สงครามอิสราเอล-ฮามาส เมื่อชาวอิสราเอลเปิด ‘สงครามซ้อนสงคราม’ กดดันรัฐบาลเนทันยาฮู

สงครามอิสราเอล-ฮามาส

ท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดที่ดังก้องในฉนวนกาซา เสียงเรียกร้องที่ทรงพลังไม่แพ้กันกำลังดังกระหึ่มอยู่บนท้องถนนในกรุงเทลอาวีฟและเยรูซาเลม นี่ไม่ใช่เสียงของศัตรู แต่เป็นเสียงของชาวอิสราเอลเองที่กำลังลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของพวกเขา ปรากฏการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ที่กำลังสั่นสะเทือนอิสราเอล ไม่ใช่แค่การเรียกร้องให้ช่วยเหลือตัวประกัน แต่ได้กลายเป็น ‘สงครามซ้อนสงคราม’ ที่สะท้อนรอยร้าวลึกภายในชาติ ระหว่างเป้าหมาย ‘ชัยชนะเบ็ดเสร็จ’ ของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กับภารกิจ ‘นำชีวิตคนของเรากลับบ้าน’ ที่ครอบครัวตัวประกันและประชาชนจำนวนมากมองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด

ทุกคืนวันเสาร์ จัตุรัสประชาธิปไตยในกรุง เทลอาวีฟ จะแปรสภาพเป็นทะเลแห่งธงชาติอิสราเอลและป้ายเรียกร้องให้ปล่อย ตัวประกันอิสราเอล คลื่นมหาชนหลายหมื่นคนไม่ได้มารวมตัวกันเพื่อสนับสนุน สงครามอิสราเอล-ฮามาส แต่มาเพื่อกดดันรัฐบาลของตนเองให้ยุติแนวทางการทำสงครามที่พวกเขาเชื่อว่ากำลังเป็นอันตรายต่อชีวิตของตัวประกัน การ ประท้วงในอิสราเอล ครั้งนี้ได้เผยให้เห็นถึงวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรงต่อผู้นำ เบนจามิน เนทันยาฮู และกำลังตั้งคำถามถึงแก่นแท้ของยุทธศาสตร์ชาติว่า ระหว่างการทำลายศัตรูให้สิ้นซาก กับการรักษาชีวิตพลเรือนของตนเอง สิ่งใดควรมาก่อนกัน

Israeli Hostage Families Call for Nationwide Walkout - The New York Times

‘ข้อตกลงเดี๋ยวนี้!’ เสียงตะโกนจากท้องถนนที่ดังกว่าเสียงระเบิด

คำถามที่ว่า ชาวอิสราเอลประท้วงเรื่องอะไร? มีคำตอบที่ซับซ้อนกว่าแค่เรื่องเดียว ในช่วงแรกหลังการโจมตีของ กลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังคมอิสราเอลรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน ความหวังที่จะได้เห็นตัวประกันทั้งหมดกลับบ้านอย่างปลอดภัยกลับริบหรี่ลง สวนทางกับความสูญเสียของทหารอิสราเอลใน สถานการณ์ในกาซา ที่เพิ่มขึ้น

ความอดทนของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่ม ครอบครัวตัวประกัน ได้สิ้นสุดลง พวกเขามองว่ากลยุทธ์ “แรงกดดันทางทหาร” ที่รัฐบาลยึดถือไม่ประสบความสำเร็จ และกลับทำให้การเจรจาต้องหยุดชะงัก นำไปสู่การประท้วงใหญ่ทุกสัปดาห์ โดยมีข้อเรียกร้องหลักที่ชัดเจนคือ “Deal Now!” หรือ “ทำข้อตกลงเดี๋ยวนี้!” ซึ่งหมายถึงการยอมรับ ข้อตกลงหยุดยิง กับกลุ่มฮามาสเพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ทั้งหมด

“นายกรัฐมนตรีบอกว่าชัยชนะเบ็ดเสร็จจะนำตัวประกันกลับมา แต่เรารอมานานแค่ไหนแล้ว” เสียงจากญาติของตัวประกันคนหนึ่งดังก้องบนเวทีปราศรัย “ทุกวันที่ผ่านไปคือการเล่นเกมรัสเซียนรูเล็ตกับชีวิตของลูกชายฉัน รัฐบาลต้องเลือกระหว่างการเมืองกับชีวิตคน และพวกเขาต้องเลือกชีวิต!”

จากเอกภาพสู่ความแตกแยก การหลอมรวมของสองขบวนการประท้วง

สิ่งที่ทำให้การประท้วงครั้งนี้ทรงพลังยิ่งขึ้น คือการหลอมรวมกันระหว่างกลุ่มครอบครัวตัวประกันกับกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่มีอยู่เดิม ซึ่งเคยจัดการประท้วงครั้งใหญ่เพื่อคัดค้านแผนปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของเนทันยาฮูมาแล้วก่อนเกิดสงคราม

เมื่อความเชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการสงครามของรัฐบาลลดลง ข้อเรียกร้องจึงขยายจากแค่เรื่องตัวประกัน ไปสู่การเรียกร้องให้ เบนจามิน เนทันยาฮู แสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวด้านความมั่นคงและลาออกจากตำแหน่ง นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ สโลแกน “เลือกตั้งเดี๋ยวนี้!” (Elections Now!) จึงถูกนำมาใช้เคียงคู่กับ “ข้อตกลงเดี๋ยวนี้!”

การเคลื่อนไหวนี้ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองภายในอิสราเอลไปโดยสิ้นเชิง จากเดิมที่เป็นเรื่องของนโยบายความมั่นคง กลายเป็นเรื่องของความชอบธรรมและความสามารถของผู้นำประเทศ

Israel-Gaza updates: IDF says 2 hostages rescued from Gaza - ABC News

ภารกิจช่วยตัวประกัน vs. ชัยชนะเบ็ดเสร็จ

หัวใจของความขัดแย้งภายในชาติครั้งนี้ คือการปะทะกันของสองแนวคิดที่ดูเหมือนจะไปด้วยกันไม่ได้

  • แนวคิด ‘ตัวประกันต้องมาก่อน’ (Hostages First) สนับสนุนโดยผู้ประท้วงและพรรคฝ่ายค้านบางส่วน เชื่อว่าภารกิจที่มีมนุษยธรรมและเร่งด่วนที่สุดคือการช่วยชีวิตพลเรือนอิสราเอลที่ยังเหลือรอดอยู่ แม้จะต้องแลกมากับการประนีประนอมกับฮามาส เช่น การปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์จำนวนมาก และการยอมรับการหยุดยิงระยะยาว
  • แนวคิด ‘ชัยชนะเบ็ดเสร็จ’ (Total Victory) สนับสนุนโดยเนทันยาฮูและพรรคร่วมรัฐบาลฝ่ายขวาจัด เชื่อว่าการประนีประนอมใดๆ กับฮามาสถือเป็นความอ่อนแอและเป็นชัยชนะของผู้ก่อการร้าย พวกเขายืนกรานว่าวิธีเดียวที่จะรับประกันความปลอดภัยของอิสราเอลในระยะยาวและปลดปล่อยตัวประกันได้ คือการใช้กำลังทหารทำลายล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก

ความแตกแยกนี้ได้สร้างสภาวะที่เรียกว่า “อัมพาตทางการตัดสินใจ” (Decision Paralysis) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ ชะตากรรมตัวประกันในกาซา

เดิมพันทางการเมืองของ เบนจามิน เนทันยาฮู

สำหรับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู นี่คือวิกฤตซ้อนวิกฤตที่อาจตัดสินอนาคตทางการเมืองของเขา คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ทําไมเนทันยาฮูถึงยังไม่ลาออก? คำตอบนั้นอยู่ที่โครงสร้างรัฐบาลผสมที่เปราะบางของเขา

  • แรงกดดันจากฝ่ายขวาจัด พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพันธมิตรสำคัญของเขา เช่น พรรค Religious Zionism และ Jewish Power ได้ขู่ว่าจะถอนตัวออกจากรัฐบาลทันทีหากเนทันยาฮูทำข้อตกลงใดๆ ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นการ “ยอมจำนน” ต่อฮามาส การล่มสลายของรัฐบาลจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่งผลสำรวจชี้ว่าเขาและพรรคพวกมีแนวโน้มจะพ่ายแพ้
  • คดีความส่วนตัว เนทันยาฮูยังคงต่อสู้กับคดีทุจริตคอร์รัปชันในชั้นศาล การอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำให้เขายังคงมีอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองอยู่
  • การสร้างภาพลักษณ์ ‘Mr. Security’ เนทันยาฮูสร้างภาพลักษณ์ของตนเองมาตลอดว่าเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและเชี่ยวชาญด้านความมั่นคง การยอมรับข้อตกลงที่ถูกมองว่าอ่อนแอจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์จำนวนมากจึงมองว่า การตัดสินใจของเนทันยาฮูใน สงครามอิสราเอล-ฮามาส ถูกขับเคลื่อนด้วยการคำนวณเพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเองมากพอๆ กับผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้การ ประท้วงในอิสราเอล ยิ่งโหมกระพือรุนแรงขึ้น

Egypt proposes 2-day cease-fire in Israel-Hamas war with release of 4  hostages in Gaza | PBS News

บทสรุป อนาคตของอิสราเอลที่ตัดสินบนท้องถนน

แนวทางแก้ปัญหาสงครามอิสราเอลล่าสุด ไม่ได้ถูกกำหนดโดยกลยุทธ์ในสนามรบเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังถูกกำหนดโดยพลังกดดันมหาศาลจาก “สนามรบในบ้าน” บนท้องถนนของกรุงเทลอาวีฟและเมืองอื่นๆ การประท้วงที่เติบโตขึ้นทุกสัปดาห์กำลังกัดเซาะความชอบธรรมของรัฐบาล และสร้างแรงกดดันมหาศาลให้ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง

ชะตากรรมของตัวประกันที่เหลือ, อนาคตทางการเมืองของเบนจามิน เนทันยาฮู, และทิศทางของสงครามครั้งนี้ อาจไม่ได้ถูกตัดสินด้วยเสียงปืนในกาซา แต่จะถูกตัดสินด้วยเสียงตะโกนของประชาชนที่กำลังต่อสู้ใน “สงครามซ้อนสงคราม” เพื่อจิตวิญญาณและอนาคตของชาติอิสราเอลเอง

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *