เจาะลึก เมียนมาปิดด่านชายแดน สะเทือนเศรษฐกิจไทยพันล้าน จับตาสถานการณ์ความมั่นคงก่อนเลือกตั้ง ธ.ค.

เมียนมาปิดด่านชายแดน

เมียนมาปิดด่านชายแดน การตัดสินใจของรัฐบาลทหารเมียนมาในการปิดด่านชายแดนหลายแห่งที่ติดกับประเทศไทย โดยอ้างเหตุผลเพื่อ “ตัดท่อน้ำเลี้ยง” ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในประเทศเพื่อนบ้านอีกต่อไป แต่ได้ส่งแรงกระเพื่อมระลอกใหญ่มาถึงฝั่งไทยอย่างฉับพลัน สร้างความปั่นป่วนให้กับระบบเศรษฐกิจการค้าชายแดนมูลค่าหลายพันล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมกับยกระดับความตึงเครียดด้านความมั่นคงตลอดแนวชายแดนให้สูงขึ้น ท่ามกลางการจับตามองว่านี่คือการส่งสัญญาณกระชับอำนาจครั้งสำคัญของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ก่อนการเลือกตั้งที่กำหนดจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมหน้าภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาคไปอย่างสิ้นเชิง

Myanmar civil war: Military loses control of key town on Thai border,  rebels say, in major win for anti-junta resistance | CNN

เปิดสาเหตุเบื้องลึก ทำไม ‘การตัดท่อน้ำเลี้ยง’ จึงเกิดขึ้นในเวลานี้?

การประกาศปิดด่านชายแดนและช่องทางธรรมชาติหลายจุดของ กองทัพเมียนมา ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกวางแผนมาอย่างดี โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก

  • การสกัดกั้นกลุ่มต่อต้านรัฐบาล นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร หรือที่รู้จักกันในนาม People’s Defence Force (PDF) และกองกำลังชาติพันธุ์ (Ethnic Armed Organizations – EAOs) ได้ใช้พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาเป็นทั้งเส้นทางลำเลียงยุทธปัจจัย เสบียงอาหาร อาวุธ และเป็นพื้นที่หลบภัยเชิงยุทธศาสตร์ รัฐบาลทหารเมียนมาภายใต้การนำของ สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) เชื่อว่าการปิดกั้นเส้นเลือดใหญ่เหล่านี้ จะทำให้กลุ่มต่อต้านอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ สามารถบั่นทอนศักยภาพในการสู้รบและสร้างความได้เปรียบทางการทหารก่อนถึงวันเลือกตั้ง
  • การสร้างเสถียรภาพทางการเมือง (ในมุมของรัฐบาลทหาร) การเลือกตั้งในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ SAC ต้องการสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในเวทีระหว่างประเทศ การควบคุมพื้นที่ชายแดนให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ คือการแสดงแสนยานุภาพและส่งสัญญาณว่ารัฐบาลทหารสามารถจัดการความสงบเรียบร้อยภายในประเทศได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปูทางไปสู่การเลือกตั้งที่พวกเขาควบคุมได้ทั้งหมด

แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ชี้ว่า จุดที่ถูกปิดส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อิทธิพลของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และกองกำลังกะเหรณี (Karenni Army) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลทหารอย่างเข้มแข็ง การกระทำครั้งนี้จึงเป็นการ “บีบ” ทั้งทางการทหารและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน

ผลกระทบระลอกแรก เศรษฐกิจการค้าชายแดนแม่สอดสะเทือนหนัก

อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเปรียบเสมือน “หัวใจ” ของ การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและทันทีหลังมีคำสั่งปิดด่าน โดยมูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรแม่สอดในภาวะปกติสูงถึงกว่า 8,000 – 10,000 ล้านบาทต่อเดือน การปิดด่านครั้งนี้ได้สร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ดังนี้

  • สินค้าส่งออกหยุดชะงัก สินค้าอุปโภคบริโภค, วัสดุก่อสร้าง, เครื่องจักรกลการเกษตร, และน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย ไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งเมียนมาได้ ทำให้รถบรรทุกสินค้าหลายร้อยคันต้องจอดรออย่างไร้จุดหมาย
  • ผู้ประกอบการขาดทุนยับเยิน ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการโลจิสติกส์กำลังเผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก ทั้งจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการเก็บรักษาสินค้า และการผิดนัดส่งมอบที่อาจนำไปสู่การยกเลิกคำสั่งซื้อ
  • แรงงานข้ามชาติและคนในพื้นที่เดือดร้อน ตลาดและธุรกิจที่พึ่งพิงการค้าชายแดนซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจ้างงานและรายได้ของประชาชนในพื้นที่ ทั้งชาวไทยและแรงงานชาวเมียนมา

นายสมชาย ประสิทธิ์พร ผู้ประกอบการขนส่งสินค้ารายหนึ่งใน อ.แม่สอด ให้ทัศนะว่า “สถานการณ์ครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง เพราะเป็นการปิดที่ไม่มีกำหนดชัดเจน เราไม่รู้ว่าจะกลับมาเปิดเมื่อไหร่ เงินทุนที่ลงไปกับสินค้าก็จมอยู่ตรงนี้ ธนาคารก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน ถ้ายืดเยื้อเกินหนึ่งเดือน หลายรายอาจจะต้องปิดกิจการแน่นอน”

Myanmar civil war: Military loses control of key town on Thai border,  rebels say, in major win for anti-junta resistance | CNN

นัยยะด้านความมั่นคง ไทยเตรียมรับมือสถานการณ์บานปลาย?

นอกเหนือจากมิติทางเศรษฐกิจ สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ สถานการณ์ชายแดนล่าสุด ด้านความมั่นคง การที่กองทัพเมียนมาเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มต่อต้าน อาจนำไปสู่การสู้รบที่รุนแรงขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะเกิดผลกระทบ “ล้นทะลัก” เข้ามายังฝั่งไทย

  • การอพยพของผู้หนีภัยการสู้รบ หากมีการปะทะกันอย่างหนักบริเวณใกล้ชายแดน ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมี ผู้หนีภัยการสู้รบ ทะลักข้ามมายังฝั่งไทย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของไทยต้องเตรียมแผนรองรับทั้งในด้านมนุษยธรรมและมาตรการควบคุมพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา
  • ความเสี่ยงจากกระสุนปืนและอาวุธหนัก ดังที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในอดีต การสู้รบในฝั่งเมียนมาอาจทำให้กระสุนปืนหรือสะเก็ดระเบิดข้ามมาตกในเขตแดนไทย สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน
  • การลักลอบข้ามแดนที่เพิ่มขึ้น เมื่อด่านที่เป็นทางการถูกปิด ช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมายจะยิ่งถูกใช้งานมากขึ้น ไม่ใช่แค่สำหรับการลำเลียงสิ่งของ แต่ยังรวมถึงการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นความท้าทายต่อหน่วยงานความมั่นคงของไทยในการสกัดกั้น

ดร.ลลิตา หาญวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเมียนมา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยให้ความเห็นไว้ในบทวิเคราะห์ว่า “ท่าทีของรัฐบาลทหารเมียนมาในขณะนี้ คือการทำทุกวิถีทางเพื่อกุมความได้เปรียบเบ็ดเสร็จก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าความรุนแรงอาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันยาวนานที่สุด ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น”

ฉากทัศน์อนาคต การเลือกตั้งเมียนมาและทิศทางชายแดนไทย

สถานการณ์ เมียนมาปิดด่านชายแดน ครั้งนี้ เป็นเพียงอาการบ่งชี้ของปัญหาที่ใหญ่กว่า นั่นคือความไร้เสถียรภาพทางการเมืองภายในเมียนมาที่กำลังเดินหน้าสู่ การเลือกตั้งเมียนมา ที่ประชาคมโลกส่วนใหญ่ไม่ยอมรับและมองว่าอาจเป็นเพียง “พิธีกรรม” เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐบาลทหารเท่านั้น

สำหรับประเทศไทย ฉากทัศน์ในอนาคตอันใกล้นี้เต็มไปด้วยความท้าทาย

  • ระยะสั้น (1-3 เดือน) ต้องจับตาสถานการณ์การค้าและความมั่นคงรายวัน รัฐบาลไทยจำเป็นต้องหาช่องทางการเจรจาในระดับท้องถิ่นและระดับสูง เพื่อบรรเทา ผลกระทบการค้าชายแดน และหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน
  • ระยะกลาง (ช่วงเลือกตั้ง ธ.ค.) ความตึงเครียดบริเวณชายแดนน่าจะถึงจุดสูงสุด อาจมีการสู้รบใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือผู้หนีภัยและป้องกันอธิปไตยอย่างเต็มที่
  • ระยะยาว (หลังเลือกตั้ง) ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา และเสถียรภาพของชายแดนในระยะยาว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ความขัดแย้งภายในเมียนมาก็ยังคงเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะส่งผลกระทบถึงไทยได้เสมอ

Fortify Rights calls on Thailand to give status to Myanmar refugees- DVB

บทสรุป (Conclusion)

การที่ เมียนมาปิดด่านชายแดน ติดกับไทยในครั้งนี้ เป็นมากกว่าแค่การปิดพรมแดนชั่วคราว แต่มันคือภาพสะท้อนของวิกฤตการณ์ทางการเมืองภายในเมียนมาที่กำลังส่งผลกระทบโดยตรงและรุนแรงต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศไทย สำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ นี่คือวิกฤตปากท้องที่ต้องการการเยียวยาอย่างเร่งด่วน สำหรับฝ่ายความมั่นคง นี่คือบททดสอบสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ที่เปราะบางและอาจบานปลายได้ทุกเมื่อ ขณะที่การเลือกตั้งในเมียนมากำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ เปลวไฟจากความขัดแย้งของเพื่อนบ้านก็ยิ่งจ่อใกล้รั้วบ้านของไทยมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งต้องการการบริหารจัดการที่รอบคอบและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจากรัฐบาลไทย เพื่อนำพาประเทศให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ไปให้ได้

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *