ดีเดย์! ไทย-อินโดฯ-มาเลย์ จับมือ สแกนจ่ายเงินบาท-ริงกิต-รูเปียห์ได้โดยตรง กระเทือนถึงดอลลาร์

ธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น

ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินอยู่ในตลาดที่กัวลาลัมเปอร์ หรือคาเฟ่สุดชิคในบาหลี และสามารถหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดแอปธนาคารของไทยเพื่อสแกนจ่ายเงินได้ทันที โดยไม่ต้องวุ่นวายกับการแลกเงินหรือกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ซับซ้อนอีกต่อไป… วันนี้ภาพฝันนี้ได้กลายเป็นความจริงแล้ว! ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างธนาคารกลางของไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในการขยายเครือข่ายการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ไม่ใช่เป็นเพียงข่าวเศรษฐกิจบนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่คือการปฏิวัติที่จะเปลี่ยนวิถีการใช้จ่าย การท่องเที่ยว และการค้าของคนไทยนับล้าน บทความนี้จะเจาะลึกถึงเบื้องหลังความร่วมมือครั้งนี้ และแปลความหมายสำคัญว่ามันจะส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของคุณและอนาคตของเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างไร

Malaysia, Indonesia & Thailand's central banks adopt unified local currency  transaction framework, expand | Human Resources Online

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของอาเซียน เกิดข้อตกลงอะไรขึ้น?

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), Bank Indonesia (BI), และ Bank Negara Malaysia (BNM) ได้ประกาศความสำเร็จในการเชื่อมโยงและขยายกรอบความร่วมมือการทำธุรกรรมระหว่างกันโดยใช้สกุลเงินท้องถิ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อ Local Currency Settlement Framework (LCS Framework) อย่างเป็นทางการ

ข้อตกลงนี้คือการยกระดับความร่วมมือที่มีอยู่เดิมระหว่าง ไทย-มาเลเซีย และ ไทย-อินโดนีเซีย ให้กลายเป็นเครือข่ายสามฝ่ายที่สมบูรณ์และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการใช้เงินบาท, ริงกิตมาเลเซีย และรูเปียห์อินโดนีเซีย ในการชำระค่าสินค้า บริการ และการลงทุนระหว่างสามประเทศ โดยไม่ต้องผ่านการแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นตัวกลางอีกต่อไป

นี่คือส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่ใหญ่กว่าในเรื่อง ความร่วมมืออาเซียน ที่จะสร้างระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงถึงกัน (ASEAN Payment Connectivity) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับประชาชนและภาคธุรกิจในภูมิภาค

“ธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น” (LCS) คืออะไร? ทำไมเราต้องตื่นเต้น

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกถึงกระบวนการแบบเดิม

  • แบบเดิม (ผ่าน USD) เมื่อผู้ประกอบการไทยต้องการจ่ายเงินค่าสินค้าให้คู่ค้าในมาเลเซีย เขาจะต้องนำเงิน “บาท” ไปแลกเป็น “ดอลลาร์สหรัฐ” ก่อน จากนั้นจึงนำเงิน “ดอลลาร์สหรัฐ” ไปแลกเป็น “ริงกิต” เพื่อจ่ายให้คู่ค้า กระบวนการนี้มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและเกิดต้นทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยน ถึงสองต่อ
  • แบบใหม่ (ผ่าน LCS) ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ ผู้ประกอบการไทยสามารถชำระเงินเป็น “บาท” และระบบจะทำการแปลงเป็น “ริงกิต” ให้กับคู่ค้าโดยตรง ผ่านธนาคารที่ได้รับการแต่งตั้ง (Appointed Cross-Currency Dealers – ACCDs) กระบวนการนี้ตัดเงินดอลลาร์สหรัฐออกไป ทำให้เกิดประโยชน์มหาศาล

ข้อดีของการไม่ใช้เงินดอลลาร์ ในกรณีนี้คือ

  • ลดต้นทุนค่าธรรมเนียม การแลกเปลี่ยนเงินเพียงต่อเดียว ทำให้ค่าธรรมเนียมโดยรวมถูกลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ลดความเสี่ยงจากความผันผวน ลดการเผชิญกับความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้
  • เพิ่มประสิทธิภาพและความเร็ว การทำธุรกรรมรวดเร็วขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน

พูดง่ายๆ คือ LCS framework คืออะไร? มันคือ “ทางด่วน” การเงินระหว่างประเทศ ที่ช่วยให้เงินทุนไหลเวียนระหว่างกันได้สะดวก คล่องตัว และมีเสถียรภาพมากขึ้น

Indonesia Inks Local Currency Transaction Pact with Malaysia, Thailand

ผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อ “คนไทย” จากนักท่องเที่ยวสู่เจ้าของธุรกิจ

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการธนาคารหรือบริษัทขนาดใหญ่ แต่มันส่งผลดีโดยตรงถึงคนไทยทุกคนในหลายมิติ

1. สายเที่ยวเฮ! สแกนจ่ายด้วย QR Code ข้ามพรมแดน

นี่คือผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากที่สุดสำหรับคนทั่วไป การเชื่อมโยงระบบชำระเงินนี้ครอบคลุมถึงการใช้ QR Code ข้ามพรมแดน (Cross-border QR Payment) ซึ่งหมายความว่า

  • จากไทยไปอินโดฯ/มาเลเซีย นักท่องเที่ยวไทยสามารถใช้ Mobile Banking Application ของธนาคารในประเทศไทย (เช่น K PLUS, SCB EASY, Krungthai NEXT) สแกนจ่ายที่ร้านค้าในอินโดนีเซีย (ผ่านระบบ QRIS) และมาเลเซีย (ผ่านระบบ DuitNow QR) ได้เลย
  • จากอินโดฯ/มาเลเซียมาไทย นักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศก็สามารถใช้แอปของพวกเขามาสแกนจ่าย Thai QR Code ตามร้านค้าในประเทศไทยได้เช่นกัน

ใช้ QR code ที่มาเลเซียทำอย่างไร? ง่ายๆ เพียงแค่มองหาร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ DuitNow QR และเปิดแอปธนาคารไทยของคุณเพื่อสแกน ระบบจะแสดงยอดเงินเป็นสกุลเงินริงกิต พร้อมกับอัตราแลกเปลี่ยนและยอดเงินบาทที่จะถูกหักจากบัญชีของคุณ เพื่อให้คุณยืนยันก่อนชำระเงิน เป็นวิธีที่โปร่งใส สะดวก และปลอดภัยกว่าการพกเงินสดจำนวนมาก

2. ผู้ประกอบการ SME ยิ้ม ลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีการนำเข้า-ส่งออก หรือทำธุรกิจกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย นี่คือตัวเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง

  • ลดต้นทุนแฝง การไม่ต้องแปลงค่าเงินหลายทอดช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้สามารถตั้งราคาสินค้าได้แข่งขันมากขึ้น
  • บริหารความเสี่ยงง่ายขึ้น การทำธุรกรรมเป็นสกุลเงินท้องถิ่นโดยตรงช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การวางแผนธุรกิจและการเงินทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • เพิ่มโอกาสทางการค้า เมื่ออุปสรรคด้านการชำระเงินลดลง ย่อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงตลาดในสองประเทศนี้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจ การค้าชายแดน และ E-commerce

ภาพใหญ่ ก้าวแรกสู่ “การลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ” และอนาคตเศรษฐกิจอาเซียน

นอกเหนือจากประโยชน์ที่จับต้องได้สำหรับประชาชนและธุรกิจ ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีความหมายในเชิงมหภาคและภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจที่ลึกซึ้ง

  • สร้างเสถียรภาพให้ภูมิภาค การลดการพึ่งพาสกุลเงินนอกภูมิภาคอย่างดอลลาร์สหรัฐ ช่วยลดความเปราะบางของเศรษฐกิจอาเซียนต่อวิกฤตการเงินโลกหรือนโยบายการเงินของสหรัฐฯ
  • ส่งเสริมบทบาทเงินสกุลท้องถิ่น เป็นการยกระดับเงินบาท ริงกิต และรูเปียห์ ให้มีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น
  • วางรากฐานสู่สกุลเงินดิจิทัล การเชื่อมโยงระบบชำระเงินครั้งนี้ เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งอาจต่อยอดไปสู่การใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) ในอนาคตได้

นี่คือยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ “De-dollarization” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งหลายประเทศพยายามสร้างทางเลือกทางการเงินเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจของตนเอง

Indonesia Inks Local Currency Transaction Pact with Malaysia, Thailand

บทสรุป อนาคตการเงินที่ไร้พรมแดน เริ่มต้นแล้ววันนี้

การขยายเครือข่าย ธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น ระหว่างไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ไม่ใช่เพียงแค่ข่าวสาร แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญซึ่งจะส่งผลในระยะยาวต่อวิถีชีวิตและการทำธุรกิจในภูมิภาค มันคือการทลายกำแพงทางการเงิน ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนเป็นไปอย่างอิสระ มีประสิทธิภาพ และต้นทุนต่ำลง

สำหรับนักท่องเที่ยว นี่คือประตูสู่ประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายและคุ้มค่ากว่าเดิม สำหรับผู้ประกอบการ นี่คือโอกาสในการเติบโตในตลาดที่ใหญ่ขึ้นพร้อมต้นทุนที่ลดลง และสำหรับประเทศไทย นี่คือก้าวย่างที่มั่นคงในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสร้างอนาคตทางการเงินที่ยั่งยืนร่วมกับเพื่อนบ้านในอาเซียน และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่โลกการเงินแห่งอนาคตที่ไร้พรมแดนอย่างแท้จริง

แหล่งที่มาจาก : am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *