เกมใหม่พลิกโลกการเงิน จีนเปิดทาง “สเตเบิลคอยน์หยวน” ผ่านฮ่องกง อาวุธลับท้าชนดอลลาร์

สเตเบิลคอยน์หยวน

ปักกิ่ง/ฮ่องกง – ในความเคลื่อนไหวที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกการเงินดิจิทัลและสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ส่งสัญญาณ “ไฟเขียว” อย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อเปิดทางให้ฮ่องกงกลายเป็นฐานที่มั่นและห้องทดลองแห่งแรกของโลกในการพัฒนาและออก สเตเบิลคอยน์หยวน (Yuan Stablecoin) การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นก้าวยุทธศาสตร์ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลที่เคยสั่งแบนคริปโตเคอร์เรนซีอย่างสิ้นเชิง และถูกมองว่าเป็นอาวุธทางการเงินชิ้นใหม่ล่าสุดในการใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน เพื่อทลายกำแพงที่ขวางกั้นการเติบโตของ เงินหยวนในตลาดโลก และเร่งเครื่องเดินหน้ายุทธศาสตร์ ลดการพึ่งพาดอลลาร์ อย่างเต็มรูปแบบ

China's tech giants lobby for offshore yuan stablecoin, sources say - The  Hindu

ไม่ใช่หยวนดิจิทัล! ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง e-CNY และสเตเบิลคอยน์หยวน

สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนคือ สเตเบิลคอยน์หยวน ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ สิ่งเดียวกับ หยวนดิจิทัล (e-CNY) ที่รัฐบาลจีนผลักดันอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความแตกต่างของสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งสองประเภทนี้คือหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์จีน

คุณสมบัติ หยวนดิจิทัล (e-CNY) / CBDC สเตเบิลคอยน์หยวน (Yuan Stablecoin)
ผู้ออก (Issuer) ธนาคารกลางจีน (PBOC) โดยตรง สถาบันการเงิน/บริษัทเอกชนที่ได้รับใบอนุญาต
ลักษณะทางกฎหมาย เงินสดในรูปแบบดิจิทัล (สกุลเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย) ตราสารทางการเงินที่อ้างอิงมูลค่ากับเงินหยวน
เทคโนโลยี ระบบรวมศูนย์ (Centralized Ledger) ที่ควบคุมโดย PBOC เทคโนโลยีบล็อกเชน (อาจเป็น Public หรือ Permissioned)
กลุ่มเป้าหมายหลัก การใช้จ่ายรายย่อยภายในประเทศจีน (Retail) การชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ (Wholesale/B2B)
วัตถุประสงค์หลัก แทนที่เงินสด, เพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินในประเทศ, ควบคุมธุรกรรม ส่งเสริมการใช้เงินหยวนในต่างประเทศ, แข่งขันกับดอลลาร์

ส่งออกไปยังชีต

ดังนั้น คำถามที่ว่า สเตเบิลคอยน์หยวน แตกต่างจากหยวนดิจิทัลอย่างไร คำตอบคือ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงตั้งแต่ผู้ออก, เทคโนโลยี, จนถึงเป้าหมายการใช้งาน โดย e-CNY คือเครื่องมือควบคุมเศรษฐกิจ “ในบ้าน” ในขณะที่สเตเบิลคอยน์หยวนคือเครื่องมือขยายอิทธิพล “นอกบ้าน”

ฮ่องกง สนามทดลองสุดยอดกลยุทธ์ทางการเงินของปักกิ่ง

การที่จีนเลือกใช้ ฮ่องกง เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับโครงการนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี ด้วยเหตุผลหลายประการ

  • สถานะศูนย์กลางการเงิน ฮ่องกงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลก มีโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมายและการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั่วโลก
  • นโยบายที่เปิดกว้างกว่า ภายใต้นโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ฮ่องกงมีอิสระในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของตนเอง และได้แสดงท่าทีที่เปิดรับต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซีมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่อย่างชัดเจน
  • ตลาดหยวนนอกประเทศ (Offshore Yuan – CNH) ฮ่องกงเป็นตลาดซื้อขายเงิน หยวนนอกประเทศ (CNH) ที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการสำรองสินทรัพย์เพื่อค้ำประกันมูลค่าของสเตเบิลคอยน์
  • กันชนความเสี่ยง (Risk Buffer) การทดลองในฮ่องกงช่วยให้รัฐบาลจีนสามารถประเมินผลกระทบและความเสี่ยงของเทคโนโลยีใหม่นี้ได้โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของระบบการเงินในจีนแผ่นดินใหญ่

ฮ่องกงจึงเปรียบเสมือน “วาล์วนิรภัย” และ “ประตูสู่โลกตะวันตก” สำหรับนวัตกรรมทางการเงินที่ปักกิ่งต้องการผลักดัน

Hong Kong Chamber of Commerce Wants Chinese Yuan-Backed Stablecoin - Decrypt

เป้าหมายที่แท้จริง สเตเบิลคอยน์หยวน อาวุธใหม่ในสงคราม De-dollarization

จีนจะใช้สเตเบิลคอยน์หยวนเพื่ออะไร? เป้าหมายสูงสุดนั้นชัดเจน นั่นคือการท้าทายบัลลังก์ของเงินดอลลาร์สหรัฐในระบบการเงินโลก โดยสเตเบิลคอยน์หยวนมีศักยภาพที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในยุทธศาสตร์นี้ได้หลายทาง

  • ลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการชำระเงินข้ามพรมแดน การทำธุรกรรมผ่านระบบบล็อกเชนสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าและรวดเร็วกว่าการโอนเงินผ่านระบบ SWIFT แบบดั้งเดิม ซึ่งต้องผ่านธนาคารตัวกลางหลายแห่ง
  • สร้างทางเลือกให้ประเทศคู่ค้า สำหรับประเทศคู่ค้าของจีน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและในโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) สเตเบิลคอยน์หยวนจะเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดใจในการทำการค้ากับจีนโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์ก่อน
  • หลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร แม้จะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน แต่ระบบการชำระเงินบนบล็อกเชนที่มีลักษณะกระจายศูนย์มากกว่า อาจเป็นช่องทางให้ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ สามารถทำธุรกรรมกับจีนได้ง่ายขึ้น
  • แข่งขันกับสเตเบิลคอยน์ดอลลาร์ ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์อย่าง Tether (USDT) และ USDC ครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ การมีสเตเบิลคอยน์หยวนที่น่าเชื่อถือและได้รับการกำกับดูแล จะเป็นการสร้างคู่แข่งโดยตรงและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก

ผลกระทบของสเตเบิลคอยน์หยวนต่อตลาดคริปโต

การเข้ามาของผู้เล่นระดับรัฐบาลจีน (แม้จะผ่านฮ่องกง) จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศของคริปโตเคอร์เรนซี โดยอาจนำไปสู่

  • การยอมรับในวงกว้าง (Mass Adoption) การมีสเตเบิลคอยน์ที่ “ถูกกฎหมาย” และได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ๆ เข้าสู่อุตสาหกรรม
  • การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ผู้ออกสเตเบิลคอยน์รายเดิมจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักหน่วงจากผู้เล่นรายใหม่ที่มีรัฐบาลหนุนหลัง
  • การแบ่งขั้วของโลกคริปโต? อาจเกิดการแบ่งขั้วระหว่าง “ระบบนิเวศตะวันตก” ที่ใช้สเตเบิลคอยน์ดอลลาร์เป็นหลัก และ “ระบบนิเวศตะวันออก” ที่หันมาใช้สเตเบิลคอยน์หยวนมากขึ้น

China's tech giants push for yuan-based stablecoin, sources say

(บทสรุป/Conclusion)

การเปิดทางให้มีการพัฒนา สเตเบิลคอยน์หยวน ของจีนผ่านประตูฮ่องกง ถือเป็นมากกว่าแค่การทดลองทางเทคโนโลยี แต่เป็นหมากกลเชิงยุทธศาสตร์ที่แยบยลและมองการณ์ไกล มันคือความพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคตเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองที่จีนมีมาอย่างยาวนาน นั่นคือการเพิ่มบทบาทของ เงินหยวนในตลาดโลก และค่อยๆ ลดทอนอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐ

อนาคตของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจีนใช้สเตเบิลคอยน์ อาจจะยังไม่ถูกสั่นคลอนในเร็ววัน แต่ก้าวแรกที่สำคัญได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ความสำเร็จของโครงการนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความสามารถในการสร้างความไว้วางใจ, การยอมรับจากประเทศอื่นๆ, และการตอบโต้จากฝั่งสหรัฐอเมริกา แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ สมรภูมิรบทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกได้ขยายเข้าสู่มิติของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มตัวแล้ว และจีนก็พร้อมที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเกมนี้

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *