สมรภูมิใหม่! แบรนด์เครื่องสำอางโลกทุ่มแสนล้านบุกอินเดีย โอกาสทองหรือบทพิสูจน์ของแบรนด์ไทย?

ตลาดเครื่องสำอางอินเดีย

มุมไบ, อินเดีย – คลื่นการลงทุนมูลค่าหลายแสนล้านบาทจากบริษัทเครื่องสำอางระดับโลกกำลังถาโถมเข้าสู่ประเทศอินเดียอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่อย่าง L’Oréal, Estée Lauder Companies, และการรุกคืบครั้งใหม่ของ Sephora ไม่ใช่เพียงการขยายตลาดตามปกติ แต่คือการปักหมุดเชิงยุทธศาสตร์ในสนามรบแห่งใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ถึง 5 เท่าในทศวรรษหน้า ปรากฏการณ์นี้ได้เปลี่ยน ตลาดเครื่องสำอางอินเดีย ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าจับตาที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และในขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งสัญญาณที่ทั้งท้าทายและเต็มไปด้วยโอกาสมาถึงอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทย

บทความวิเคราะห์เชิงลึกชิ้นนี้ จะพาไปสำรวจว่าอะไรคือแม่เหล็กที่ดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลให้ไหลเข้าสู่อินเดีย กลยุทธ์ที่เหล่าแบรนด์ระดับโลกกำลังใช้เพื่อชิงความได้เปรียบคืออะไร และที่สำคัญที่สุด ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดนี้ มีช่องว่างและโอกาสใดบ้างสำหรับ “T-Beauty” หรือ เครื่องสำอางไทย ที่จะเข้าไปสร้างตัวตนและเติบโตในสนามแห่งนี้

Global beauty firms look to carve up Indian market as 'last bastion' of  growth | Reuters

ทำไมต้องอินเดีย? เปิด 4 ปัจจัยแม่เหล็ก ดึงดูดทุนความงามทั่วโลก

การตัดสินใจ ลงทุนในอินเดีย ของแบรนด์ชั้นนำไม่ได้เกิดขึ้นจากความรู้สึก แต่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลและเห็นศักยภาพที่ไม่อาจมองข้ามได้ ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดอินเดียกลายเป็น “ดินแดนแห่งพันธสัญญา” ของอุตสาหกรรมความงาม ประกอบด้วย

  1. ขุมพลังแห่งประชากรศาสตร์ (Demographic Powerhouse) อินเดียไม่ได้เป็นเพียงประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แต่โครงสร้างประชากรอายุน้อยคือขุมทรัพย์ที่แท้จริง
  • Gen Z และ Millennials ประชากรกว่า 65% ของอินเดียมีอายุต่ำกว่า 35 ปี คนกลุ่มนี้เติบโตมากับยุคดิจิทัล เปิดรับวัฒนธรรมสากล มีความต้องการแสดงออกถึงตัวตน และมองว่าเครื่องสำอางเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือย
  • การเติบโตของชนชั้นกลาง การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วได้สร้างกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางและสูงที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พวกเขาพร้อมที่จะจ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
  1. การปฏิวัติทางดิจิทัลและ E-commerce การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ได้เปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเครื่องสำอางในอินเดีย ไปอย่างสิ้นเชิง
  • E-commerce คือเส้นเลือดใหญ่ แพลตฟอร์มอย่าง Nykaa, Myntra, และ Amazon India ได้ทลายกำแพงทางภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้บริโภคในเมืองรอง (Tier-2, Tier-3) สามารถเข้าถึง แบรนด์เครื่องสำอาง ระดับโลกได้ง่ายขึ้น
  • Social Commerce และ Influencer Marketing อินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามชาวอินเดียมีอิทธิพลอย่างสูงในการสร้าง แนวโน้มตลาดความงาม และผลักดันการตัดสินใจซื้อผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
  1. การเปลี่ยนผ่านสู่ “Premiumization” ผู้บริโภคชาวอินเดียกำลังเปลี่ยนจากการใช้ผลิตภัณฑ์พื้นฐาน (Mass Market) ไปสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม “Masstige” (Mass + Prestige) และ “Prestige” (สินค้าพรีเมียม) มากขึ้น พวกเขามองหาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม ส่วนผสมที่มีคุณภาพ และเรื่องราวของแบรนด์ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นโอกาสโดยตรงของแบรนด์ต่างชาติ
  2. นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ “Make in India” รัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเพื่อตั้งฐานการผลิตในประเทศ (Make in India) ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านภาษีและโลจิสติกส์ ทำให้แบรนด์ระดับโลกสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และควบคุมซัพพลายเชนได้ดีขึ้น

ยักษ์ชนยักษ์ กลยุทธ์ของแบรนด์ระดับโลกในสนามอินเดีย

เพื่อพิชิตตลาดที่มีศักยภาพมหาศาลและมีความซับซ้อนสูง แบรนด์ระดับโลกต่างวางกลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไป

Sephora x Reliance โมเดลค้าปลีก Omnichannel เปลี่ยนเกม

การที่ Sephora (ในเครือ LVMH) ประกาศจับมือกับ Reliance Retail ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง

  • การผสานพลัง Sephora นำความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ความงามระดับพรีเมียมและประสบการณ์ในร้านค้ามาผสานกับเครือข่ายสาขาและฐานข้อมูลลูกค้ามหาศาลของ Reliance
  • ยุทธศาสตร์ Omnichannel โมเดลนี้จะมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อระหว่างหน้าร้าน (Offline) และแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online) ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

L’Oréal และ Estée Lauder กับยุทธศาสตร์ “Hyper-Localization”

แบรนด์ใหญ่อย่าง L’Oréal และ Estée Lauder ไม่ได้มองอินเดียเป็นแค่ตลาดส่งออก แต่กำลังสร้างระบบนิเวศของตนเองขึ้นมา

  • การลงทุนใน R&D และการผลิต ทั้งสองบริษัทได้ลงทุนสร้างและขยายศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงโรงงานผลิตในอินเดีย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สีผิว สภาพอากาศ และความต้องการของชาวอินเดียโดยเฉพาะ
  • การซื้อกิจการแบรนด์ท้องถิ่น Estée Lauder ได้เข้าลงทุนในแบรนด์สกินแคร์และความงามของอินเดีย เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าและองค์ความรู้ของตลาดท้องถิ่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การขายผลิตภัณฑ์ในอินเดีย แต่คือการสร้างผลิตภัณฑ์โดยคนอินเดีย และเพื่อคนอินเดีย” – ผู้บริหาร L’Oréal India กล่าวในงานแถลงข่าว

India's skincare and cosmetics imports surge: Global brands capitalize on  growing demand - The Economic Times

ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไป การผงาดของ Beauty Tech และแบรนด์ D2C

อีกหนึ่งมิติที่น่าสนใจของ ตลาดเครื่องสำอางอินเดีย คือการเติบโตของบริษัท บิวตี้เทค (Beauty Tech) และแบรนด์ที่ขายตรงถึงผู้บริโภค (Direct-to-Consumer D2C)

  • Nykaa ยูนิคอร์นแห่งวงการความงาม การเติบโตของ Nykaa จากแพลตฟอร์ม E-commerce สู่การเป็นบริษัทมหาชนที่มีทั้งร้านค้าและแบรนด์ของตัวเอง ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
  • แบรนด์ D2C ที่น่าจับตา แบรนด์อย่าง Mamaearth, SUGAR Cosmetics, และ Plum ได้ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่ม Gen Z / Millennials ได้อย่างรวดเร็ว โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม (Niche) ซึ่งแบรนด์ใหญ่มองข้าม

มองกลับมาที่ไทย โอกาสและความท้าทายที่รออยู่

ทำไมแบรนด์ใหญ่ถึงลงทุนในตลาดเครื่องสำอางอินเดีย เป็นคำถามที่ให้คำตอบที่ชัดเจนถึงศักยภาพ แต่คำถามที่สำคัญกว่าสำหรับผู้ประกอบการไทยคือ โอกาสของแบรนด์เครื่องสำอางไทยในตลาดอินเดีย อยู่ตรงไหน?

โอกาส ช่องว่างในตลาด Niche และพลังของ ‘T-Beauty’

ท่ามกลางการแข่งขันของยักษ์ใหญ่ ยังมีช่องว่างทางการตลาดที่แบรนด์ไทยสามารถเข้าไปเจาะได้

  • ตลาดผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพร ผู้บริโภคอินเดียมีความเชื่อมั่นในศาสตร์อายุรเวทและส่วนผสมจากธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของแบรนด์ไทยจำนวนมากที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรและออร์แกนิก
  • นวัตกรรมและ “ความสนุก” T-Beauty มีชื่อเสียงด้านแพ็กเกจจิ้งที่สร้างสรรค์ เนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่ และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่ม Gen Z ในอินเดียที่มองหาความแตกต่างได้
  • Masstige Segment การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในระดับ “คุณภาพพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้” เป็นจุดที่แบรนด์ไทยทำได้ดี และเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในอินเดีย
  • พลังของ Soft Power วัฒนธรรมและนักแสดง/ศิลปินไทยเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในอินเดียมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้เป็นสะพานในการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้

ความท้าทาย บทพิสูจน์ที่ต้องก้าวข้าม

อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดอินเดียไม่ใช่เรื่องง่ายและเต็มไปด้วยความท้าทาย

  • การแข่งขันที่รุนแรง ต้องแข่งขันกับทั้งแบรนด์ระดับโลกที่มีงบประมาณมหาศาล และแบรนด์ท้องถิ่นที่เข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง
  • กฎระเบียบที่ซับซ้อน การจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ การนำเข้า และข้อบังคับต่างๆ มีความซับซ้อนและต้องใช้เวลา
  • ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ อินเดียเป็นตลาดที่มีความหลากหลายสูงมาก ทั้งในด้านสีผิว สภาพอากาศ และวัฒนธรรม การทำตลาดแบบ “One size fits all” ไม่สามารถใช้ได้ผล
  • โลจิสติกส์และซัพพลายเชน การกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

Global beauty firms look to carve up Indian market as 'last bastion' of  growth | Reuters

บทสรุป ถึงเวลาที่ T-Beauty ต้องวางยุทธศาสตร์อินเดียอย่างจริงจัง

การเติบโตของตลาดความงามในเอเชีย กำลังมีอินเดียเป็นหัวรถจักรขบวนใหม่ การหลั่งไหลของการลงทุนจากทั่วโลกคือเครื่องยืนยันถึงศักยภาพที่ไม่มีใครกล้ามองข้าม สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย นี่คือสัญญาณเตือนให้ต้องมองไกลกว่าตลาดเดิมๆ

การบุก ตลาดเครื่องสำอางอินเดีย อาจไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับแบรนด์ไทยที่มีความพร้อม มีจุดยืนที่ชัดเจน และกล้าที่จะปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการและภาครัฐของไทยจะต้องร่วมกันวางยุทธศาสตร์อย่างจริงจัง เพื่อนำธง “T-Beauty” ไปปักในสนามรบแห่งความงามที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อนที่โอกาสนี้จะผ่านเลยไป

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *