกร้อน กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของโรคติดเชื้ออย่างมีนัยสำคัญ และนี่คือเรื่องราวที่คนไทยต้องทำความเข้าใจ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

บทความนี้จะพาคุณไปถอดรหัส “ปรสิตกินเนื้อ” อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่สาเหตุที่แท้จริง อาการที่ต้องสังเกต วิธีป้องกัน และที่สำคัญที่สุดคือการสำรวจว่า ปรสิตกินเนื้อในไทยมีไหม และเรามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด

Rare parasite confirmed in US for first time in decades | The Jerusalem Post

ถอดรหัส “ปรสิตกินเนื้อ” ทำความรู้จัก “โรคลิชมาเนีย” ให้ถูกต้อง

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าคำว่า “ปรสิตกินเนื้อ” เป็นเพียงชื่อเรียกที่สื่อใช้เพื่อให้เห็นภาพ แต่ในทางการแพทย์ โรคนี้มีชื่อว่า โรคลิชมาเนีย (Leishmaniasis) ซึ่งไม่ได้เกิดจากปรสิตที่ “กินเนื้อ” ของมนุษย์โดยตรง แต่เกิดจากความเสียหายของเซลล์ที่ปรสิตเข้าไปอาศัยอยู่

  • เชื้อก่อโรค เกิดจากเชื้อโปรโตซัวขนาดเล็กในสกุล Leishmania ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ทั่วโลก
  • พาหะนำโรค สัตว์ตัวจิ๋วที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่องนี้คือ “ริ้นฝอยทราย” (Sand Fly) เพศเมีย ซึ่งเป็นแมลงขนาดเล็กกว่ายุงมาก (ประมาณ 1.5-3.5 มิลลิเมตร) เมื่อริ้นฝอยทรายที่มีเชื้อกัดคนหรือสัตว์ มันจะปล่อยเชื้อปรสิตเข้าสู่กระแสเลือด
  • วงจรของโรค ปรสิตจะเข้าไปเจริญเติบโตในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมโครฟาจ (Macrophage) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เซลล์เหล่านี้ถูกทำลายและเกิดเป็นพยาธิสภาพตามอวัยวะต่างๆ

โรคลิชมาเนียมี 3 รูปแบบหลัก

  • ลิชมาเนียที่ผิวหนัง (Cutaneous Leishmaniasis) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดและเป็นชนิดที่พบในรัฐแมริแลนด์ ทำให้เกิด แผลที่ผิวหนัง บริเวณที่ถูกกัด ซึ่งอาจเป็นตุ่มนูนแดงก่อนจะขยายเป็นแผลหลุมลึกคล้ายภูเขาไฟ อาจมีแผลเดียวหรือหลายแผล และมักจะทิ้งรอยแผลเป็นถาวร
  • ลิชมาเนียที่เยื่อเมือก (Mucocutaneous Leishmaniasis) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เชื้อกระจายไปทำลายเยื่อเมือกในจมูก ปาก และลำคอ
  • ลิชมาเนียที่อวัยวะภายใน (Visceral Leishmaniasis) เป็นชนิดที่รุนแรงที่สุดและอาจถึงแก่ชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา เชื้อจะเข้าทำลายอวัยวะภายใน เช่น ตับ ม้าม และไขกระดูก ทำให้มีไข้ น้ำหนักลด ตับม้ามโต และโลหิตจาง

จากเขตร้อนสู่แมริแลนด์ ผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่มองไม่เห็น

ปกติแล้ว โรคลิชมาเนียเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเขตร้อนและกึ่งร้อนของทวีปเอเชีย แอฟริกา อเมริกาใต้ และรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การพบผู้ป่วยที่คาดว่าติดเชื้อในรัฐแมริแลนด์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง

ผู้เชี่ยวชาญจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และนักกีฏวิทยาทางการแพทย์ต่างชี้ไปที่ผู้ต้องสงสัยคนเดียวกัน นั่นคือ ภาวะโลกร้อน

  • การขยายถิ่นของพาหะ อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้ ริ้นฝอยทราย ซึ่งปกติจะอาศัยในเขตอบอุ่น สามารถขยายพันธุ์และย้ายถิ่นฐานขึ้นไปทางเหนือได้ไกลขึ้น ฤดูหนาวที่ไม่รุนแรงพอที่จะกำจัดพวกมัน ทำให้ประชากรริ้นฝอยทรายสามารถตั้งรกรากในพื้นที่ใหม่ๆ ได้
  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสัตว์ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศอาจส่งผลต่อสัตว์ที่เป็นแหล่งรังโรค (Reservoir Host) เช่น สัตว์ฟันแทะบางชนิด ทำให้วงจรการแพร่เชื้อมาสู่คนมีความซับซ้อนมากขึ้น

กรณีที่พบในรัฐแมริแลนด์จึงเป็น โรคอุบัติใหม่ ในเชิงพื้นที่ (Emerging geographically) และเป็นกรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่แค่เรื่องของภัยธรรมชาติ แต่ยังเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขโดยตรง

Flesh-eating parasite with 'sharp mouth hooks' found in US after decades

อาการ-การรักษา-วิธีป้องกัน รู้ทันปรสิตก่อนสาย

การมีความรู้ที่ถูกต้องคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ อาการติดเชื้อปรสิต ชนิดนี้ และวิธีป้องกันตัวเอง

อาการที่ต้องสังเกต

  • ริ้นฝอยทรายกัดอาการเป็นอย่างไร? การกัดของริ้นฝอยทรายมักไม่เจ็บ และหลายคนอาจไม่รู้ตัว แต่หลังจากนั้นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อาจเริ่มมีตุ่มแดงเล็กๆ คล้ายยุงกัดขึ้นบริเวณที่ถูกกัด
  • ลักษณะของแผล ตุ่มแดงจะค่อยๆ ขยายขนาดขึ้น และอาจกลายเป็นแผลหลุมที่มีขอบนูนแข็ง บางครั้งอาจมีสะเก็ดแผลปกคลุม แผลเหล่านี้มักไม่เจ็บปวด ยกเว้นมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

การวินิจฉัยและการรักษา

  • หากมีแผลเรื้อรังที่ไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะหลังเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ควรไปพบแพทย์ทันที
  • แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการขูดเนื้อเยื่อจากขอบแผลไปตรวจหาเชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์
  • วิธีรักษาโรคลิชมาเนีย ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและความรุนแรง อาจใช้ยาทา, ยาฉีดเข้าที่แผล, การจี้ด้วยความเย็น หรือยารับประทาน/ยาฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่เป็นรุนแรง

การป้องกันปรสิต คือหัวใจสำคัญ

  • หลีกเลี่ยงการถูกกัด ริ้นฝอยทรายมักออกหากินช่วงพลบค่ำถึงรุ่งสาง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในบริเวณที่เป็นป่าละเมาะหรือพุ่มไม้ในช่วงเวลาดังกล่าว
  • การแต่งกาย สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และถุงเท้า เพื่อลดพื้นที่ผิวหนังที่จะถูกกัด
  • ใช้สารไล่แมลง ใช้ผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่มีส่วนผสมของ DEET, Picaridin หรือ IR3535 ทาบนผิวหนังส่วนที่อยู่นอกร่มผ้า
  • ควบคุมสภาพแวดล้อม กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ เช่น กองใบไม้, ซากสัตว์, และทำให้บริเวณที่พักโปร่งโล่ง

สถานการณ์น่าจับตา “ปรสิตกินเนื้อในไทยมีไหม?”

สำหรับคนไทย คำถามที่สำคัญที่สุดคือเรามีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากน้อยเพียงใด

คำตอบคือ “มี แต่ยังพบน้อยมาก”

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าประเทศไทยเคยมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคลิชมาเนียที่ติดเชื้อภายในประเทศ แต่ยังถือเป็นโรคที่พบได้ยาก (Rare Disease) โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

  • พื้นที่เสี่ยง มีรายงานการพบ ริ้นฝอยทราย ที่เป็นพาหะในบางพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในถ้ำที่มีค้างคาวอาศัยอยู่ หรือพื้นที่ป่าบางแห่งทางภาคใต้และภาคเหนือ
  • กลุ่มเสี่ยง ผู้ที่มีความเสี่ยงคือผู้ที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ที่มีริ้นฝอยทรายชุกชุม เช่น นักสำรวจถ้ำ, ทหาร, หรือผู้ที่ทำงานในป่า
  • การเฝ้าระวัง หน่วยงานสาธารณสุขของไทยมีการเฝ้าระวังโรคนี้อย่างต่อเนื่อง และให้ความรู้กับบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น แม้ความเสี่ยงสำหรับคนทั่วไปในเขตเมืองจะต่ำมาก แต่ข่าวการขยายพื้นที่ระบาดในสหรัฐฯ ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าเราไม่ควรประมาท โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติหรือเดินป่า ควรใช้มาตรการ การป้องกันปรสิต และแมลงพาหะอย่างสม่ำเสมอ

Wyoming Ranchers On Guard Following Human Screwworm Case In Maryland |  Cowboy State Daily

บทสรุป (Conclusion)

การพบผู้ป่วย โรคลิชมาเนีย ที่อาจติดเชื้อในประเทศ ณ รัฐแมริแลนด์ เป็นมากกว่าแค่ข่าวโรคระบาดจากต่างแดน แต่มันคือภาพสะท้อนของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเพราะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โรคที่เคยถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ห่างไกลกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น

แม้ว่า ปรสิตกินเนื้อ จะยังไม่ใช่ภัยคุกคามหลักด้านสาธารณสุขของไทยในปัจจุบัน แต่เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าไม่มีพรมแดนสำหรับโรคติดเชื้ออีกต่อไป การสร้างความตระหนักรู้, การป้องกันตนเองจากการถูกแมลงกัด, และการเฝ้าระวังของระบบสาธารณสุข คืออาวุธที่ดีที่สุดในการรับมือกับ โรคอุบัติใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *