ข่าวใหญ่สะเทือนวงการท่องเที่ยวเอเชีย เมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศ “ไฟเขียว” ให้สิทธิ์ฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะ (กรุ๊ปทัวร์) โดยจะเริ่มมีผลปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองก่อนวันหยุดยาว “โกลเด้นวีค” ของจีนเพียงไม่กี่วัน นี่ไม่ใช่แค่การเปิดประเทศ แต่คือ ‘การประกาศศึก’ ชิงตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ทรงพลังและมีกำลังซื้อสูง ซึ่งส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทยโดยตรง ในวันที่นโยบาย “ฟรีวีซ่าถาวร” ของเรากำลังถูกท้าทายอย่างจัง ถึงเวลาที่ต้องทบทวนอย่างจริงจังว่า เมื่อความสะดวกสบายด้านวีซ่าไม่ใช่ความได้เปรียบหนึ่งเดียวอีกต่อไป ประเทศไทยมีดีอะไรที่จะมัดใจมังกรตัวนี้ไว้ได้
เกาหลีใต้เดินเกมรุก เจาะลึกนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ชิงทัวร์จีน
กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ ร่วมกับ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ โดยมีไฮไลท์คือการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้กับกรุ๊ปทัวร์จีนเป็นการชั่วคราว โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
- กลุ่มเป้าหมาย นักท่องเที่ยวสัญชาติจีนที่เดินทางผ่านบริษัททัวร์ที่ได้รับการรับรอง
- ช่วงเวลา เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2568 ไปจนถึงสิ้นปี (อาจมีการขยายเวลา)
- เป้าหมาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางมาใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาวโกลเด้นวีค (1-7 ตุลาคม) และกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก
- เหตุผลเบื้องหลัง การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ หลังจากซบเซาไปนานหลายปีจากประเด็นทางการเมือง (กรณีระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD) และการกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบของจีน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการเดินเกมที่ชาญฉลาดและรวดเร็วของเกาหลีใต้ เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งจากตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังอัดอั้นจากการไม่ได้เดินทางมานาน และพร้อมจะใช้จ่ายอย่างเต็มที่
สมรภูมิเดือดชิง “นักท่องเที่ยวจีน” ไทย VS เกาหลีใต้
การประกาศ ฟรีวีซ่าเกาหลีใต้ ครั้งนี้ ทำให้สมรภูมิการแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนดุเดือดยิ่งขึ้น โดยมีประเทศไทยเป็นคู่ชกสำคัญที่ต้องตั้งรับอย่างหนัก แม้เราจะได้เปรียบจากการมีนโยบาย ฟรีวีซ่าไทย-จีนถาวร แต่เมื่อคู่แข่งใช้กลยุทธ์เดียวกัน ความได้เปรียบนั้นก็ลดลงทันที ถึงเวลาที่เราต้องมาเปรียบเทียบกันหมัดต่อหมัดว่าใครมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร
จุดแข็งเกาหลี Soft Power และการตลาดที่ทรงพลัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Soft Power เกาหลี คืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุด นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่ได้ต้องการมาดูแค่วัดวัง แต่ต้องการมาสัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกับในซีรีส์ที่เขาดู ต้องการซื้อสินค้าที่ไอดอลที่เขาชื่นชอบเป็นพรีเซนเตอร์ KTO ทำการตลาดได้อย่างเฉียบคมโดยผูกโยงการท่องเที่ยวเข้ากับวัฒนธรรมป๊อปได้อย่างลงตัว
จุดอ่อน (หรือโจทย์ใหญ่) ของไทย ภาพลักษณ์และความปลอดภัย
ในทางกลับกัน การท่องเที่ยวไทย ยังคงต้องต่อสู้กับภาพลักษณ์เชิงลบที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียของจีน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรือปัญหาการถูกหลอกลวงจากผู้ประกอบการบางกลุ่ม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนบางส่วนลังเลที่จะเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรก
เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการไทย “เราต้องทำมากกว่าแค่เปิดประตู”
แหล่งข่าวในสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ให้ความเห็นว่า “การที่เกาหลีใต้เปิดฟรีวีซ่าให้กรุ๊ปทัวร์จีนเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะเป็นการเพิ่มตัวเลือกที่น่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก ตอนนี้เราไม่สามารถแข่งแค่เรื่องความง่ายในการเข้าเมืองได้อีกแล้ว แต่ต้องกลับมาถามตัวเองว่า เมื่อนักท่องเที่ยวจีนมาถึงแล้ว เรามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้เขาได้หรือไม่ ปัญหาเก่าๆ อย่าง ปัญหาทัวร์จีนในไทย หรือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ทำลายภาพลักษณ์ ต้องถูกแก้ไขอย่างจริงจังเสียที”
ก้าวต่อไปของ “การท่องเที่ยวไทย” ยุทธศาสตร์ที่ต้องยกระดับ
เมื่อคู่แข่งเดินเกมรุก ประเทศไทยจะหยุดนิ่งไม่ได้ และนี่คือสิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการ
- ยกระดับประสบการณ์และความปลอดภัย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว การมีมาตรการที่ชัดเจนและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังคือกุญแจสำคัญ
- พัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ ถึงเวลาที่ต้องก้าวข้ามกับดักของ “ทัวร์ราคาถูก” และหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness), การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy) หรือการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มีกำลังซื้อสูง
- ทำการตลาดเชิงรุกและสร้างสรรค์ ททท. ต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันสมัยและตรงจุดมากขึ้น อาจต้องร่วมมือกับ Influencer หรือผู้ผลิตคอนเทนต์ชาวจีน เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ๆ ของประเทศไทยที่นอกเหนือจากภาพจำเดิมๆ
- บูรณาการความร่วมมือ ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนต้องทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงจากเครื่องบินจนถึงวันที่เดินทางกลับ
บทสรุป ถึงเวลาเปลี่ยนจาก “ตั้งรับ” เป็น “เดินเกมรุก”
การเปิดฟรีวีซ่าของเกาหลีใต้คือ Wake-up Call ครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย มันพิสูจน์ให้เห็นว่าในโลกยุคหลังโควิด-19 การแข่งขันนั้นดุเดือดและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม การพึ่งพานโยบายใดนโยบายหนึ่งเป็น “ไพ่ตาย” ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ยั่งยืนอีกต่อไป
นี่คือโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องหันกลับมาทบทวนจุดแข็งและแก้ไขจุดอ่อนของตัวเองอย่างจริงจัง เพื่อเปลี่ยนจากการเป็นฝ่าย “ตั้งรับ” มาเป็นการ “เดินเกมรุก” สร้างสรรค์และนำเสนอคุณค่าที่แท้จริงที่คู่แข่งท่องเที่ยวรายอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ โจทย์ใหญ่คือ ไทยต้องทำอย่างไรเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีน ไม่ใช่แค่ด้วยประตูที่เปิดกว้าง แต่ด้วยหัวใจที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ความท้าทายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องตอบสนอง
แหล่งที่มาจาก : am2con
